หลังจากที่ได้เห็น ลิเวอร์พูล โดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่รักคู่แค้นใน พรีเมียร์ลีก จัดการถล่มประตูใส่ไม่ยั้งในศึก แดงเดือด ที่ราชมังคลากีฬาสถานเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คำถามที่ตามมาก็คือ เยอร์เก้น คล็อปป์ ควรพอใจกับขุมกำลังที่มีอยู่ในมือ ณ เวลานี้จริง ๆ หรือ?
ย้อนกลับไปที่ศึก Red War เวอร์ชั่นไทยแลนด์กันก่อน ในขณะที่ เอริค เทน ฮาก ส่ง 11 นักเตะชุดใหญ่ลงสนามอย่างพร้อมหน้า แต่ทีมชุดแรกของนายใหญ่ หงส์แดง กลับมีเพียง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน, หลุยส์ ดิอาซ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โจ โกเมซ และ อลิสซอน เบ็คเกอร์ เท่านั้นที่ลงไปประคองน้อง ๆ
ซึ่งผลที่ออกมาคือ 30 นาทีแรกพวกเขาเสียไป 2 ลูกจากความผิดพลาดของเกมรับที่ประกอบด้วยตัวสำรองและแข้งดาวรุ่ง
ทีมชุด 2 ที่ลงเล่นในช่วงนาทีที่ 31-60 ได้เห็น เจมส์ มิลเนอร์, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, โจเอล มาติป, เคอร์ติส โจนส์ และ คอสตาส ซิมิคาส สลับหน้าลงมา แต่ก็เสียประตูอย่างรวดเร็วจากความผิดพลาดของ รีส วิลเลียมส์ จนทำให้ครึ่งแรกโดนนำ 3-0
ครึ่งหลังมีการเปลี่ยนตัวอีกครั้งในนาทีที่ 61 ได้เห็นชุดใหญ่ไฟกระพริบไม่ว่าจะเป็นแผงแบ็คโฟร์อย่าง เวอร์จิล ฟาน ไค์, อิบราฮิมา โคนาเต้, แอนดรูว โรเบิร์ตสัน และ เทรนท์ อาร์โนลด์
ส่วนแดนกลางประกอบไปด้วย ฟาบินโญ, นาบี เกอิต้า และ ติอาโก้ อัลคันทารา ด้านบน 3 ตัวมี ดาร์วิน นูนเญซ ได้ประเดิมสนามนัดแรกพร้อมกับ โม ซาลาห์ และเจ้าหนู ทอม ฮิลล์
แต่กลายเป็นว่าชุดนี้เจาะแนวรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีทั้งดาวรุ่งและตัวสำรองไม่เข้า แถมโดนประตูที่ 4 จากลูกสวนกลับอีกต่างหาก จบเกมเลยแพ้ยับเยิน 4-0
มีความเป็นห่วงเกิดขึ้นว่า ดูจากคุณภาพของตัวสำรองแล้ว คล็อปป์ น่าจะหาแดนกลางเข้ามาเพิ่มเติมอีกซักคน ให้มันอุ่นใจกว่านี้จะดีมั้ย
การคว้า ดาร์วิน นูนเญซ นั้นเป็นเรื่องดีที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ แม้จะมีเวลาเพียง 20 กว่านาทีในเกมแรก แต่เขาก็แสดงให้เห็นถึงสัญญาณหลายๆ
อย่างที่น่าพอใจในแนวรุก ส่วนเสียงค่อนแคะว่าจะเป็น นิวแอนดี้ คาร์โรล หรืออะไรก็ตามแต่ นั่นเป็นเพียงการปั่นกระแสในโซเชียลมิเดียเท่านั้น
แต่การไร้ซึ่งมิดฟิลด์ตัวกลางในการเสริมทัพ ยังคงเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจสำหรับแฟนบอลอยู่ไม่น้อยเมื่อดูจากคุณภาพของแดนกลางในเกมล่าสุด
อย่างไรก็ตามเมื่อดูจากบทสัมภาษณ์ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ดูเหมือนว่าเขาจะพอใจกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว และสาเหตุสำคัญที่ทำให้พ่ายต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบหมดรูป ไม่ใช่เพราะการไม่มีนักเตะใหม่ในแดนกลาง แต่เป็นเรื่องของระยะเวลาในการเตรียมทีมมากกกว่า
“เราควรจะยิงประตูได้ในช่วง 4 นาทีสุดท้าย แต่ก็อย่างที่ได้เห็น ฟุตบอลคือเกมที่วัดกันที่ผลการแข่งขัน และเราก็ทำทุกอย่างเพื่อมัน แต่เรายังต้องเตรียมทีมเพื่อลงเล่นในซีซันใหม่นี้ด้วย”
“เราไม่มีโอกาสเตรียมตัวมาเล่นในเกมนี้ เราจึงต้องแบ่งออกมาเป็น 3 ทีม ลงเล่นกันทีมละ 30 นาที เรามีเวลาซ้อมเพียง 8 วันกับนักเตะกลุ่มใหญ่ ส่วนพวกที่ไปเล่นทีมชาติมาก็เพิ่งจะได้ลงซ้อมเพียง 3 วัน”
จะบอกว่านี่เป็นข้อแก้ตัวก็มองได้ แต่ในสภาพความเป็นจริง มันเป็นแบบนั้นจริงๆ
อย่างไรก็ตามมีการตั้งข้อสังเกตว่า ตอนที่ ลิเวอร์พูล แพ้ เรอัล มาดริด ใน ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อปี 2018 จากนั้นพวกเขาก็จัดเต็มซื้อนักเตะแบบแทบจะทุกตำแหน่ง ไล่ไปตั้งแต่ ฟาบินโญ, อลิสซอน เบ็คเกอร์, นาบี เกอิต้า และ เซอร์ดาน ชากิรี ซึ่งหมดไปกว่า 170 ล้านปอนด์
แต่พอแพ้ให้กับ ราชันชุดขาว ในรอบชิง UCL เมื่อ 2 เดือนก่อน กลายเป็นว่าพวกเขาเดินหน้าคว้าตัว 2 ดาวรุ่งอย่าง ฟาบิโอ คาร์วัลโญ และ คาลวิน ฟิลลิปส์ รวมทั้งการทุ่มเงิน 85 ล้านปอนด์กับ ดาร์วิน นูนเญซ เท่านั้น ซึ่งตอนแรกก็ดูเหมือนจะพอเพียงกับการลุ่นแชมป์ในฤดูกาลหน้า หากแต่พอมาแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยับเยิน 0-4 เสียงเรียกร้องหากองกลางเก่งๆ อีกซักคนก็ดังตามมา
อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ มองความพ่ายแพ้ดังกล่าวว่ายังไม่ใช่เรื่องที่จะต้องคิดหนักถึงขนาดต้องซื้อนักเตะใหม่เพิ่มเติม ซึ่งเขายืนยันด้วยตัวเอง
“สิ่งที่เราได้แสดงให้เห็นนั้นคือ เราไม่ได้เซ็นสัญญากับนักเตะใหม่เพราะว่าเราแพ้ต่อ เรอัล มาดริด ในนัดชิงขนะเลิศ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก หลายคนมองว่าเราพลาดแชมป์ระดับเมเจอร์มา 2 รายการ แต่เราก็รู้ว่าเรื่องแบบนี้มันอยู่ที่โชคและสิ่งอื่น ๆ ด้วย”
“ผมมองเห็นการพัฒนาที่ยอดเยี่ยม เราสามารถผสมผสมานให้ทีมดีขึ้นกว่าเดิมได้ เราทำให้แตกต่างจากเดิม เชื่อมั่นมากกว่าเดิม สงบยิ่งกว่าเดิม และมีชีวิตชีวามากขึ้น นี่คือทุกสิ่งที่เกิดขึ้น”
คล็อปป์ กำลังบอกกับทุกคนว่า ทีมของเขานั้นพร้อมอยู่แล้วทุกตำแหน่งไม่มีอะไรต้องกังวล รอแค่เวลาในการหลอมหลวมกันให้เป็นหนึ่งเดียวก่อนจะเปิดฤดูกาลแค่นั้น
ถ้ายังเห็น หงส์แดง ไปพ่ายต่อ คริสตัล พาเลซ ที่ สิงคโปร์ในวันศุกร์นี้ก็ไม่ต้องตกใจอะไรมากมาย ทำใจร่มๆ ดูบอลให้สนุก แล้วค่อยลุ้นกันวันที่ 6 สิงหาคมในการออกไปเยือน ฟูแลม เกมแรกทีเดียว