ให้หลังจากการวนลูปในฟอร์มการเล่นที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายชนิดที่ยากจะคาดเดาของ สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชา ในที่สุดบอร์ดบริหารของ ปีศาจแดง ก็ตัดสินใจถอดเครื่องช่วยหายใจแยกทางกับกุนซือชาว นอร์เวย์ ในที่สุดหลังเกมที่พวกเขาบุกพ่าย วัตฟอร์ด หมดรูปด้วยสกอร์ 4-1 ศึก พรีเมียร์ลีก คืนวันเสาร์
จากตัวแทนของ โชเซ มูรินโญ ที่เข้ามาเป็นฮีโร่กอบกู้วิกฤตช่วงกลางฤดูกาล 2018/19 เกิดอะไรกับ โซลชา จึงทำให้เขาไม่ใช่คำตอบสุดท้ายสำหรับสำหรับ เร้ดเดวิลส์
ย้อนรอยความผิดพลาดของ มูรินโญManchester United v Tottenham Hotspur – Premier League / Matthew Ashton – AMA/GettyImages
โซลชา เข้ารับตำแหน่งแทนที่ มูรินโญ ในเดือนธันวาคม 2018 ภายใต้สัญญาระยะสั้น โดยการเปลี่ยนแปลงกุนซือกะทันหันช่วงกลางซีซันทำให้เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้อดีตหัวเรือใหญ่ของ โมลด์ ทีมในลีกสูงสุดของ นอร์เวย์ นั่งแท่นผู้จัดการทีมขัดตาทัพอย่างเป็นทางการ
ด้วยดีกรีตำนานของสโมสรของ โซลชา บวกกับการสูญเสียห้องแต่งตัวของ จ่ามู ทำให้ทุกอย่างดูจะเข้าทางในเวลานั้นเมื่อสิ่งสำคัญที่สุดของทัพ เร้ดเดวิลส์ ภายใต้ช่วงเวลาที่ยากลำบากดังกล่าวคือการเรียมความมั่นใจกลับคืนมาให้ได้เป็นอันดับแรก
หนึ่งในนักเตะที่ยืนยันถึงบรรยากาศในห้องแต่งตัวที่เข้าขั้นวิกฤตภายใต้การคุมทัพของ เดอะสเปเชียลวัน คือ อเล็กซิส ซานเชซ ที่ให้สัมภาษณ์กับ บีบีซี หลังย้ายอกจากทีมไปแล้วว่า
“มูรินโญ เป็นหนึ่งในโค้ชที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกหากพิจารณาถึงวิธีที่เขาฝึกสอนลูกทีม วิธีที่เขาศึกษาวิดีโอ และวิธีที่เขาจัดการสิ่งต่างๆ แต่ภายในกลุ่มนักเตะมันมีความรู้สึกที่ถูกแบ่งแยกว่าตอนนี้คุณเป็นส่วนหนึ่งกับทีม จากนั้นก็หลุดไป บางครั้งผมไม่ได้ลงสนาม จากนั้นผมก็ถูกส่งลงเล่นวนเวียนแบบนี้ ซึ่งในฐานะนักเตะมันทำให้คุณสูญเสียความมั่นใจ”
“จากนั้นบรรยากาศโดยรวมก็สร้างความอึดอัดขึ้นมาแทนที่”
ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะเป็น โซลชา เองที่เดินตามรอยความผิดพลาดของ มูรินโญ ยึดติดกับแข้งบิ๊กเนมหลายรายทั้งที่ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีและละเลยตัวเลือกอื่นๆ ของทีม
ดีเอ็นเอ แมนฯ ยูไนเต็ด?Watford v Manchester United – Premier League / Charlie Crowhurst/GettyImages
‘แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดีเอ็นเอ’ เป็นคอนเซ็ปท์ที่ โซลชา ให้สัมภาษณ์ถึงอยู่บ่อยครั้ง เขามักเน้นย้ำความสำคัญของทัศนคติของนักเตะที่มีต่อเกม ความไม่ยอมแพ้จนถึงนาทีสุดท้าย ความกระหายต่อความสำเร็จและชัยชนะ ไปจนถึงวิถีทางการเล่นเกมรุกแบบดั้งเดิมของทีม ฯลฯ
ความเป็นนามธรรมของดีเอ็นเอที่ว่าทำให้การวัดผลกลายเป็นเรื่องปัจเจกหากต้องตอบคำถามที่ว่าผู้เล่นคนใดมีดีเอ็นเอของ แมนฯ ยูไนเต็ด มากกว่าใคร หรือดีเอ็นเอที่ว่าคงอยู่ในระดับเดิมตลอดเวลาหรือไม่ในช่วงที่ โซลชา นั่งเก้าอี้กุนซือ ปีศาจแดง
ในทางกลับกัน รูปแบบการเล่นของพวกเขาและการปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับคู่ต่อสู้คือสิ่งที่สามารถวัดผลได้ชัดเจน และการปราชัย 7 นัดจาก 13 เกมหลังสุดก็ไร้ข้อกังขาใดๆ ถึงความอ่อนด้อยดังกล่าวโดยเฉพาะเมื่อ 2 เกมในนั้นคือความพ่ายแพ้ต่อคู่อริตัวฉกาจอย่าง ลิเวอร์พูล ด้วยสกอร์ขาดลอย 5-0 และต่อ แมนฯ ซิตี้ 2-0 คารัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ชนิดที่หมดสิทธิ์ต่อกรทุกกระบวนท่า
การเซ็นสัญญาที่เปลี่ยนแข้งเวิลด์คลาสเป็นเวิลด์แก๊สLeicester City v Manchester United: Emirates FA Cup Quarter Final / Alex Pantling/GettyImages
การเซ็นสัญญา 8 แข้งที่มีชื่อกับทีมชุดใหญ่อย่างต่อเนื่องและอีก 4 นักเตะดาวรุ่งกลายเป็นการคว้าตัวแข้งใหม่อย่างสะเปะสะปะเมื่อพวกเขาไม่ได้มีแนวทางการเล่นชัดเจนอย่าง จุดเด่นที่ดาวเตะแต่ละรายเคยมีกับอดีตต้นสังกัดถูกกลบจากรูปแบบการเล่นที่ไม่ปะติดปะต่อกันของ โซลชา ที่แม้กระทั่งแข้งอย่าง บรูโน แฟร์นันด์ส ก็มีวันที่ฟอร์มหลุดอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะเมื่อคู่ต่อสู้เป็นทีมใหญ่ที่เหนือชั้นกว่าจนทีมไม่อาจครอบครองบอลเพื่อทำเกมได้
“1 วันก่อนหน้าเกมการแข่งขันโดยปกติแล้วพวกเราจะซักซ้อมในทางแท็คติกโดยขึ้นอยู่กับวิธีการเล่นของคู่ต่อสู้” เควิน เดอ บรอยน์ ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมที่ แมนฯ ซิตี้ เอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0 “แต่ก่อนเกมกับ ยูไนเต็ด เป๊ป บอกกับพวกเราว่า ‘เราไม่รู้ว่าพวกเขาจะเล่นแบบไหน ไว้ค่อยดูกันเมื่อถึงเวลาแข่งขันจริง’ พร้อมกับหยุดซ้อมไปเมื่อผ่านไปราว 10 นาทีทั้งที่โดยปกติแล้วเขาจะรู้ว่าคู่แข่งจะมาไม่ไหน แต่ครั้งนี้เขาไม่รู้”
เมื่อพวกเขาไม่มีความชัดเจนในรูปแบบการเล่น ก็เป็นการเสียเวลาเปล่าที่จะพูดถึง ดีเอ็นเอ ทัศนคติ หรือสิ่งที่เป็นนามธรรมทั้งหลาย ก่อนจะกลายเป็นการกลัดกระดุมผิดเม็ดในเวลาต่อมาเมื่อพวกเขากระโจนสู่ ตลาดซื้อขายนักเตะ
แฮร์รี แม็คไกวร์ ที่เป็นผู้นำในแนวรับกับ ฮัลล์ ซิตี้ และ เลสเตอร์ กลายเป็นตัวตลกในยูนิฟอร์ม ปีศาจแดง เมื่อเขาไม่ได้มีมิดฟิลด์ตัวรับชั้นดีคอยสกรีนที่กลางสนาม
อารอน วาน-บิสซาก้า ซึ่งแข็งแกร่งในเกมรับกับ คริสตัล พาเลซ ถูกพยายามตัดแต่งพันธุกรรมพยายามให้กลายเป็นแบ็คจอมบุกให้จงได้
แดเนียล เจมส์ กลายเป็นแข้งมิติเดียว ตะบี้ตะบันเลี้ยงจี้โดยที่ศักยภาพด้านอื่นๆ ของเจ้าตัวไม่ได้รับการพัฒนาขึ้นเลยนับตั้งแต่วันแรกถึงวันสุดท้ายกับ โซลชา
อเล็กซ์ เตลเตส ฟูลแบ็คระดับปรอทแตกที่มีฤดูกาลพีคสุดในอาชีพค้าแข้งกับ ปอร์โต้ ก่อนย้ายมา แมนฯ ยูไนเต็ด กับสถิติ 13 ประตู 12 แอสซิสต์ถูกรัศมีของ ลุค ชอว์ กลบแม้ว่าแบ็คซ้ายทีมชาติ อังกฤษ จะมีช่วงฟอร์ตกก็ตาม
ดอนนี ฟาน เดอ เบค อดีตจอมทัพคีย์แมนของ อาแจ็กซ์ ที่จนถึงตอนนี้เราก็จนปัญญาควานหาถึงสาเหตุว่าเพราะเหตุใดเขาจึงเป็นแข้งที่สโมสรทุ่มทุน 35+5 ล้านปอนด์คว้าตัวมาร่วมทัพเมื่อไม่เป็นที่โปรดปรานของ โซลชา
กระทั่งนักเตะอย่าง เจดอน ซานโช หรือ คริสเตียโน โรนัลโด้ ที่กุนซือ นอร์วีเจี้ยน ยังไม่อาจรีดเฟ้นศักยภาพที่ดีที่สุดของพวกเขาออกมาได้