โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เจ้าของสโมสร “สิงห์บลูส์” เชลซี ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตัดสินใจประกาศวางมือจากการดูแลทีม พร้อมทั้งส่งมอบให้กับ มูลนิธิการกุศลของถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ รับไปดูแลแทน
โดยจากปัญหาการสู้เกิดสงครามสู้รบกันระหว่าง รัสเซีย กับ ยูเครน ส่งผลให้ตำแหน่งของเจ้าตัวได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการตั้งข้อสังเกตุว่าเขามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่เป็นคนออกคำสั่งโจมตี ยูเครน ในครั้งนี้
ซึ่งที่ผ่านมา นักธุรกิจวัย 55 ปี ก็โดนคำสั่งห้ามเดินทางเข้าสหราชอาณาจักรมาตั้งแต่ปี 2018 หลังจากมีข้อพิพาทระหว่างสหราชอาณาจักร และรัสเซีย จนล่าสุด คริส ไบรอันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของอังกฤษ ออกมาเรียกร้องให้ทางการสั่งยึดทรัพย์เจ้าตัวพร้อมทั้งตั้งคำถามว่า มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ควรได้รับไฟเขียวให้บริหารทีมฟุตบอลในเมืองผู้ดีต่อไปหรือไม่
ทำให้สุดท้าย โรมัน อบราโมวิช เจ้าของสโมสรเชลซี ตัดสินใจออกแถลงการณ์ประกาศวางมือจากการดูแลทีมอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่เข้าซื้อสโมสรเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2003
“ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี ที่ผมถือกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของ เชลซี ผมรับผิดชอบดูแลสโมสรเป็นอย่างดี เพื่อทำให้พวกเราประสบความสำเร็จเหมือนที่เราทำได้ในทุกวันนี้ เช่นเดียวกับการสร้างทีมเพื่ออนาคต”
“ที่ผ่านมาการตัดสินใจทำอะไร ผมเล็งเห็นถึงผลประโยชน์ของสโมสรด้วยหัวใจเสมอ และผมก็ยังคำนึงถึงมันเช่นเคย ด้วยเหตุนี้ผมจึงตัดสินใจที่จะส่งมอบการดูแลทีมให้กับกองทุนการกุศลของสโมสร”
“ผมเชื่อมั่นว่าพวกเขาอยู่ในสถานภาพที่จะดูแลผลประโยชน์ของสโมสร นักเตะ สตาฟฟ์ และแฟนบอลได้” ข้อความที่ “เสี่ยหมี” ออกแถลงการณ์วางมือเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
สำหรับ เชลซี ก้าวขึ้นมาเป็นทีมชั้นนำของเกาะอังกฤษ นับตั้งแต่ที่ โรมัน อบราโมวิช ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลในการทำทีม โดยกวาดแชมป์ต่างๆ มากมายทั้ง แชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย, แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัย, แชมป์ เอฟเอ คัพ 5 สมัย , แชมป์ ลีกคัพ 3 สมัย , แชมป์ ยูโรปาลีก 2 สมัย และแชมป์ สโมสรโลก 1 สมัย