มิเคล อาร์เตตา ผู้จัดการทีมอาร์เซนอล ได้มีการกล่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง (32 ปี สัญญาถึงกลางปี 2023) ซึ่ง ณ เวลานี้หลุดออกจากทีมไปแล้ว 4 เกมรวด จากการทำผิดวินัยของสโมสร และถูกปลดออกจากตำแหน่งกัปตันทีมเรียบร้อยแล้ว
โดยที่ผ่านมา อาร์เตตา ไม่ได้ตอบอะไรชัดเจนในเรื่องนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในความผิดของ โอบาเมยอง เพราะต้องการให้เป็นเรื่องภายในและส่วนตัวระหว่างนักเตะเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มีรายงานออกมาว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เขาเดินทางไปยังประเทศฝรั่งเศสเพื่อไปเยี่ยมแม่ของเขา แต่ไม่สามารถกลับอังกฤษเพื่อมาลงซ้อมกับทีมได้ตามกำหนดที่ตกลงกันไว้ ทำให้โดนลงโทษในที่สุด ซึ่งตอนนี้นักเตะยังคงถูกสั่งแยกซ้อมเดี่ยวเพียงคนเดียว
ในขณะที่การตัด “โอบา” ออกจากทีมไปเลยในระยะหลัง ส่วนหนึ่งนอกจากเรื่องของวินัยแล้ว ปัญหาเรื่องของผลงานของนักเตะก็มีปัญหา เขายิงไปเพียง 7 ประตูในทุกรายการ โดย 3 ใน 7 เป็นแฮตทริกในเกมชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ถ้วยคาราบาว คัพ รอบสอง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว และไม่มีสกอร์มา 6 เกมติดต่อกัน ก่อนจะโดนตัดออกจากทีม ซึ่ง อาร์เตตา ยืนยันว่าเขามีวินัยและกฎของเขาที่ใช้กับลูกทีม ซึ่งมันไม่ได้มากเกินไปอย่างแน่นอน
“ไม่! ผมไม่คิดว่าสิ่งที่ผมทำมันคือการยึดติดกับวินัยมากเกินไป ผมสามารถยืนยันได้ เคสนี้มันไม่ใช่แบบนั้น ผมไม่ได้มีความคิดที่ว่าตัวเองจะต้องมาสร้างฐานอะไรในทีมด้วยการเป็นพวกเผด็จการ หรือพยายามทำให้ตัวเองเป็นโค้ชที่เฮี้ยบอะไรทั้งนั้น” นายใหญ่ชาวสเปนให้สัมภาษณ์
“ผมเพียงแค่ขอ ความเคารพ และ ความมุ่งมั่น นั่นคือทั้งหมดที่ผมต้องการ ถ้าคุณไม่ต้องการสิ่งนี้ในการเล่นระดับสูงสุด ผมคิดว่า ควรเก็บกระเป๋าและออกไปที่อื่นดีกว่า เพราะนั่นคือข้อเรียกร้องขั้นต่ำสุดที่คุณจะสามารถร้องขอได้แล้ว”
“ผมขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้ แต่ผมชัดเจนและคาดหวังในเรื่องที่ผมพูดกับทุกคนที่ทำงานกับสโมสรนี้”
“การจะประสบความสำเร็จได้ คุณต้องมีแพสชั่นบางสิ่ง และต้องแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของสโมสรที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ นั่นคือขั้นต่ำของที่คุณต้องแสดงมันออกมา ผมคงไม่บอกให้ทุกคนว่าต้องยิงให้เข้าทุกครั้งเมื่อได้โอกาสยิงประตูหรอก แต่ผมเพียงบอกว่าจงทำในสิ่งที่เหมาะสมในทุกวันเพื่อสโมสรแห่งนี้”
มองตามสถานการณ์แล้ว แม้ว่า อาร์เตตา จะออกมากล่าวว่าการเลือกทีมของเขาในเกมกับ นอริช ซิตี้ จะเลือกกันหนึ่งวันก่อนเกม และนักเตะหรือทุกคนในสโมสรสามารถที่จะทำเรื่องผิดพลาดกันได้ แต่ก็ดูแล้วมันก็ไม่ง่ายนักกับการกลับมาสู่ทีมของ โอบาเมยอง เมื่อทีมกำลังไปได้ดีกับชัยชนะ 4 เกมติดต่อกันในทุกรายการ โดยในลีก 3 เกมหลังสุด ทำไปถึง 9 ประตู และเสียเพียง 1 ประตูเท่านั้น โดยที่ไม่มี โอบาเมยอง
ท่ามกลางข่าวที่ว่าเขาจะหลุดทีมไปจนกระทั่งจบสิ้นภารกิจ แอฟริกัน เนชันส์ คัพ ซึ่ง โอบาเมยอง จะเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ในฐานะของกัปตันทีมชาติกาบอง และหากเป็นเช่นนั้น อย่างน้อยเขาจะพลาดเกมตลอดเดือนมกราคม 2022 ซึ่งหากรวมถึงกับ 4 เกมที่หลุดทีมไปก่อนหน้านี้ โอบาเมยอง จะหลุดทีมไป 12 เกมรวด โดย โอบาเมยอง จะต้องเดินทางไปเข้าแคมป์ทีมชาติกันในช่วงปลายนี้ เพื่อให้มีเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ก่อนที่จะเข้าทัวร์นาเมนต์ในวันที่ 9 มกราคมนี้
มองสถานการณ์แล้วมันก็ชัดเจนมากว่า โอบาเมยอง ถูกลดระดับ เขาจะไม่ใช่ทางเลือกแรกของทีมอีกต่อไป และมันแนบมาพร้อมข่าวลือมากมายเกี่ยวกับการย้ายออกจากทีมของเขา มีทั้งสโมสรในลีก เอิง, เซเรีย อา และ ลา ลีกา ต่างให้ความสนใจกับเขา โดยที่หนาหูที่สุดคือ ยูเวนตุส และ บาร์เซโลนา ที่ทั้งสองทีมมีข่าวกับเขามาก่อนแล้ว
15 เดือนก่อน ภาพความหวานชื่นกับการต่อสัญญาใหม่ที่ อาร์เตต้า สามารถโน้มน้าวเขาให้เซ็นสัญญาเพื่อเป็นตัวหลักในแนวรุกของทีม พร้อมกับนักเตะที่ระบุว่าเขาอยากอยู่กับ อาร์เซนอล ต่อไป อยากกลายเป็นตำนานของสโมสรปืนใหญ่ มาถึงวันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ตอกย้ำให้เราทุกคนได้เห็นว่า “ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน” ซึ่งในวงการฟุตบอล ชีวิตของคุณจะรุ่งโรจน์หรือร่วงหล่น ขึ้นกับทุกอย่างของตัวเองทั้งเรื่องในสนามและนอกสนาม ไม่ต้องมองไกล เพียงแค่มีข่าวนี้ออกมา กระแสสังคมแฟนบอลปืนใหญ่ส่วนมากเห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้ และหลายคนถึงขั้นแสดงความเห็นให้ขายออกจากทีมได้ก็ขายได้เลย เพราะผลงานไม่ดีมาสักพักใหญ่แล้ว แถมค่าเหนื่อยก็แพงมาก บนข้อเท็จจริงที่ว่า เขาทำประตูให้ อาร์เซนอล ไปถึง 92 เกม จาก 165 เกม และนี่คืออดีตดาวยิงรองเท้าทองคำในฤดูกาล 2018/19
ด้วยความเคารพในการตัดสินใจของ อาร์เตตา มองจากมุมแฟนบอลคนหนึ่ง หาก โอบาเมยอง ในวันนี้ยังคงยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำในแบบช่วงก่อนต่อสัญญา สถานการณ์จะเป็นแบบที่เป็นอยู่หรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าคิดอย่างยิ่งว่าเขาจะกล้าหักหาญกับหัวหอกคู่ใจของตนเองหรือเปล่า มองแล้วก็ย้อนให้คิดถึงเคสของ รอย คีน หรือ ยาป สตัม ที่เคยมีปัญหาด้านวินัยกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อย่างรุนแรง และ “เฟอร์กี้” เด็ดขาดกับการปล่อยพวกเขาออกจากทีมทันทีแบบ “เสียใจ เสียดาย แต่ต้องทำ” เพราะนี่คือทีมของเขา การปกครองคนหมู่มากสำคัญที่สุดคือ วินัย ความเฉียบขาด ต้องมีทั้งพระเดชและพระคุณ กับคนใต้บังคับบัญชาของตัวเอง ซึ่ง โอบาเมยอง เคยได้รับ “สัญญาณเตือน” มาแล้วกับปัญหาด้านวินัยของเขา แต่ในเมื่อยังมีความผิดซ้ำเดิม ด้วยทั้งเป็นกัปตันทีมอีกต่างหาก โทษมันจึงแรงมากกว่าใคร
เพียงแต่เคสของ อาร์เตตา อาจตัดสินใจง่ายกว่าเคสของ เฟอร์กี้ เพราะ โอบาเมยอง ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเอง และมีแนวโน้มที่จะตกลงเรื่อยๆเสียด้วยซ้ำ ยิ่งทำให้การตัดสินใจเรื่องนี้ง่ายกว่าเดิม ลงโทษด้านวินัยที่หย่อนยานของคนเป็นกัปตัน แสดงให้ลูกทีมที่เหลือเห็นถึงการทำงานของมืออาชีพ ขณะที่สโมสรก็สามารถจะลดค่าแรงราคาแพงก่อนกำหนดหาก โอบาเมยอง ตัดสินใจย้ายออกจากทีม เปิดที่ว่างให้กองหน้าคนใหม่ที่อายุน้อยกว่า สดกว่า กระหายความสำเร็จ “ทั้งเงินทั้งกล่อง” มากกว่า ซึ่งมันดีสำหรับสโมสร และเป็นไปตามแผนงานของทีมที่จะปั้นนักเตะอายุน้อยเข้ามาสู่ทีม
นอกจากนี้ กองหน้า เป็นตำแหน่งเดียวที่พวกเขายังไม่สามารถเติมเต็มตามแผนที่ต้องการ ที่สำคัญ อาร์เตตา ก็มีหน้าที่ในการทำให้ทีมประสบความสำเร็จให้ได้ อะไรก็ตามแต่ที่เขามีสิทธิ์พึงกระทำ และเชื่อว่าจะทำให้ทีมไปถึงเป้าหมายได้ เขาก็พร้อมทำทันทีเช่นกัน เพราะมันคืออาชีพของเขาเหมือนกัน
ขอต้อนรับสู่โลกของมืออาชีพใบเดิมที่ โอบาเมยอง อยู่กับมันมาอย่างยาวนาน ที่เขาอาจหลงลืมไปว่า “อาชีพ” มันมาพร้อมกับ “ความเป็นมืออาชีพ” ทุกคนมีหน้าที่ มีสิทธิ์ ของแต่ละคน ที่มาถึงวันนี้ เมื่อผลงานของตนเองไม่เหมือนเดิม เมื่อเขาหย่อนยานในหน้าที่ของตนเอง สถานการณ์ก็พร้อมจะ “โหดร้าย” กับเขาเช่นกัน และไม่ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร บทเรียนครั้งนี้ของ โอบาเมยอง เขาจะจำไม่ลืมจนวันตาย
แต่ถ้าจบลงด้วยการออกจากทีม จะเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ต้องบอกว่า น่าเสียดาย.. น่าเสียดายจริงๆ