sportpooltoday

“อารอน แรมส์เดล” : นายทวารจอมตกชั้นที่พลิกบทบาทเป็นจอมหนึบให้ อาร์เซน่อล


"อารอน แรมส์เดล" : นายทวารจอมตกชั้นที่พลิกบทบาทเป็นจอมหนึบให้ อาร์เซน่อล

“ทำไมเราต้องซื้อประตูมือ 2 มาในราคา 30 ล้านปอนด์ ทั้ง ๆที่ตำแหน่งอื่นเรายังไม่ได้เรื่องเลยด้วยซ้ำ ผมล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ”  ไนเจล วินเทอร์เบิร์น ตำนานแบ็คซ้ายของ อาร์เซน่อล กล่าวในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดซื้อขายซัมเมอร์ที่ผ่านมา

อารอน เเรมส์เดล คือ 1 ในดีลที่สร้างความงุนงงให้กับแฟน อาร์เซน่อล ที่สุด ในช่วงเวลาที่ทีมย่ำแย่ทำไมไม่ยอมซื้อนักเตะตำแหน่งที่ขาด ทว่าหลังจากโปรเเกรมออกสตาร์ทไป 10 นัดแรก ทุกอย่างชัดเป๊ะทุกตัวอักษร แรมส์เดล คือ 1 ในนักเตะที่โดดเด่นที่สุดในทีมอาร์เซน่อลชุดนี้

ทำไมนายทวารที่สร้างตำนานย้ายไปไหนหัวหน้าตายหมด จึงโดนใจโดนตาแมวมองของ อาร์เซน่อล และเขาเอาชนะความกดดันทั้งหมดได้อย่าง? ติดตามที่ Main Stand

โลกใบใหม่ของผู้รักษาประตู 

ผู้รักษาประตูมีหน้าที่หลัก ๆ คือการหยุดลูกฟุตบอลก่อนที่มันจะข้ามเส้น ทำยังไงก็ได้ให้ทีมไม่เสียประตู ด้วยหน้าที่ดังกล่าวทำให้มันค่อนข้างเป็นงานที่น่าเบื่อมาก ๆ หลายคนไม่อยากจะเป็นผู้รักษาประตูเท่าไรนัก 

อย่างไรก็ตามเมื่อกาลเวลาผ่านไป ฟุตบอลก็มีวิวัฒนาการไม่ต่างจากเรื่องอื่น ๆ และแต่ละวิวัฒนาการก็สร้างความยากและซับซ้อนในการเล่นมากขึ้น โดยเฉพาะตำแหน่งผู้รักษาประตู ที่นับวันบทบาทของพวกเขาในเกมการเเข่งขันก็ยิ่งสำคัญต่อทีม ชนิดที่ว่าแค่รับบอลอย่างเดียวยังไม่พอแล้ว พวกเขาต้องเป็นส่วนหนึ่งในเกมรุกของทีมด้วย บทบาทดังกล่าวเราเรียกกันว่า “สวีปเปอร์คีปเปอร์” หรือผู้รักษาประตูที่ทำหน้าที่เหมือนกองหลังตัวสุดท้ายของทีม คอยอ่านจังหวะเกมตลอด 90 นาที วิ่งออกมาเล่นนอกกรอบเขตโทษ คอยเป็นตัวสุดท้ายที่ออกมาตัดบอลจากเกมรุกของคู่แข่ง และการเริ่มต้นจังหวะเกมบุกให้ทีมได้เปรียบ 

1หลังยุค 2010 เป็นต้นมาสวีปเปอร์คีปเปอร์ ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่การเป็นเทรนด์ของโลกของผู้รักษาประตูในยุคใหม่ ทีมใดที่จะประสบความสำเร็จในระดับโลก ทีมนั้นจะต้องมีผู้รักษาประตูที่มีคุณสมบัติของสวีปเปอร์คีปเปอร์ทั้งสิ้น นายทวารสไตล์เก่าถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ชัดเจนที่สุดคือกรณีของ ปีเตอร์ เช็ค ที่จากเคยเป็นเบอร์ต้น ๆ ของโลก แต่มาถึงวันที่ทีมต้องการจะให้เขาใช้เท้าเล่นมากขึ้น เขาก็ต้องย้ายออกจาก เชลซี ไปยัง อาร์เซน่อล และที่ อาร์เซน่อล เขาก็มีข้อผิดพลาดให้เห็นบ่อย ๆ เช่นกัน

สวีปเปอร์คีปเปอร์ คือ 1 ในตำแหน่งที่กำหนดชัยชนะได้มากที่สุดในสนามดังนั้นจึงไม่แปลกที่ราคาของผู้รักษาประตูยุคใหม่จะแพงขึ้นหลายเท่า  อลิสซอน เบ็คเกอร์ มายัง ลิเวอร์พูล และกลายเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่ทำให้ทีมเป็นแชมป์ยุโรปและเเชมป์ลีก , เคป้า อาร์ริซาบาลาก้า และ เอดูอาร์ เมนดี้ กลายเป็นมือ 1 และ มือ 2 ของ เชลซี ที่ช่วยให้ทีมได้ 2 แชมป์ในขวบปีที่ผ่านมา, เอเเดร์สัน จองมือ 1 ของ แมนฯ ซิตี้ และได้เเชมป์ลีกไปแล้ว 3 สมัย นี่คือตัวอย่างที่สะท้อนความสำคัญของผู้เล่นตำแหน่งนี้ที่ทำให้หลายทีมยอมทุ่มซื้อ

และ อาร์เซน่อล เองก็เหมือนกัน ปัญหาผู้รักษาประตูของพวกเขาแก้ไม่หาย การขาย เอมี่ มาร์ติเนซ นายทวารที่ช่วยให้ทีมเป็นแชมป์ เอฟเอ คัพ ในปี 2020 กลายเป็นช่องโหว่ที่แฟน ๆ โจมตีเพราะประตูมือ 1 อย่าง แบรนด์ เลโน่ กลับชอบเล่นผิดพลาดอยู่เป็นประจำ ดังนั้นในช่วงที่ทีมให้งบประมาณ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือของทีมช็อปนักเตะเสริมแกร่ง พวกเขาจึงเล็กไปที่ประตูคนใหม่วัยหนุ่มชาวอังกฤษอย่าง อารอน แรมส์เดล จาก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด … ซึ่งก็ต้องยอมรับตามตรงว่านี่คือดีลที่แฟน ๆ ไม่เห็นด้วยเลยตั้งแต่ข่าวเริ่มปูดออกทางสื่อต่าง ๆ 

2ไม่มีใครคิดว่า แรมส์เดล จะดีพอสำหรับราคา 30 ล้านปอนด์ เพราะเขาคือผู้รักษาประตูที่ทำสถิติตกชั้น 2 ปี กับ 2 ทีมอย่าง บอร์นมัธ และ เชฟฯ ยูไนเต็ด  

แม้ อาร์เตต้า จะบอกถึงเหตุผลสารพัดที่ทีมต้องการประตูอย่าง แรมส์เดล อีกคน ทั้ง ๆ ที่มี เลโน่ อยู่ แต่ก็ไม่ใครเชื่อ อาร์เตต้า ไม่ว่าจะเป็นสื่อ แฟนบอล หรือดีตนักเตะก็ยังยอมรับไปในทางเดียวกันว่าเป็นดีลที่ไม่ต้องซื้อก็ได้ ควรนำไปซื้อในตำแหน่งอื่น ๆ ที่ขาดมากกว่า

แต่ อาร์เตต้า ย้ำเสมอว่า เขามั่นใจมาก ๆ ว่าทีมต้องการผู้รักษาประตู 2 คนที่ฝีมือระดับไล่ ๆ กัน แต่มีวิธีการเล่นที่แตกต่างกัน เพื่อให้เกิดการแข่งขันภายในทีม เมื่อมีมือ 2 ที่ดี ผู้รักษาประตูมือ 1 ก็จะกลับมามีสมาธิและทำผลงานดีขึ้น เพราะมีคนพร้อมเสียบตำแหน่งของตัวเองตลอดเวลา 

อีกประการหนึ่งคือ เลโน่ นั้นเล่นแง่ไม่ยอมต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมที่กำลังจะหมดลงในซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ ดังนั้นการกันไว้ดีกว่าแก้ หาคนที่พร้อมลงเล่นและมีศักยภาพพอจะแย่งมือ 1 ได้มารอก่อนที่สัญญาของ เลโน่ จะหมด จะช่วยให้ทีมไม่มีปัญหาในวันที่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่หวัง ในกรณีนี้คือ เลโน่ ไม่ต่อสัญญาและย้ายทีมไปแบบฟรี ๆ 

3“แอรอน เป็นผู้รักษาประตูดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์สุด ๆ ผ่านประสบการณ์ระดับพรีเมียร์ลีกมาเเล้ว 3 ปี เขาจะมาพร้อมกับการท้าชิงตำแหน่งผู้รักษาประตูมือ 1 ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมต้องการมาก ๆ ขอเวลาให้เขาอีกสักหน่อย ผมเชื่อว่าแฟนบอลจะต้องรักเขาแน่นอน … บุคลิก, แคแร็คเตอร์ และ คุณภาพ นี่คือสิ่งที่เขามีเยอะเกินกว่าอายุแน่นอน” อาร์เตต้า ว่าเช่นนั้น ในวันที่ใครก็ยังต้องหัวเราะ เพราะมองไม่ออกเลยจริง ๆ ว่า แรมส์เดล จะดีอย่างที่เขาว่าไว้

เรียนรู้เรื่องความรับผิดชอบ 

แรมส์เดล คือผลผลิตจาก อคาเดมี่ของทีม เชฟฯ ยูไนเต็ด ก่อนที่ บอร์นมัธ จะซื้อตัวมาร่วมทีมตอนอายุ 17 ปี ด้วยราคา 8 แสนปอนด์  ช่วงเวลากับ บอร์นมัธ นั้น เอ็ดดี้ ฮาว อดีตกุนซือของทีม เป็นคนที่คอยติดตามผลการซ้อมและประเมินผลงานของเขาอยู่บ่อยๆ เพราะคาดหวังจะให้เป็นมือ 1 ของทีมในอนาคต 

เมื่อ เเรมส์เดล อายุ 18 ปี ฮาว ก็ส่งเขาไปให้ เชสเตอร์ฟิลด์ ทีมระดับลีก 2 ยืมตัวไปใช้งาน เพราะเชื่อว่าผู้รักษาประตูคือตำแหน่งที่ต้องรบกับความกดดันและสถานการณ์การแข่งขันจริง ดังนั้นการส่งยืมตัวไปในลีกที่เล็กกว่าจะช่วยเรื่องสภาพจิตใจและทำให้เขามีพัฒนาการในการรับมือกับความตึงเครียดได้ดีกว่าการเล่นระดับเยาวชนของทีม ที่เน้นเรื่องพัฒนาการมากกว่าผลการแข่งขัน 

4พออายุ 19 ปี ฮาว ก็ส่ง แรส์เดล ยืมตัวอีกครั้งกับ วิมเบิลดัน ทีมในระดับ ลีก วัน ขยับสูงขึ้นมาอีกระดับ และมีการตกลงกันกับกุนซือวิมเบิลดันอย่าง วอลลี่ ดาวน์ส การยืมตัวครั้งนี้จะต้องให้นักเตะของเขาได้โอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่  ซึ่ง วอลลี่ ดาวน์ส ก็ให้เขาเป็นมือ 1 ของทีมทันทีจากการซ้อมแค่ไม่กี่ครั้ง แรมส์เดล ตะโกนสั่งนักเตะรุ่นพี่หลายคนในทีมเครซี่แก๊ง และทำหน้าที่ของตัวเองแบบไม่ขาดตกบกพร่อง

“แรมโบ้ (แรมส์เดล) เล่นได้ดีเกินอายุ ผมให้โอกาสเขาลงเล่นในช่วง 2-3 สัปดาห์ ก่อนซีซั่นจะจบลง และเขาผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ฉลุย คาแร็คเตอร์ของเขาโดดเด่นมาก เป็นที่รักของแฟนบอล ในเกมนัดปิดซีซั่นแฟนบอล 4 พัน ตะโกนชื่อของเขาว่า แรมโบ้! แรมโบ้!” กุนซือวิมเบิลดัน กล่าว

เหตุผลที่ แรมส์เดล ทำงานอย่างมุ่งมั่นแล้ว ลึก ๆ คือเขารู้สึกว่านี่คือการแสดงออกถึงความต้องการของตัวเอง ช่วงที่เขาอยู่กับ บอร์นมัธ ฮาว เคยคิดจะดันเขามาใช้งานในทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 19 ปี แล้ว แต่ เเรมส์เดล ตอนนั้น ยังไม่สามารถมีความรับผิดชอบแบบทีมชุดใหญ่ได้ เขามาซ้อมสายบ่อย โดยเฉพาะในเกม คาราบาว คัพ ที่ บอร์นมัธ พบกับ สโต๊ค  ฮาว ตั้งใจจะให้ แรมส์เดล มีชื่อบนม้านั่งสำรอง แต่ แรมส์เดล กลับตื่นสาย พลาดขึ้นรถบัสของทีม และไปถึงสนามแข่งช้าไป 1 ชั่วโมงครึ่ง  … เอ็ดดี้ ฮาว โกรธเขามาก จึงตั้งใจจะให้เขาไปเรียนรู้ความเป็นมืออาชีพที่ วิมเบิลดัน ก่อน นี่คือโอกาสสุดท้าย ถ้า แรมส์เดล ยังไม่ดีขึ้น ฮาว ก็จะปล่อยเขาออกจากทีมอย่างถาวร 

5“ตอนนั้นเป็นเหมือนช่วงเวลาแสดงความเป็นมืออาชีพของตัวเองออกมา ผมทำอะไรไม่ได้ พวกโค้ชบอกผมว่าอีกนิดเดียวผมจะได้เป็นนักเตะในทีมชุดใหญ่ของบอร์นมัธอยู่แล้ว แต่ผมก็พังมันลงด้วยมือตัวเอง ผมท้อแท้ ในวันนั้นพ่อของผมต้องขับรถจากบ้านมาที่สนามของสโต๊ค แต่มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้เเล้ว”

“ผมรู้สึกตัวเองเหลวไหลมาก ๆ ทำให้คนอื่น ๆ ในทีมผิดหวัง และนั่นเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของผมเลย ผมตบหน้าตัวเองบอกว่านี่มันเกมของผู้ใหญ่เเล้ว และผมก็ไม่ใช่เด็กทีมอคาเดมี่เเล้วด้วย ผู้จัดหการทีมส่งผมมาที่ วิมเบิลดัน และผมบอกกับตัวเองว่านี่คือโอกาสสุดท้ายของผมเเล้ว ถ้าผมทำได้ไม่ดีอีก ผมคงไม่มีหน้าไปพบเขาเป็นครั้งที่สองแน่นอน” แรมส์เดล กล่าว

แรมส์เดล กลับมาในเวอร์ชั่นที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และทำให้ ฮาว เห็นว่าเขาจะไม่ทำให้ ฮาว ต้องผิดหวังอีกเป็นครั้งที่สอง ทั้งสองคนเปิดอกคุยกันและสุดท้าย เอ็ดดี้ ฮาว ตัดสินใจครั้งใหญ่ เขาพร้อมโอกาสเฝ้าเสาในฐานะมือ 1 ให้ แรมส์เดล เหนือ อัสเมียร์ เบโกวิช นายทวารตัวเก๋าที่ดึงมาจาก เชลซี ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ แรมส์เดล รู้สึกว่าเขาพร้อมเเล้วที่จะเล่นในระดับพรีเมียร์ลีก ในวัย 21 ปี เขาเป็นผู้รักษาประตูมือ 1 ที่อายุน้อยที่สุดในฤดูกาล 2019-20

“2 ปีกับการยืมตัวในดิวิชั่นที่ต่ำกว่า ผมเติบโตขึ้นมากในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง ผมอยู่ในห้องเช่าที่สโมสรจัดหาให้ ซักถุงเท้า ซักเสื้อผ้าเองทั้งหมดแทนที่จะจ้างแม่บ้าน ผมตื่นแปดโมงครึ่งมาออกกำลังกายก่อนจะเข้าซ้อมกับทีม ผมเลิกกินช็อคโกแลตแท่ง ทำอะไรหลายอย่างแบบมืออาชีพ ผมคิดว่าจิตใจและตัวตนของผมเเข็งแกร่งขึ้นแล้ว การเป็นคนมีความรับผิดชอบและมีสมาธิทำให้ผมไม่ประหม่ากับอะไรง่าย ๆ และมันช่วยให้ผมพร้อมเเล้วสำหรับพรีเมียร์ลีก” 

“ผมพร้อมรับหน้าที่ของตัวเอง ไม่เคยคิดเกินเลยใหญ่โตว่าจะต้องประสบความสำเร็จขนาดไหน แต่ทุก ๆ นัดผ่านไปผมต้องเป็นคนที่เก่งขึ้น” เเรมส์เดล กล่าว

6ปีแรกเหมือนฝัน เขาเริ่มต้นได้ดีในช่วงแรก ๆ ทว่าทีมของ เอ็ดดี้ ฮาว กลับแผ่วปลาย บอร์นมัธ ยิ่งเล่นยิ่งเหลว และสุดท้ายพวกเขาต้องตกชั้นในฤดูกาลนั้น แม้จะผิดหวังแต่ก็ต้องก้าวต่อไป ผลงานของ แรมส์เดล ถือว่าไม่ขี้เหร่นัก เพราะทีมเก่าของเขาอย่าง เชฟฯ ยูนเต็ด ก็เห็นแววและอยากจะได้ตัวกลับมาเฝ้าเสาหลังจาก ดีน เฮนเดอร์สัน มือ 1 คนเก่าหมดสัญญายืมตัวจาก แมนฯ ยูไนเต็ด 

“ตอนตกชั้นมันก็น่าผิดหวัง แต่ผมไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตะเกาะกินหัวใจอะไรขนาดนั้น การย้ายออกจาก บอร์นมัธ เป็นเรื่องทำใจยากอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อผมได้โอกาสจาก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และทีมก็ยอมจ่ายเงินจำนวนมาก (18.5 ล้านปอนด์) มันแสดงให้เห็นว่าพวกเขาก็เชื่อมั่นในตัวผม นี่คือบ้านหลังเก่า และผมคงจะต้องเดินยิ้มจนปากฉีกถึงใบหูแน่นอนเมื่อได้กลับมาที่นี่ แรมส์เดล” กล่าว

อย่างที่ทุกคนรู้กัน โชคไม่ดีเลย มันเป็นอีกครั้งที่ แรมส์เดล ไม่สามารถช่วยทีมให้รักษาอันดับที่ดีได้ เชฟฯ ยูไนเต็ด ตกชั้นแบบไม่ได้ลุ้นเลย พวกเขาเป็นบ๊วยของลีก แต่การจะโทษแรมส์เดล ก็คงไม่ถูกนัก เขาอาจจะตกชั้น 2 ครั้งกับ 2 สโมสร แต่ทั้ง บอร์นมัธ และ เชฟฯ ยูไนเต็ด มีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งตรงที่พวกเขาลงทุนน้อยมาก ยิ่งคาบเกี่ยวกับยุคโรคระบาดโควิด -19 ทำให้สภาพทีมของทั้ง 2 ทีมในวันที่ แรมส์เดล ครองมือ 1 ไม่ได้เเข็งแกร่งจนสามารถยืนระยะได้    

7แต่ เเรมส์เดล กลับถูกมองต่างออกไป กุนซือทีมชาติอังกฤษอย่าง แกเรธ เซาธ์เกต ยังเชื่อมั่นในตัวเขาและเลือกเขาเข้าไปอยู่ในทีมชุดรองแชมป์ยูโร 2020 ด้วยเหตุผลเดียวกันกับที่หลายคนบอกถึงจุดเเข็งของเขา นั่นคือเป็นคนที่รับกับความกดดันได้ดี และเป็นผู้รักษาประตูที่เติบโตมาในยุคสวีปเปอร์คีปเปอร์โดยตรง ดังนั้นเรื่องการใช้เท้าและการออกบอล ถือเป็นจุดเเข็งที่นายทวารสัญชาติอังกฤษคนอื่น ๆ ยังทำได้ไม่ดีนัก อาทิ นิค โป๊ป หรือแม้แต่ ดีน เฮนเดอร์สัน ก็ตาม 

แรมส์เดล ย้ายไปอยู่กับ อาร์เซน่อล ด้วยราคารวม 30 ล้านปอนด์ ในขณะที่หลายคนบอกว่านี่คือราคาทีแพงไป แต่คนที่คลุกคลีกับเขาตลอดซัมเมอร์อย่าง เซาธ์เกต กลับเชื่อในแบบที่ต่างออกไป กุนซือทีมชาติอังกฤษเชื่อว่านี่จะเป็นการย้ายทีมครั้งสำคัญที่ทำให้ แรมส์เดล แสดงจุดเเข็งของตัวเองออกมาได้

จะเป็นโกลทีมใหญ่ใจต้องนิ่ง

“อารอน อยู่กับทีมชาติอังกฤษแทบจะตลอดซัมเมอร์ที่ผ่านมา ทีมงานของเราจับตาดูเขาเป็นอย่างดี และเราจึงเห็นในสิ่งที่เราสามารถเชื่อมั่นในตัวเขาได้เลย เขามีจุดเเข็งอยู่และจุดเเข็งดีมันเหมาะมาก ๆ ในวันที่เขาได้ย้ายมาอยู่กับ อาร์เซน่อล” 

“อาร์เซน่อล เป็นทีมที่มีความคาดหวังสูง เป็นทีมที่มีสไตล์การขึ้นบอลจากแนวหลัง ซึ่ง แรมส์เดล เองโดนฝึกแบบนี้มาตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นเขาจะปรับตัวเขากับวิธีการเล่นและการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วได้ได้แน่นอน ” เซาธ์เกต กล่าว 

8แรมส์เดล เข้ามาในฐานะโกลมือ 2 ของ อาร์เซน่อล และได้โอกาสลงสนามนัดแรกในเกมคาราบาว คัพ กับ เวสต์บรอมวิช ซึ่งในเกมนั้นเขาสามารถเก็บคลีนชีตออกมาได้ ประกอบกับสถานการณ์มือ 1 ของ เลโน่ ที่สั่นคลอนมาก ๆ เลโน่ พลาดง่าย ๆ ซ้ำ ๆ แทบทุกแบบทั้งการออกบอลสั้นพลาด และการเล่นลูกกลางอากาศ ที่สำคัญคือการสั่งการกองหลังส่งสัญญาณบอกเพื่อ เพราะผู้รักษาประตูคือคนที่เห็นเกมมากที่สุดในสนาม … ดังนั้น เมื่อ เลโน่ มีข้อผิดพลาดเยอะ อีกทั้งยังมีแววว่าจะออกจากสโมสรทันทีหลังฤดูกาลจบลง อาร์เตต้า จึงดัน แรมส์เดล ขึ้นมือ 1 เต็มตัว 

แม้แต่คนที่เคยด่าในวันที่ อาร์เตต้า ซื้อตัวเขามาอย่าง พอล เมอร์สัน ยังออกมายอมรับเลยว่าเขาดู แรมส์เดล ผิดไป และยกย่องว่าความนิ่งสงบและการมีสมาธิกับเกม คือจุดเเข็งที่เขาไม่คาดคิดว่า เเรมส์เดล จะนำมาสู่ทีมได้มากขนาดนี้

“ผมบอกตรงนี้เลยนะว่าผมยอมรับว่าเป็นคนหนึ่งที่เคยวิจารณ์ แรมส์เดล เอาไว้ค่อนข้างหนักหน่วงเลยทีเดียวตอนที่ย้ายมาอยู่กับ อาร์เซนอล ใหม่ ๆ แต่ แรมส์เดล พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาสามารถยกความกดดันทั้งหลายออกจากไปจากแผงแนวรับได้สบาย ๆ ความแน่นอนในการเล่นจังหวะต่าง ๆ รวมถึงการเซฟลูกยาก ๆ ช่วยให้เพื่อนกองหลังเล่นกันแบบอุ่นใจมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า”

“ผมไม่ได้เห็นผู้รักษาประตูของ อาร์เซนอล คนไหนเล่นฟุตบอลด้วยความมั่นใจตลอดทั้ง 90 นาทีแบบนี้มานานแล้ว โดยเฉพาะการคว้าบอลกลางอากาศของ แรมส์เดล แต่ละจังหวะนั้นเรียกได้ว่าชัวร์เสียยิ่งกว่าชัวร์ซะอีก” เมอร์สัน กล่าว 

9นับตั้งแต่ที่ แรมส์เดล ลงสนามเป็นตัวหลักให้ อาร์เซน่อล เขาช่วยเซฟจังหวะสำคัญ ๆ หลายครั้ง จนตอนนี้ทีมยังไม่เเพ้เลยสักเกม หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปมาก จาก อาร์เซน่อล ที่เคยอยู่ในอันดับ 19 ของตาราง กลับกลายเป็นทีมที่ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 6 ของตาราง มีคะแนนเท่ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด ภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว 

โชคดีจริง ๆ ที่ความผิดพลาดต่าง ๆ ในเส้นทางค้าแข้งของเขาเกิดขึ้นตั้งแต่ยังเด็ก การโดนส่งไปเรียนรู้ชีวิตมืออาชีพตั้งแต่อายุ 18 ปี เรียนรู้ความกดดันจริง ๆ ขณะที่เพื่อนรุ่นเดียวกันยังเล่นเกมระดับอคาเดมี่ คือสาเหตุที่ทำให้ แรมส์เดล กลายเป็นคนที่อยู่ท่ามกลางสปอตไลท์ด้วยการเล่นที่เป็นธรรมชาติ และด้วยพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว มันทำให้เขาโดดเด่นขึ้นได้ในจริง ๆ ในเวลานี้

“นักฟุตบอลคืออาชีพที่ต้องรับมือความกดดันตลอด คุณอาจจะโดนล้อเลียนบ้างแต่ก็ต้องก้าวข้ามมันไป” แรมส์เดล กล่าวถึงหน้าที่ของเขา

“สำหรับผม เสียงวิจารณ์ถือเป็นสิ่งที่ทำให้ผมเก่งขึ้นได้ มันยิ่งกระตุ้นให้ผมรู้สึกว่าผมจะเป็นคนที่หุบปากพวกได้ ทำให้พวกเขาต้องสำนึกคิดว่านี่ฉันคิดผิดกับไอ้หมอนี่จริง ๆ” 

10ค่อนข้างชัดเเล้วว่าตอนนี้ อาร์เซ่น่อล ได้โกลมือ 1 คนใหม่เรียบร้อยแล้ว อารอน เเรมส์เดล คือคนที่นำความสงบมาให้กับแผงหลังของ อาร์เซน่อล อีกครั้ง ทุกคนสามารถใจเย็นได้มากขึ้นเมื่อส่งคืนหลังแต่ละครั้งเมื่อเห็น แรมส์เดล ยืนอยู่หน้าปากประตู นี่คือคุณสมบัติของสวีปเปอร์คีปเปอร์ของฟุตบอลยุคใหม่โดยแท้จริง อาร์เซน่อล ซ่อมได้แล้ว 1 ตำแหน่ง แม้ตอนนี้พวกเขาจะยังห่างไกลคำว่าเพอร์เฟ็คต์ แต่นี่คือการเลือกที่ถูกต้อง และดับเสียงวิจารณ์ทั้งหมดได้เรียบร้อยเเล้ว