จบลงไปอย่างสมบูรณ์แบบแล้วสำหรับศึก พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ฤดูกาล 2022/23 ซึ่งต้องบอกว่าเป็นอีกปีที่มีอะไรให้ลุ้นมากกว่าปีก่อน ๆ พอสมควร และแน่นอนในทุก ๆ ปีจะมีนักเตะที่ฟอร์มโดดเด่นขึ้นมาหลายต่อหลายคนให้ติดตาม วันนี้เราจึงคัดเลือกผู้เล่นเหล่านั้นมาจัดเป็นทีม 11 ผู้เล่นที่ดีที่สุดในแต่ละตำแหน่ง โดยจะมีใครกันบ้างนั้นตามไปชมกัน
ระบบ 3-2-4-1 (เป๊ป กวาร์ดิโอลา)
แผนนี้ดูเหมือนจะแพร่หลายในช่วงท้ายฤดูกาลหลังจาก เป๊ป นำมาปรับใช้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และได้ผลดีเกินคาดจนผงาดแซงคว้าแชมป์มาครองได้ในที่สุด ซึ่งจุดเด่นอยู่ที่แดนกลางที่ใช้ผู้เล่นถึง 6 คนในการครอบครองเกมโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีแบ็ค แต่จะใช้เซ็นเตอร์ 3 คนคุมเกมหลังบ้านบวกกับกลางตัวรับ 2 คนที่คอยสนับสนุนทั้งรุกและรับ และให้อิสระแก่ตัวรุกทั้ง 5 คนสร้างสรรค์เกมในแดนหน้า
ผู้รักษาประตู: ดาบิด รายา (เบรนท์ฟอร์ด)
ปีนี้มีนายทวารหลายคนที่ผลงานดี แต่หากเลือกจากผลงานและตัวเลขสถิติ รายา มือกาวชาวสเปนรายนี้มีสถิติตัวเลขการเซฟสูงที่สุดในฤดูกาลถึง 154 ครั้งและมีอัตราเฉลี่ยเซฟต่อนัดสูงที่สุดอีกด้วย แน่นอนด้วยฟอร์มแบบนี้ทำให้เจา้ตัวตกเป็นที่หมายปองของหลายทีมยักษ์ใหญ่ในช่วงซัมเมอร์นี้เช่นกัน
เซ็นเตอร์แบ็คตัวกลาง: วิลเลียม ซาลิบา (อาร์เซนอล)
อันที่จริงตำแหน่งนี้มีหลายคนที่น่าสนใจทั้ง รูเบน ดิอาส เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค แต่ถ้าจะให้เลือกคนที่เข้าตาสุดคงต้องยกให้ ซาลิบา กองหลังชาวฝรั่งเศสจาก อาร์เซนอล ที่ผลงานโดดเด่นสุด ๆ ทั่งนิ่ง มีความเร็ว เล่นบอลฉลาด ชนิดที่หลังจากเจ้าตัวเจ็บไปในช่วงท้ายฤดูกาลเกมรับของทีมก็แย่ลงอย่างเห็นได้ชัดจนพลาดท่าไปในที่สุด
เซ็นเตอร์แบ็คฝั่งขวา: จอห์น สโตนส์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
จริง ๆ แล้วเจ้าตัวไม่ได้โดดเด่นจากการยืนเป็นเซ็นเตอร์ในปีนี้ เพราะ เป๊ป สุดอินดี้จับไปเล่นเป็นกลางรับและดันเวิร์ค ซึ่งบทบาทของเขาคือคอยเชื่อมเกมและตัดบอล แถมยังมีหลายครั้งที่ถอยมาช่วยเกมรับมายืนเป็นแบ็คโฟร์รวมถึงเติมขึ้นสูงไปลุ้นทำประตูได้อีกด้วย
เซ็นเตอร์แบ็คฝั่งซ้าย: ลุค ชอว์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
ชอว์ ที่เดิมเล่นเป็นแบ็คซ้าย แต่ปีนี้บทบาทของเขาหนักไปทางเกมรับโดยเฉพาะช่วงที่ทีมประสบวิกฤตกองหลังบาดเจ็บ เอริค เทน ฮาก จึงแก้ปัญหาด้วยการขยับ ชอว์ มายืนเป็นเซ็นเตอร์และทำได้ดีเสียด้วย มีความเร็ว เข้าสะกัดแม่นยำ ออกบอลดี ลูกกลางอากาศก็ไม่แย่ ชนิดที่เบียดกัปตันทีมที่คุณก็รู้ว่าใครให้ต้องนั่งรอโอกาสบนม้านั่งทั่งที่เป็นปราการหลังธรรมชาติด้วยซ้ำ
กองกลางตัวรับ: กาเซมิโร (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
กองกลางตัวรับจากค่าย ปีศาจแดง ที่แม้จะเพิ่งย้ายมาแต่ก็โชว์ฝีเท้าจนสามารถยกระดับแดนกลางขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ด้วยประสบการณ์ระดับแชมป์ยุโรปกับ เรอัล มาดริด ทำให้เจ้าตัวแทบไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวมากนัก สร้างมิติทั้งในเกมรุกและรับให้กับทีม แถมยังมีทีเด็ดอยู่ที่วิสัยทัศน์การวางบอลยาวที่เฉียบคมอีกด้วย
กองกลางตัวรับ: โรดรี้ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
ชายผู้ปิดทองหลังพระอย่างแท้จริงสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งฤดูกาลนี้เจ้าตัวยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นตัวปั้นเกมอย่างเต็มตัว ทำหน้าที่เป็นใจกลางของทีมทั้งรุกและรับ คอยเชื่อมเกมจากหลังไปหน้า ประคองเกมกลางสนาม และยังมีส่วนร่วมกับเกมรุกบ่อย ๆ ซึ่งซีซั่นนี้ โรดรี้ เป็นนักเตะที่จ่ายบอลมากที่สุดในลีกอีกด้วย
ปีกซ้าย: บูกาโย ซาก้า (อาร์เซนอล)
เป็นปีที่ดีที่สุดของเขากับทีมเลยก็ว่าได้ จากชายที่ถูกตราหน้าว่าทำทีมชาติอังกฤษพลาดแชมป์ ยูโร 2020 จนปัจจุบันกลายเป็นตัวความหวังทั้งกับสโมสรและกับทีมชาติไปแล้วด้วยผลงาน 14 ประตูกับ 12 แอสซิสต์ น่าเสียดายที่ช่วงท้ายฤดูกาลผลงานดรอปลงไปนิดซึ่งก็มีส่วนทำให้ทีมพลาดแชมป์ไปในที่สุด
ปีกขวา: มาร์คัส แรชฟอร์ด (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
เดอะแบกของ ปีศาจแดง ที่กลับมาระเบิดฟอร์มเก่งอย่างเต็มตัวซึ่งหลังจากฟุตบอลโลก 2022 ที่ผ่านมาเจ้าตัวก็ยิงประตูถล่มทลายแบก แมนฯ ยูไนเต็ด จนขึ่นมาจบอันดับ 3 ได้สำเร็จด้วยผลงาน 17 ประตูกับ 7 แอสซิสต์เลยทีเดียว
กองกลางตัวรุก: เควิน เดอ บรอยน์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
ขาดไปไม่ได้เลยสำหรับยอดเพลย์เมคเกอร์ชั้นนำของวงการรายนี้ซึ่งเจ้าตัวเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ เลยก็ว่าได้จากวิสัยทัศน์การจ่ายบอลที่แต่ละครั้งนั้นเรียกได้ว่าเหนือชั้นและแม่นยำเหมือนจับวางการันตีได้โดยสถิติแอสซิสต์มากที่สุดในฤดูกาลนี้ที่ 16 ครั้ง
กองกลางตัวรุก: แฮร์รี เคน (ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์)
จะเรียกว่าเป็นหน้าต่ำก็ว่าได้เพราะตลอดช่วงปีที่ผ่านมา เคน ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ได้มีดีแค่การจบสกอร์ที่เฉียบคม แต่ยังสามารถถอยลงมาคอยจ่ายบอลแบบคิลเลอร์พาสส์สร้างโอกาสให้กับทีมได้หลายครั้งการันตีจากผลงาน 30 ประตูกับ 9 แอสซิสต์กับต้นสังกัด
กองหน้า: เออร์ลิง ฮาแลนด์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
เด็กทีนระเบิด จอมมารบู หรือจะฉายาอะไรก็แล้วแต่ล้วยหมายถึงคน ๆ เดียวกันที่ย้ายมาสร้างปรากฏการณ์ทำลายแทบทุกสถิติของกองหน้าในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ทั้งที่เป็นฤดูกาลแรกที่ย้ายมาสำหรับ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ด้วยฟอร์มขั้นเทพแบบไร้ข้อสงสัยกับผลงาน 36 ประตูกับ 9 แอสซิสต์ พา เรือใบสีฟ้า ลุ้นทริปเบิลแชมป์ได้อย่างยิ่งใหญ่ในปีแรกของเขากับทีมเท่านั้น