“แม็กไกวร์” เปิดอกถึงการหลุดนั่งสำรองยาวกับ แมนฯยูไนเต็ด

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ปราการหลังกัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เผยเป็นครั้งแรกถึงสถานการณ์ของตัวเองที่ต้องตกเป็นตัวสำรองถาวรภายใต้การทำทีมของ เอริค เทน ฮาก โดยยอมรับว่าไม่มีความสุขนัก แต่ก็ยังปฏิเสธจะเผยอนาคต ว่าจะอยู่หรือไปจาก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในตลาดรอบหน้า

แม้จะมีศักดิ์เป็นหัวหน้าทีม แต่ด้วยฟอร์มการเล่นทำให้ แม็กไกวร์ หลุดเป็นสำรองของคู่เซนเตอร์ตัวจริงอย่าง ลิซานโดร มาร์ติเนซ – ราฟาแอล วาราน โดยจะได้เล่นก็ต่อเมื่อหนึ่งในสองคนนี้บาดเจ็บหรือติดโทษแบน หรือเกมบอลถ้วยที่ไม่สลักสำคัญนัก

ยังเป็นที่คาดกันว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะใส่ชื่อ แม็กไกวร์ ไว้เป็นหนึ่งในนักเตะที่พร้อมปล่อยออก เช่นเดียวกับ อองโตนี่ มาร์กซิยาล, เจดอน ซานโช่ และพวกที่เป็นส่วนเกินอย่าง อเล็กซ์ เตลเลส, แบรนดอน วิลเลี่ยมส์, ดีน เฮนเดอร์สัน

ล่าสุด แม็กไกวร์ ที่ได้กลับมาเป็นตัวจริงในเกมชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 แทน วาราน นั้น เผยว่า “ผมคงจะไม่ยืนขึ้น ฉีกยิ้มหน้าบานแล้วบอกว่าผมรักมัน (การนั่งสำรอง) หรอกนะ ผมต้องการลงเล่นทุกเกม และผมทำมาตลอด 8 ปีที่ผ่านมาในอาชีพของผม แต่ผมก็ต้องเคารพผู้จัดการทีมและการตัดสินใจของเขา และยังต้องยอมรับว่าการแข่งขันในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กของสโมสรแห่งนี้ดีเพียงใด”

“เมื่อผมได้รับโอกาส ผมอยากโชว์ฟอร์ม ผมอยากชนะ และที่สำคัญที่สุดคือการมีอิทธิพลต่อเกม แน่นอน ผมต้องการเล่นทุกเกม และผมแน่ใจว่าถ้าคุณพูดกับเซนเตอร์ทั้ง 4 คนของเรา ทุกคนล้วนมีประสบการณ์และเล่นในระดับท็อปมาทั้งหมด และทุกคนจะผิดหวังเมื่อต้องนั่งบนม้านั่งสำรอง ผมเองก็เหมือนกัน”

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับแผนการในอนาคต อดีตดาวเตะ เลสเตอร์ ซิตี้ เสริมว่า “ตอนนี้เรามีช่วงท้ายฤดูกาลที่ยุ่งมาก ไอเดียแรกของผมคือผมอยากได้ถ้วยแชมป์อีก 2 ถ้วยที่ยังเหลือ ผมสนุกกับการชูถ้วยคาราบาว คัพ และผมต้องการที่จะทำมันเพิ่มอีก 2 ครั้ง”

“ผมจะทำงานหนักเท่าที่ผมจะทำได้ในการฝึกซ้อม และพร้อมสำหรับการลงสนามทุกนัด เพราะผมมั่นใจว่าจะได้โอกาสมากมายตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงจบฤดูกาล”

“ไม่ใช่ว่าผมยังไม่ได้เริ่ม ผมได้เล่น 2 เกมสุดท้ายก่อนเบรกทีมชาติ กับ ฟูแล่ม และ เรอัล เบติส มันไม่ใช่ว่าผมถูกแช่แข็งหรือไม่ได้มีส่วนร่วมเลย ผมยังได้เล่นเยอะ แต่ชัดเจนว่าในฐานะนักฟุตบอล ผมต้องการเล่นทุกเกม แต่ผมแน่ใจว่าเซนเตอร์แบ็กคนอื่นๆ ก็เช่นกัน และผู้จัดการทีมไม่สามารถส่งทั้ง 4 คนลงเล่นพร้อมกันได้”