การลงทุน 500-600 ล้านปอนด์ตลอดช่วงตลาดที่ผ่านมาของ ท็อดด์ โบห์ลี่ เจ้าของสโมสร เชลซี กำลังส่งผลเสียย้อนกลับมายัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ อย่างคาดไม่ถึง โดยมีการเปิดเผยว่า ทีมตราสิงห์จำเป็นต้องยืนยันการขายนักเตะออกจากทีมหลายราย ภายใน 1 เดือนหลังจากฤดูกาลนี้จบลง เพื่อให้ยอดดุลบัญชีไม่ติดลบจนผิดกฎการเงิน ไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์
ภายหลังเข้าเทกโอเวอร์สโมสรต่อจาก โรมัน อบราโมวิช ตอนกลางปี 2022 แล้ว ก็มีการใช้เงินเสริมทัพอย่างสนั่นหวั่นไหว ซื้อนักเตะใหม่อย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, คาลิดู คูลิบาลี่, มาร์ก กูกูเรย่า, เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, เบอนัวต์ บาเดียชิล, มิไคโล มูดริค, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ และอีกหลายราย เหมือนซื้อแบบไม่คิดต่อราคา จนยอดการจ่ายเงินทะลุ 500 ล้านปอนด์ใน 2 ตลาดหลังสุด ขณะที่ขาออกขายได้เงินมาแค่ประมาณ 70 ล้านปอนด์เท่านั้น
ล่าสุดมีการเปิดเผยจาก เดอะไทมส์ ว่าการที่ เชลซี มียอดงบดุลติดลบ 274 ล้านปอนด์ ใน 2 ซีซั่นหลัง โดยยังไม่รวมยอดการใช้เงินในซีซั่นล่าสุดนี้ด้วยซ้ำนั้น ก็ให้พวกเขาต้องเทขายนักเตะออกจากทีมจำนวนมากในตลาดรอบหน้า เพื่อนำเงินเข้าสโมสรไม่ต่ำกว่า 200 ล้านปอนด์ อันจะส่งผลให้ยอดงบดุลระยะ 3 ปีติดลบไม่เกิน 105 ล้านปอนด์ ตามกฎของ สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า)
สำคัญคือ เชลซี ต้องยืนยันการปิดดีลขายนักเตะออกให้ทันวันที่ 30 มิ.ย. ที่จะถึงนี้ด้วย เพื่อจะสามารถนับรวมเป็นรายได้ในตลอด 3 ปีหลัง
รายงานเสริมว่า กลุ่มแข้งที่จะทำเงินเข้าสโมสรได้มากที่สุด ก็คือพวกเด็กปั้นที่ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่แบบที่ไม่ได้ทำให้สโมสรต้องจ่ายราคาอะไร ซึ่งประกอบด้วย เมสัน เมาท์, คอนเนอร์ กัลลาเกอร์, เทรโวห์ ชาโลบาห์, รูเบน ลอฟตัส-ชีค และ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย
ถัดมาคือตัวมีราคา และมีหลายทีมสนใจอยู่อย่าง มาเตโอ โควาซิช, เอดูอาร์ เมนดี้, ฮาคิม ซีเย็ค และ คริสเตียน พูลิซิช
นอกจากนั้น อีกหนึ่งคนที่จะขายได้ราคาดี แต่อาจเป็นการยื่นคมหอกให้ศัตรู คือราย เบน ชิลเวลล์ ซึ่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พร้อมจ่ายราคางามที่ราวๆ 70 ล้านปอนด์ด้วยกัน