“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล สร้างผลงานสุดยอดเยี่ยมด้วยการเปิดบ้านโชว์ฟอร์มแจ่มไล่ถล่ม “ปีศาจแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแบบขาดลอย 7-0 ในการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่สนาม แอนฟิลด์ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา และนี่คือประเด็นหลังเกมที่เกิดขึ้นในศึกแดงเดือด
แดงเดือดที่ขาดลอยที่สุดในประวัติศาสตร์
7-0 ใครจะไปคิดว่าตัวเลขนี้จะเกิดขึ้นในเกม “แดงเดือด” แถมเป็นทีมรองบ่อนอย่าง ลิเวอร์พูล ที่ก่อนแข่งโดนข่มแทบทุกสถิติที่มีในฤดูกาลนี้ทั้งตัวเลขต่าง ๆ รวมถึงผลงานในสนามเป็นฝ่ายคว้าชัยไปได้อย่างขาดลอยเอกฉันท์ แน่นอนนอกจากมันจะเป็นแดงเดือดที่ยุ่ยที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว มันยังเป็นความปราชัยที่ย่อยยับที่สุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรอบ 90 ปีเลยก็ว่าได้ ซึ่งมันดันเกิดขึ้นในช่วงที่พวกเขาอยู่ในขาขึ้นสุด ๆ นี่จึงเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการพบกันของสองทีมนี้ ผลงานก่อนหน้าแทบไม่มีผลใด ๆ เพราะมันเป็นเรื่องของ “ศักดิ์ศรี” ล้วน ๆ ถึงขนาดแฟนบอลบางคนบอกว่า ยอมตกชั้นดีกว่าต้องมาแพ้คู่แค้นตลอดกาลแบบนี้
Liverpool FC v Manchester United – Premier League / Robbie Jay Barratt – AMA/GettyImages
แฟน แมนฯ ยูไนเต็ด เตรียมเข้าป่า
เข้าป่าในที่นี้หมายความว่าให้ไปปลีกวิเวกใช้ชีวิตอย่างสันโดด พยายามติดต่อเพื่อนฝูงให้น้อยที่สุด โดยเฉพาะเพื่อนฝูงในโลกโซเชียลมีเดีย เพราะแน่นอนก่อนหน้านี้ตั้งแต่ต้นฤดูกาลดูเหมือนจะเป็น แฟน ๆ หงส์แดง ที่ถูกถาโถมตั้งแต่โดนถล่มที่ ราชมังฯ ไปจนถึงผลงานในลีก ซึ่งสิ่งที่เคยล้อเลียนไปทั้งหมดแทบจะหมดความหมายหลังจากโดนไปเหนาะ ๆ 7-0 แบบนี้จนความอัดอั้นมันได้ปลดปล่อยออกมาตีกลับไปที่แฟน ปีศาจแดง เต็ม ๆ ยังดีที่วันจันทร์เป็นวันหยุด ฉนั้นสาวก แมนยู หลาย ๆ คนจะได้เวลาทำใจอีก 1 วันก่อนจะต้องออกไปเผชิญความเป็นจริงอันโหดร้ายในวันอังคารที่จะถึง
Liverpool FC v Manchester United – Premier League / Robbie Jay Barratt – AMA/GettyImages
ลิเวอร์พูล ร่างทอง
เกมนี้ต้องชมนักเตะ ลิเวอร์พูล ทั้งทีมไม่ว่าจะเป็นแนวรุกหรือรับที่งัดฟอร์มเทพออกมาได้ถูกที่ถูกเวลาจนทำอะไรก็ดีไปหมดซึ่งเป็นที่มาของสกอร์ขาดลอยได้ขนาดนี้ การได้ อิบราฮิมา โคนาเต้ สามารถยกระดับแผงหลัง หงส์แดง ได้อย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่สองนัดก่อนที่พวกเขาเก็บคลีนชีทได้รวมถึงมีความแน่นอนมากขึ้นไม่พลาดง่าย ๆ เหมือนก่อนหน้านี้ ส่วนแนวรุกทั้ง “นิวแคร์โรลล์” (ดาร์วิน นูนเญซ) และ “ลุงพลแห่งบ้านกกกอก” (โคดี้ กัคโป) กลับเล่นดีผิดหูผิดตาเหมือนเป็นคนละคน รวมทั้ง โม ซาลาห์ ที่เราไม่ได้เห็นฟอร์มอันสุดยอดจากเขาคนนี้มานาน อีกทั้งเกมแดนกลางที่วันนี้ ฟาบินโญ เอลเลียตต์ และ เฮนเดอร์สัน สามประสานที่กำลังโดนวิจารณ์อย่างหนักก็สามารถกลบรัศมีของแข้งฟอร์มร้อนแรงอย่าง บรูโน และ กาเซมิโร ได้อย่างสิ้นเชิง ด้วยผลงานที่ว่านี้เองมันสร้างความหวังให้แฟน ๆ หงส์แดง ว่าหากเล่นได้แบบนี้ที่ เบอร์นาเบว สัก 0-4 ก็ดูจะไม่ไกลเกินฝันเสียแล้ว
Liverpool FC v Manchester United – Premier League / Michael Regan/GettyImages
แมนฯ ยูไนเต็ด ปล่อยจอยตั้งแต่โดนลูกสอง
ครึ่งแรกแม้ หงส์แดง จะออกนำไปก่อนแค่ 1-0 แต่ต้องบอกว่ารูปเกมยังคงคู่คี่สูสีและดูจะสามารถพลิกไปมาได้ตลอด กระทั่งเริ่มครึ่งหลังได้เพียง 3 นาที เจ้าบ้านมาบวกลูกสอง ซึ่งนั่นดูเหมือนว่าจะทำให้ “ใจ” ของนักเตะ แมนยู จะตีบลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก็อย่างที่ทราบกันว่าร่างกายของพวกเขาที่ต้องกรำศึกหนักในทุกรายการชนิดที่ตัวหลักต้องลงสนามอยู่ตลอดไม่มีการโรเทชั่นมันก็กรอบจะแย่อยู่แล้วแต่เมื่อบวกกับแรงใจที่หมดลงไปหลังโดนเม็ดสอง มันก็กลายเป็นโศกนาฏกรรมตลอด 45 นาทีหลังที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูแย่ไปหมด เข้าทางคู่แข่งไปหมด ไม่ไล่ ไม่สู้ ปล่อยจอย จนโดนไปเน้น ๆ ไป 7 ลูกในที่สุด
FBL-ENG-PR-LIVERPOOL-MAN UTD / PAUL ELLIS/GettyImages
หงส์ – ผี กับเป้าหมายหลังจบฤดูกาล
3 คะแนนในเกมนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล ขัยบขึ้นมาอยู่อันดับที่ 5 มี 42 คะแนนจาก 25 เกมตามหลัง สเปอร์ส อันดับ 4 เพียง 3 คะแนนแต่ ไก่เดือยทอง แข่งมากกว่า 1 นัด ทำให้โอกาสในการติดท็อป 4 ของ หงส์แดง กลับมาเปิดกว้างอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนนั่นคือเป้าหมายของพวกเขาที่ดูจะน่าพอใจกับฟอร์มอันย่ำแย่ในช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แม้จะแข่งน้อยกว่า อาร์เซนอล จ่าฝูง 1 เกมแต่แต้มก็ตามหลังมากถึง 14 คะแนน กลายเป็นว่าแฟน ๆ ปีศาจแดง บางรายเริ่มถอดใจและยอมรับความจริงแล้วว่าพวกเขาน่าจะยังไม่ดีพอในการลุ้นแชมป์ซีซั่นนี้ บางทีการรักษาพื้นที่ท็อป 4 และไปเน้นในถ้วยใบอื่น ๆ อาจจะดูเป็นไอเดียที่เข้าท่ากว่าก็เป็นได้
Manchester United v Liverpool FC – Premier League / Clive Brunskill/GettyImages