ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2022/23
คืนวันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2023
ลิเวอร์พูล 2-0 เอฟเวอร์ตัน
สนาม : แอนฟิลด์
ผู้ตัดสิน : ไซม่อน ฮูเปอร์
กัคโป ประเดิมตุงแรก
หนึ่งในไฮไลท์สำคัญในเกมนี้นั่นคือประตูที่สองของ หงส์แดง ถึงแม้มันอาจจะไม่ได้สำคัญอะไรมากมายแต่นั่นก็เป็นการยิงประตูแรกให้กับ หงส์แดง ของ โคดี้ กัคโป ตัวรุกชาวเนเธอร์แลนด์สที่หลังจากย้ายมาเมื่อต้นเดือนมกราคมก็ปืนฝืดยังทำไม่ได้แม้แต่ประตูเดียว
กระทั่งวันนี้เจ้าตวกจัดการเบิกสกอร์แรกของตัวเองได้สำเร็จจากการแท็ปอินลูกเปิดของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ ที่เหมือนจะไม่มีอะไรแต่ คอร์เนอร์ โคอาดี้ กลับปล่อยมาดื้อ ๆ จนเลยมาถึงเสาสองที่ กัคโป รออยู่แล้วนั่นเอง
สองลูกจากเกมสวนกลับ
อันที่จริงวันนี้ต้องยอมรับว่า ลิเวอร์พูล เองก็ไม่ได้เล่นดีอะไรขนาดนั้นแม้จะเป็นฝ่ายครองบอลบุกใส่ได้มากกว่าแต่ก็ยังขาด ๆ เกิน ๆ อยู่พอสมควรโดยในช่วงแรก แถมพวกเขายังเกือบโดนยิงนำก่อนจาก เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ ที่โขกไปชนเสาบอลกระดอนมาเข้าทาง หงส์แดง ได้ทำเกมสวนกลับ และเป็น นูนเญซ ที่หลุดมาทางกราบซ้าย ก่อนจะเปิดเข้ากลางอย่างแม่นยำมาถึง ซาลาห์ ยิงนิ่ม ๆ เข้าไป
ขณะที่ลูกสองต้องยกเครดิตให้ ร็อบโบ้ จากการทำชิ่งแกะเพลสส์ขึ้นมาก่อนถ่ายออกข้าง ซึ่งกก็เข้าระยะทำการของ เทรนต์ พอดิบพอดี เปิดทะลุแนวรับทีมเยือนมาถึง กัคโป ยิงเข้าประตูไป
เอฟเวอร์ตัน ไม่ดุเหมือนนัดก่อน
แฟน ๆ ลิเวอร์พูล หลายคนที่เห็นฟอร์ดนัดแรกของ ฌอน ไดซ์ ต้องยอมรับเลยว่าอาจมีหนาว ๆ ร้อน ๆ อยู่บ้าง จากที่เอาชนะจ่าฝูงอย่าง อาร์เซนอล มาได้ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยม
โดยเฉพาะแผงมิดฟิลด์ 3 ประสานอย่าง อับดูลาย ดูกูเร อังเดร โอนานา และ กานา เกย์ แต่เกมนี้มันกลับไม่เป็นเช่นนั้นพวกเขาทั้งสามไม่สามารถคอนโทรลเกมกลางสนามได้ดีเหมือนนัดก่อน แต่กลับกลายเป็น บาจ์เซติช และ ฟาบินโญ ที่เล่นได้อย่างโดดเด่นจนคุมพื้นที่กลางสนามเอาไว้ในกำมือได้
แถมการไม่มี โดมินิค คาลเวิร์ต เลวิน ยิ่งส่งผลชัดเจนเพราะเมื่อไม่มีเจ้าเวหาประจำทีม บอลยาวหรือลูกเซ็ตเพลย์ก็ขาดความอันตรายไปจนไม่สามารถกดดันแนวรับ หงส์แดง ได้
ความหวังติดท็อป 4 กลับมาอีกครั้ง
จาก 3 คะแนนในนัดนี้ของ ลิเวอร์พูล แม้พวกเขาจะยังคงรั้งอันดับ 9 ของตารางมี 32 แต้มจากการลงเล่น 21 เกมตามหลังอันดับ 4 นิวคาสเซิล อยู่ 9 คะแนนแต่ สาลิกาดง ลงแข่งไปมากกว่า 1 เกม ซึ่งหากตีกลม ๆ เกมนัดตกค้างถ้า หงส์แดง เอาชนะได้ ช่องว่างก็จะเหลือแค่ 6 แถมนัดหน้าทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ มีคิวบุกเยือน เซนต์ เจมส์ พาร์ค พอดี และถ้าเกิดคว้าชัยได้ช่องว่างก็จะเหลือ 3 คะแนน ฟังแล้วดูมีความหวังขึ้นมาทันที
แต่… หากพวกเขาแพ้นั่นเท่ากับว่าจะโดน นิวคาสเซิล ทิ้งห่าง 9 แต้มเป็นอย่างน้อย ฉนั้น 2 เกมสำคัญทั้งนัดตกค้างกับ วูล์ฟส์ และเกมต่อไปกับ นิวคาสเซิล พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากชนะสถานเดียวเพื่อโอกาสในการจบท็อป 4 ฤดูกาลนี้!