sportpooltoday

จากสระว่ายน้ำถึงลอนดอน : ต้นกำเนิด ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ ญี่ปุ่นยักษ์หนักทุกเม็ด


จากสระว่ายน้ำถึงลอนดอน  : ต้นกำเนิด ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ ญี่ปุ่นยักษ์หนักทุกเม็ด

ว่ากันว่านักฟุตบอลที่ลงเล่นในเกมระดับสูงนั้นมีความแตกต่างในแง่ของคุณภาพเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขา “โดดเด่น” และดูเปล่งประกายกว่ายิ่งกว่าใครเมื่อลงสนามคือ “ทัศนคติ” และ “ความกระหาย” ต่างหาก

ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เรื่องราวของ ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ กองหลังชาวญี่ปุ่นของ อาร์เซน่อล ก็คงจะเป็นเช่นนั้น … การเสริมทัพที่แฟนบอลยี้ กลับกลายเป็นคนที่ชนะใจแฟนบอลภายในเวลาไม่ถึงเดือน 

เราจะไม่พูดเรื่องความเก่งกาจ ฮีตแมป หรือรายละเอียดในส่วนของแท็คติกมากมายนัก แต่เราจะหาเหตุผลให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า โทมิยาสุ เปลี่ยนแปลงความคิดของผู้คนในเวลาอันสั้นได้อย่างไร ?

 

ติดตามได้ที่ Main Stand

เลือกสิ่งไหน ใส่ให้เต็มกับสิ่งนั้น 

ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ ไม่ได้เป็นนักเตะชาวญี่ปุ่นที่ได้รับการจับตามองมากมักในวัยเด็ก เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นในวงการฟุตบอลญี่ปุ่นหลังยุค 90s เป็นต้นมาคือ กลุ่มเด็ก ๆ มักจะเลือกเล่นในตำแหน่งนักเตะเกมรุกเสียมากกว่า เนื่องจากอิทธิพลของมังงะเรื่อง กัปตันสึบาสะ หรือแม้กระทั่งการข้ามโลกมาแจ้งเกิดของ ฮิเดโตชิ นากาตะ   


Photo : lifebogger

การมีไอดอลที่เห็นภาพได้ชัดเจน สร้างแนวคิดและค่านิยมให้กับนักเตะตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์มากเป็นพิเศษ ยุคหลัง ๆ คุณได้เห็นตัวรุกของญี่ปุ่นฝีมือดี ๆ มากมาย เคสึเกะ ฮอนดะ, ชินจิ คางาวะ หรือยุคปัจจุบันก็มี ทาคุมิ มินามิโนะ, ริทสึ โดอัน หรือ ทาเคฟุสะ คุโบะ นักเตะเหล่านี้เด่นยิ่งกว่าใคร ๆ ในรุ่นเดียวกันทั้งนั้น

 

“ในประเทศที่ทีมเวิร์กและการร่วมมือกันเป็นสิ่งสำคัญกว่าเรื่องส่วนตัว ตัวเอก (สึบาสะ) เปลี่ยนจากกองหน้ามาเป็นกองกลางเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนในยุคนั้นทำตาม แม้กระทั่งวันนี้กองหลังทีมชาติญี่ปุ่น (ยาสุยูกิ คอนโนะ) ยังมาจากตำแหน่งกองกลาง และทีมจากเจลีกก็ยังพึ่งพากองหน้าชาวบราซิลเป็นตัวหลักในแผนพวกเขา” แดน ออโลวิตช์ อดีตผู้สื่อข่าวเว็บไซต์ โกล เอเชีย ผู้คร่ำหวอดในวงการฟุตบอลญี่ปุ่นมากว่า 10 ปี กล่าวถึงอิทธิพลของการสร้างนักเตะในแดนกลางเชิงรุกมากกว่าตำแหน่งอื่น ๆ ของวงการฟุตบอลญี่ปุ่น 

 

ตัดกลับมาที่ โทมิยาสุ เดิมทีเขาไมได้ชอบเล่นฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจนักในช่วงวัยเด็ก กว่าที่เขาจะเริ่มเตะฟุตบอลก็เข้าสู่ช่วงอายุ 13 ปีแล้ว แน่นอนนี่เป็นช่วงอายุที่ถือว่าช้าหากเทียบกับนักเตะดัง ๆ ที่ส่วนใหญ่จะชอบและอยู่กับฟุตบอลมาตั้งแต่จำความได้ ยิ่งเริ่มเร็วทักษะก็สูง เมื่อทักษะพื้นฐานแน่น เด็กพวกนี้ก็จะสามารถจับจองตำแหน่งที่ตัวเองชอบได้มากกว่า ซึ่งในที่นี้หมายถึงตัวรุกเหมือนกับที่ สึบาสะ เป็น 

การมาทีหลัง ทำให้ โทมิยาสุ ต้องเริ่มเส้นทางในโลกฟุตบอลด้วยการเป็นกองหลังในทันที เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะเขาตัวใหญ่กว่าเด็กรุ่นเดียวกันเยอะ เนื่องจากก่อนที่ โทมิยาสุ จะเล่นฟุตบอลบอลจริงจัง เขาเคยมีความฝันที่จะเป็นนักว่ายน้ำระดับโอลิมปิกมาก่อน โดยมีพี่ชายทั้ง 2 คนเป็นไอดอล (ปัจจุบันเป็นนักว่ายน้ำอาชีพ) เขาจึงหัดว่ายน้ำมาตั้งแต่เด็ก และกีฬาชนิดนี้ใช้ความยืดเหยียดและความแข็งแกร่งและความอึดของร่างกายเป็นพิเศษ โทมิยาสึ จึงเติบโตไวและมีรูปร่างที่สูงใหญ่ผิดกับเด็กคนอื่น ๆ 


Photo : fcbarcelona.fr

เพียงแต่ความฝันไปโอลิมปิกในฐานะนักว่ายน้ำต้องถูกเบรกกลางคัน นั่นเพราะเขาโชคร้ายเกิดอุบัติเหตุระหว่างการวิ่งบนลู่วิ่งที่บ้านของคุณย่า ทำให้บาดเจ็บที่กรามจนไม่สามารถที่จะว่ายน้ำไปชั่วคราว ในช่วงเวลานั้นเขาลองหาอะไรเล่นไปเรื่อย ๆ และสุดท้ายก็ได้มาเจอกับฟุตบอล ซึ่งเป็นกีฬาที่สร้างความหลงใหลให้กับเขาในทัน จากนั้น โทมิยาสุ ก็ไม่กลับไปว่ายน้ำอย่างจริงจังอีกเลย

 

จะเล่นตำแหน่งไหนก็ไม่สำคัญ แต่ถ้าชอบในฟุตบอลแล้วก็ต้องทำให้ได้แบบที่ปากว่า โทมิยาสุ กลายเป็นเด็กที่มีข้อเรียกร้องจากเพื่อนร่วมทีมสูง มีอารมณ์ร่วมกับการแข่งขันมาก ก่อนทำผลงานในระดับท้องถิ่นได้เข้าตาแมวมองของสโมสร อวิสปา ฟูกูโอกะ ซึ่งตัวเขาเองหลังจากได้สัญญาอาชีพก็แสดงทัศนคติแบบมืออาชีพสมราคามาตลอด

“โทมิยาสุ เป็นเด็กที่รู้ตัวเองตั้งแต่เริ่มว่าคิดจะทำอะไร เขาก้าวขึ้นมาเล่นให้กับทีมในบ้านเกิดอย่าง อวิสปา ฟูกูโอกะ และเข้าใจความต้องการของตัวเองในทันที เขาอยากจะเป็นนักเตะอาชีพ และอยากไปเล่นในพรีเมียร์ลีกเสมอมา” ชาร์ลส์ วัตต์ นักข่าวของ Goal เขียนถึง โทมิยาสุ ในวัยทีนเอจ 


Photo : facebook.com/jleagueofficial.English

ตอนแรก โทมิยาสุ ยังไม่เห็นภาพว่าสิ่งที่เขาฝันห่างไกลขนาดไหน แม้ตอนนั้นเขาจะกลายเป็นกองหลังฝีเท้าดีในระดับดาวรุ่งของประเทศญี่ปุ่น เขาลงเล่นแบบแบกอายุมาตั้งแต่รุ่น ยู-17 ซึ่งยิ่งเกมการแข่งขันเข้มข้นขึ้นเท่าไหร่ โทมิยาสุ ก็เริ่มเข้าใจจุดยืนของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่เขาอายุ 17 ปี แต่ก็แบกอายุมาเล่นกับ ยู-19 จนมีคนบอกว่าเขาจะกลายเป็นกองหลังหมายเลข 1 ของประเทศ 

วันที่ โทมิยาสุ ลงสนามให้กับทีมชาติญี่ปุ่นรุ่น ยู-19 ในเกมเจอกับทีมชาติอังกฤษ ในปี 2016 เขาจึงได้รู้ว่าระยะห่างระหว่าง เจลีก กับ พรีเมียร์ลีก นั้นต่างกันขนาดไหน จะว่าตื่นจากฝันก็พอได้

 

“เกมนั้นผมลงเล่นกับทีมชาติอังกฤษในสนามที่แมนเชสเตอร์ และเราถูกอังกฤษยำเละเทะด้วยสกอร์ 1-5 หลังจบเกมนั้น ผมเข้าใจสิ่งที่ตัวเองหวังไว้ทันที ว่าทำไมผมถึงอยากจะมาเล่นในพรีเมียร์ลีกในสักวัน พวกเราที่เป็นเด็กที่เก่งที่สุดในญี่ปุ่น โดนสอนบอลโดยแทบไม่ได้ตอบโต้อะไรเลยในวันนั้น” โทมิยาสุ กล่าว

จากนี้ไป โทมิยาสุ สัญญากับตัวเองว่า หากมีโอกาสได้ก้าวไปข้างหน้าในอาชีพ เช่นการได้ออกไปเล่นในลีกยุโรป ไม่ว่าจะเร็วแค่ไหนและตัวของเขาจะพร้อมหรือไม่ เขาจะตัดสินใจตอบรับทันที เนื่องจากมันคือทางเดียวที่จะทำให้ศักยภาพของเขาสูงขึ้นแบบก้าวกระโดดนั่นเอง

จาก แซงต์ ทรุยด็อง ถึง โบโลญญ่า 

วาสนา คือสิ่งที่มนุษย์ใช้ตัดสินใครคนใดที่ได้รับสิ่งดี ๆ ในแบบที่หลายคนต้องอิจฉา แต่ในความเป็นจริง วาสนาที่ดีย่อมมาพร้อมกับการทำงานหนัก โทมิยาสุ โตขึ้นมาอีกนิดและกลายเป็นตัวหลักของ อวิสปา ในช่วงอายุ 18 ปี เขาลงเล่นต่อเนื่องมาตลอด และในช่วงเวลานั้น “วาสนา” ก็เข้ามาเสริมส่ง


Photo : stvv.com

 

เรื่องมันมีอยู่ว่า ณ เวลานั้น วงการ AV ของญี่ปุ่น มีบริษัทที่ชื่อว่า DMM ที่เป็น 1 ในบริษัทราชาแห่งอุตสาหกรรมหนังผู้ใหญ่ ที่โด่งดังและทำเงินมากมายมาตั้งแต่ยุค 90s จนถึงปัจจุบัน ตัวเจ้าของบริษัทเริ่มมองหาวิธีต่อยอดเงินที่มีในอุตสาหกรรมอื่น ๆ บ้าง และเขาต้องการจะซื้อทีมฟุตบอลสักทีมหนึ่ง ซึ่งหวยก็ไปออกที่ทีม แซงต์ ทรุยด็อง สโมสรระดับกลาง ๆ ของลีกประเทศเบลเยียม ในช่วงปี 2017

เมื่อสโมสรมีเจ้าของเป็นชาวญี่ปุ่น พวกเขาก็มีนโยบายจะใช้นักเตะจากเอเชียเพื่อเข้ามาช่วยเพิ่มฐานแฟนคลับให้กับทีม เพราะเชื่อว่าเอเชียคือตลาดแฟนคลับที่ใหญ่กว่ายุโรป (ในยุโรปมี 700 ล้านคน ส่วนในเอเชียมี 3.5 พันล้านคน) ดังนั้น โทมิยาสุ จึงกลายเป็นนักเตะคนแรก ๆ ที่ แซงต์ ทรุยด็อง ซื้อตัวเข้ามาในยุคที่เปลี่ยนผู้บริหาร

“ผมทำงานร่วมกับ CEO ของเรา ทาเคยูกิ ทาเทอิชิ ที่ เอฟซี โตเกียว ดังนั้นเราจึงรู้จัก โทมิ จากญี่ปุ่นเป็นอย่างดีเลยล่ะ” อังเดร ปินโต้ ผอ.กีฬาของ แซงต์ ทรุยด็อง กล่าว “ตอนนั้นเขาอายุ 19 ปี และสิ่งที่เราสนใจมากที่สุดก็คือศักยภาพของเขา ไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อย ๆ หรอกนะ นักเตะที่สูงถึง 1.88 เมตร และมีความเร็ว ร่างกาย และเทคนิค พร้อม ๆ กันแบบนี้” 


Photo : stvv.com

การย้ายมาเล่นกับ แซงต์ ทรุยด็อง อาจจะมาจากการที่สโมสรอยากทำการตลาดในเอเชียและญี่ปุ่นบ้าง แต่ โทมิยาสุ มาถึงที่นี่และเป็นตัวหลักในทันที เขาใช้เวลากับทีมแค่ปีเดียวก็ทำให้หลายคนต้องจับตามองแล้ว เนื่องจากลีกเบลเยียมนั้นขึ้นชื่อเรื่องการสร้างนักเตะดาวรุ่งที่มีราคาถูก ทำให้มีแมวมองของหลายสโมสรในลีกใหญ่ของยุโรปเดินทางมาส่องเกมของลีกเบลเยียมบ่อย ๆ และ โทมิยาสุ ก็เข้าตามแมวมองของสโมสร โบโลญญ่า เข้าอย่างจัง

 

“แค่ได้รับการติดต่อมา เราก็รู้แล้วว่าเขาจะขอย้ายทีม โทมิ รู้มาตลอดว่าบันไดขั้นต่อไปทอดมาถึงเขาแล้ว ถ้าไปอิตาลี เขาจะได้เรียนรู้วิธีเล่นเกมรับที่ดีที่สุดในโลก เขาต้องการเล่นในลีกที่เป็นเจ้าแห่งกลยุทธ์  ซึ่ง โบโลญญ่า ชื่นชอบวิธีการเล่นของเขามาก ๆ พวกเขาทำการบ้านมาเป็นปีก่อนจะซื้อ โทมิ ไปด้วยราคา 6 ล้านปอนด์” ปินโต้ กล่าว

เรียนรู้เกมรับด้วยการซึมซับทุกอย่าง

การไปเล่นที่ โบโลญญ่า ถือเป็นงานหนักของ โทมิยาสุ แต่เขาก็ตั้งใจทำมันตั้งแต่วันแรก ก่อนที่จะลงซ้อมกับทีมอย่างเป็นทางการ โทมิยาสุ เข้าคอร์สเรียนภาษาอิตาลีก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนเรื่องโอกาสการลงเล่นนั้น โทมิยาสุ พร้อมรับฟังทุกอย่างที่โค้ชบอก เขาไม่ได้เล่นแค่ตำแหน่งเดียวเท่านั้น เพราะทุกตำแหน่งในแนวรับแบบแบ็คโฟร์ โทมิยาสุ เคยได้รับบทบาทมาทั้งหมดแล้ว 

การรู้ภาษาทำให้หลายอย่างง่ายขึ้น และทัศนคติก็ช่วยทำให้เขาไปได้ไกล แม้จะเป็นนักเตะญี่ปุ่น แต่ โทมิยาสุ ก็เป็นประเภทกล้าออกคำสั่ง กล้าโวยวายใส่นักเตะเจ้าถิ่น หลายครั้งที่ทีมแพ้และเขาแสดงออกว่าไม่พอใจ ซึ่งแสดงให้ถึงแพชชั่นของความเป็นผู้ชนะอย่างเต็มเปี่ยม

“โทมิ ไม่เคยยอมรับความล้มเหลว มันน่าอัศจรรย์มาก ๆ คือเขาไม่เคยคิดจะหยุดเลยหากยังไม่ประสบความสำเร็จ คุณจะบอกว่าเขาวาสนาดี มีโชคที่ได้รับโอกาสและการผลักดันไม่ได้เลย ห้ามแม้แต่จะคิด เพราะสิ่งเดียวที่ทำให้เขามาถึงจุดนี้ได้ คือการอุทิศตนและทำงานหนักแบบไม่มีวันหยุดเท่านั้นเอง” ปินโต้ กล่าว

“ทำงานหนักแบบไหนเหรอ ? หากพูดคำนี้ออกมา คุณจะพบได้ว่ามีนักเตะที่ทุ่มเทมากมายหลายคน แต่ โทมิยาสุ น่ะระดับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เลยนะ ผมหมายถึงในแค่ทัศนคติและความทุ่มเท เพราะแม้กระทั่งหลังซ้อมเสร็จเขาก็ดูแลตัวเองดีมาก เขาเลือกอาหารและกินแต่ของที่มีประโยชน์กับร่างกายทั้งนั้น … เขาไม่เคยพอใจกับความแข็งแกร่งของตัวเอง โจนทะยานไปยังเส้นทางที่สูงยิ่งกว่าเดิม นั่นแหละสิ่งที่เขาเป็น” ปินโต้ ว่าไว้ถึงความสุดยอดของนักเตะคนสนิทของเขา 

สิ่งที่ ปินโต้ พูด ไม่ได้เกินจริงเลยหากคุณได้เห็นวิธีการเล่นของ โทมิยาสุ ชัด ๆ ในการเล่นให้กับ อาร์เซน่อล ตลอด 4 เกมหลังสุดที่ผ่านมา (ทีมชนะ 3 เสมอ 1) วิธีการเข้าปะทะและการดวลแบบ 1 ต่อ 1 ของ โทมิยาสุ ไม่เหมือนกับกองหลังญี่ปุ่นที่ผ่านมา แม้แต่ มายะ โยชิดะ ที่เคยเล่นให้กับ เซาธ์แฮมป์ตัน ก็ยังดูไม่ปราดเปรียวเท่ากับที่ โทมิยาสุ เป็น

นอกจากนี้เขายังชอบตะโกนขอบอลจากเพื่อนร่วมทีมตลอด โดยในเกมกับ ไบรท์ตัน โทมิยาสุ มีจังหวะขอบอลและโวยใส่ เบน ไวท์ เพื่อนร่วมทีมที่จ่ายบอลช้าจนทีมโดนกดดันและเสียบอลในจังหวะนั้น นั่นแหละคือวิธีการที่เขาผลักดันตัวเองและทีมในแบบที่เราไม่เคยรู้มาก่อน 

ในการสัมภาษณ์กับเว็บไซต์ของสโมสร โทมิยาสุ ตอบการสัมภาษณ์ทุกคำด้วยภาษาอังกฤษอย่างชัดเจนโดยไม่มีล่ามช่วยเลย ซึ่งข้อนี้เป็นจุดแข็ง ต่างกับนักเตะญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่มีปัญหากับเรื่องของกำแพงภาษา อย่าว่าแต่ญี่ปุ่นเลย นักเตะบราซิลหรืออเมริกาใต้หลายคนก็มีปัญหากับเรื่องนี้ จนทำให้ยากต่อการปรับตัวกับทีมใหม่

ตอนนี้ โทมิยาสุ ในวัย 22 ปี ปรับตัวได้เร็วเกินคาด ในวันที่เขามาถึง ไม่มีใครกล้าคิดว่าเขาจะมาถึงแล้วเล่นได้ทันทีแบบนี้ นักวิจารณ์หลายคนยังบอกเลยด้วยซ้ำว่า นี่คือการซื้อตัวที่หวังผลระยะยาวและจะทำให้ อาร์เซน่อล ไม่สามารถแก้ไขปัญหาแบ็คขวาในระยะสั้นได้ แต่ความจริงก็อย่างที่เราเห็น เขาสามารถต่อกรได้กับแนวรุกอย่าง ซน ฮึง มิน ที่ถือเป็นเบอร์ต้น ๆ ของพรีเมียร์ลีก และจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต่อเนื่องและการรักษามาตรฐานเท่านั้น 

นี่คือมิติใหม่ของกองหลังชาวญี่ปุ่นที่ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเคยเห็น ตัวใหญ่ แข็งแกร่ง และกัดไม่ปล่อย ซึ่งเบื้องหลังของความน่าตื่นเต้นนี้เกิดจากการตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนตั้งแต่วันแรกที่เริ่มเล่นฟุตบอล

จากสระว่ายน้ำ ความฝันสู่โอลิมปิก จนกระทั่งมาลงเอยที่ นอร์ท ลอนดอน … โทมิยาสุ พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เขาแก้ปัญหาให้กับทีมในระยะสั้นได้สวนทางกับคำปรามาส จากนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะสามารถสร้างผลกระทบในระยะยาวแบบที่ใครคาดหวังไว้ได้หรือไม่เท่านั้นเอง