sportpooltoday

“เดวิด มอยส์” : เวลาที่เหมาะสมและทีมที่ใช่กับการเกิดใหม่ที่ “เวสต์แฮม ยูไนเต็ด”


"เดวิด มอยส์" : เวลาที่เหมาะสมและทีมที่ใช่กับการเกิดใหม่ที่ "เวสต์แฮม ยูไนเต็ด"

หากย้อนกลับไปสัก 3-4 ปีก่อน ชื่อของ “เดวิด มอยส์” คงเป็นผู้จัดการทีมที่แฟนฟุตบอลส่ายหน้าหนี เพราะความล้มเหลวที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ซันเดอร์แลนด์ ยังคงเป็นฝันร้ายหลอกหลอนสาวกลูกหนังอังกฤษแบบไม่มีวันลบเลือน

ตัดภาพกลับมายังปัจจุบัน เดวิด มอยส์ กลายเป็นกุนซือที่เขียนประวัติศาสตร์มากมายให้กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด พร้อมกับฝากผลงานอันน่าเหลือเชื่อ จนแฟนขุนค้อนเรียกขานว่าเขาเป็น “นักบุญมอยส์” เลยทีเดียว 

Main Stand จะพาคุณมาย้อนดูการเดินทางของ เดวิด มอยส์ ในถิ่นลอนดอน สเตเดียม กับคำตอบที่บอกว่า หากคนที่ถูกมองข้ามค้นพบเวลาที่เหมาะกับทีมที่ใช่ อะไรก็เกิดขึ้นได้

เหตุผลที่ต้องเป็น เดวิด มอยส์

การเดินทางของ เดวิด มอยส์ กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ปี 2017 หลังกุนซือชาวสกอตแลนด์ถูกว่าจ้างเข้ามารับเผือกร้อนคุมทัพขุนค้อนที่กำลังจมอยู่ในโซนตกชั้นแทนที่ สลาเวน บิลิช อดีตผู้จัดการทีมชาวโครเอเชียที่ถูกปลดจากตำแหน่งไป

1เดวิด มอยส์ ได้รับความเชื่อมั่นอย่างมากจาก เดวิด ซัลลิแวน ประธานสโมสรร่วมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่กล่าวว่า “เขาคือคนที่ใช่สำหรับการแก้ไขสถานการณ์” แม้ผลงานล่าสุดของมอยส์ในการคุมทีมฟุตบอลระดับสโมสรคือการพาซันเดอร์แลนด์ตกชั้นสู่ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ในฤดูกาล 2016-17 ที่ผ่านมา

“เราต้องการใครสักคนที่มีประสบการณ์ มีความรู้เป็นอย่างดีเกี่ยวกับพรีเมียร์ลีก รวมถึงนักเตะที่เล่นอยู่ในนั้น ซึ่งผมเชื่อว่า เดวิด จะสามารถดึงศักยภาพที่ดีที่สุดของนักเตะเราออกมา” เดวิด ซัลลิแวน กล่าวถึงเหตุผลที่ดึงตัวมอยส์มาคุมทีม

“เขาได้รับการนับถือและยกย่องอย่างมากในวงการของเรา เขาจะนำไอเดียที่สดใหม่ การจัดการอย่างเป็นระบบ และความกระตือรือร้นมาสู่ทีมของเรา”

“เขาพิสูจน์ตัวเองแล้วในการคุมทีมเอฟเวอร์ตันถึงฝีมืออันยอดเยี่ยมที่เขามี และเรามั่นใจว่าเวสต์แฮม ยูไนเต็ด คือสโมสรที่เปิดโอกาสให้เดวิดได้แสดงถึงฝีมืออันยอดเยี่ยมนั้นอีกครั้ง”

ความเห็นของบรรดาผู้บริหารทีมที่เชื่อมั่นในประสบการณ์ของ มอยส์ ไม่ตรงกับความต้องการของแฟนขุนค้อนเท่าไรนัก แฟนบอลของเวสต์แฮมต้องการเห็นกุนซือหน้าใหม่ที่มีความคิดหัวก้าวหน้ามากกว่าจะดึงกุนซือที่ล้มเหลวกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และกำลังปรับสภาพตัวเองเป็น “กุนซือจอมหนีตกชั้น” หรือ แซม อัลลาไดซ์ หมายเลขสอง

แต่ที่แย่กว่าคือ มอยส์ เพิ่งคุมซันเดอร์แลนด์ซึ่งอยู่ในสถานการณ์คล้ายกันเมื่อซีซั่นก่อน และงานเดียวที่เขาจำเป็นต้องทำให้สำเร็จกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า นี่ยิ่งทำให้แฟนเวสต์แฮมไม่เชื่อใจมอยส์เข้าไปใหญ่

อย่างไรก็ดี BBC รายงานว่า ความเข้มงวดในการฝึกซ้อมและความสามารถในการดึงความขยันของนักเตะออกมาคือส่วนสำคัญที่ทำให้มอยส์ได้รับงานใหม่กับเวสต์แฮม

2เมื่อบวกกับความจริงที่เวสต์แฮมทุ่มเงินถึง 40 ล้านปอนด์ในช่วงซัมเมอร์เพื่อคว้าตัวนักเตะชื่อดังมากมายเข้าสู่ทีม ไม่ว่าจะเป็น ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ปาโบล ซาบาเลตา และ โจ ฮาร์ท จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ รวมถึง มาร์โก อาร์เนาโตวิช กองหน้าชาวออสเตรีย ที่ทุ่มเงินเป็นประวัติศาสตร์สโมสร ผู้บริหารเวสต์แฮมจึงมองว่า ทีมมีนักเตะที่ดีพอและต้องการแค่ใครสักคนมารวมใจนักเตะเหล่านี้ให้เป็นหนึ่ง และ เดวิด มอยส์ คือใครคนนั้น

การกลับมาอีกครั้งยังบ้านที่รู้ใจ

ช่วงเวลา 6 เดือนแรกของ เดวิด มอยส์ ไม่ได้เป็นไปด้วยดีนัก แม้จะสามารถพาทีมรอดตกชั้นได้ตามเป้าหมาย แต่พวกเขาต้องลุ้นเหนื่อยถึงนัดเกือบสุดท้ายของฤดูกาล แถมผลงานของพวกเขาก็ไม่ค่อยสม่ำเสมอ มีผลงานที่ดีไม่แพ้ใคร 6 นัดติดในช่วงกลางซีซั่น ก่อนจะคว้าชัยชนะเพียงนัดเดียวจาก 9 นัดในท้ายฤดูกาล

3ถึงอย่างนั้น บรรดาสื่อมวลชนได้ชี้ถึงคุณภาพเกมรับของเวสต์แฮมที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจนจนแทบจะเป็นจุดเด่นของทีม หรือความกระตือรือร้นของนักเตะซึ่งนำมาสู่การวิ่งลืมตาย มอยส์ สั่งให้ลูกทีมวิ่งเพื่อควบคุมพื้นที่บนสนามให้มากที่สุด และพร้อมจะวิ่งขึ้นหน้าทุกครั้งเมื่อได้โอกาสสวนกลับ นี่จึงทำให้นักเตะจอมขยันอย่าง มาร์ค โนเบิล วิ่งเกิน 11 กิโลเมตรต่อเกมเป็นเรื่องปกติ

เดวิด มอยส์ จึงมีโอกาสจะได้ต่อสัญญากับเวสต์แฮมมากพอกับที่จะเดินจากสโมสรแห่งนี้ไป แต่โชคชะตาของเขาเป็นคำตอบหลัง เมื่อทีมดังแห่งลอนดอนตะวันออกตัดสินใจไม่ยื่นสัญญาใหม่ให้ มอยส์จึงต้องจากลาทัพขุนค้อนไปหลังปฏิบัติภารกิจของตนกับทีมเสร็จสิ้นด้วยการพา เวสต์แฮม ยูไนเต็ด รอดตกชั้น และจบอันดับ 13 ของตาราง

มีรายงานที่ชวนสับสนออกมาในวันที่ มอยส์ ออกจากตำแหน่งกุนซือเวสต์แฮม เพราะขณะที่ เดวิด ซัลลิแวน เข้าไปติดต่อ เปาโล ฟอนเซกา ให้มารับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่ เดวิด โกลด์ เจ้าของร่วมอีกคนของเวสต์แฮมกลับออกปากว่าอยากให้ เดวิด มอยส์ อยู่ทำงานร่วมกับทีมต่อไป

ดูเหมือนว่า เดวิด มอยส์ ไม่ควรจะจากสโมสรแห่งนี้ไปตั้งแต่ต้น เพราะการพัฒนาเกมรับ ยกระดับความมุ่งมั่นของผู้เล่นในทีม และการดึงศักยภาพของนักเตะออกมาของมอยส์ได้แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถทำมันได้ และนับตั้งแต่เขาโบกมือลาเอฟเวอร์ตัน นี่คือทีมฟุตบอลที่เหมาะสมกับเขามากที่สุด

เดวิด มอยส์ เองก็เหมือนจะรู้ความจริงข้อนี้ดี เขาไม่เข้ารับงานที่สโมสรใดเลยหลังออกจาก เวสต์แฮม ราวกับว่าเขารอคอยให้ทีมดังจากลอนดอน สเตเดียม เรียกตัวเขาไปใช้งานอีกครั้ง

จนในที่สุดวินาทีนั้นก็มาถึง ในวันที่ 29 ธันวาคม 2019 เดวิด มอยส์ ถูกตั้งเป็นผู้จัดการทีมเวสต์แฮมอีกครั้ง หลัง มานูเอล เปเยกรินี่ พาทีมหล่นไปอยู่อันดับ 17 ของตาราง และมีแต้มเหนือโซนตกชั้นเพียงคะแนนเดียว

การกลับมาครั้งนี้มันเป็นบรรยากาศที่แตกต่างออกไปจากหนแรก มอยส์ ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากแฟนบอลเวสต์แฮมที่ต้องการให้เขากลับมาแก้ไขสถานการณ์อีกครั้ง ผู้บริหารก็เชื่อใจเขาเต็มเปี่ยมด้วยการให้สัญญายาว 18 เดือน เปิดโอกาสให้กุนซือรายนี้สานงานต่อในซีซั่นหน้า แต่สำคัญที่สุดคือ มอยส์ กลับมานั่งตำแหน่งนี้ด้วยความมั่นใจมากกว่าครั้งใด

4“ผมคิดว่ามีผู้จัดการทีมเพียงแค่สองหรือสามคนที่มีสถิติดีกว่าผมในพรีเมียร์ลีก นั่นแหละสิ่งที่ผมทำ ผมพาทีมลงไปคว้าชัยชนะ และผมมาที่นี่เพื่อพาเวสต์แฮมคว้าชัยชนะ พร้อมกับพาพวกเขาออกจากโซนท้ายตาราง”

“มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมที่ได้กลับมาที่นี่ ผมดีใจที่ได้กลับมายังบ้านหลังนี้ ผมคิดถึงการทำงานที่นี่เพราะมันสนุกมากจริงๆ ผมรักที่จะเดินเล่นในสนามแห่งนี้ และรักที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรแห่งนี้”

“ผมคิดถึงสโมสรแห่งนี้ และแทบรอไม่ไหวที่จะได้เริ่มงานที่นี่อีกครั้ง ผมภูมิใจมากที่ได้โอกาสกลับมายังเวสต์แฮม”

เดวิด มอยส์ เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในเกมแรกด้วยการพาทีมถล่มบอร์นมัธ 4-0 แม้ท้ายที่สุดแล้วผลงานของเขาจะไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรมากมาย ด้วยการพาทีมเก็บ 20 แต้มจาก 19 นัด มากกว่าช่วงเวลาของเปเยกรินี่แค่คะแนนเดียว แต่การพาเวสต์แฮมจบอันดับ 16 ของตารางและรอดตกชั้นได้ตามเป้าก็เป็นผลงานที่มีเครดิตมากพอที่จะทำให้ เดวิด มอยส์ ได้สานโปรเจ็กต์ของเขากับเวสต์แฮมต่อไป

ความทะเยอทะยานของนักบุญมอยส์

เดวิด มอยส์ ใช้เวลาสองฤดูกาลแรกกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในภารกิจพาทีมหนีตกชั้น นั่นจึงทำให้เขาอยากทำอะไรที่แตกต่างออกไปในซีซั่นที่สามของตน กุนซือชาวสกอตแลนด์เปิดใจอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาไม่ต้องการเห็นทัพขุนค้อนหนีตกชั้นในฤดูกาล 2020-21 และต้องการจะยกระดับทีมขึ้นไปให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

5“ผมต้องการจะพัฒนาเวสต์แฮมขึ้นไปและพาทีมให้เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ผมเห็นโอกาสที่เราจะพาสโมสรแห่งนี้ก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ด้วยทีมที่ดีขึ้นและดีขึ้น พวกเราไม่อยากจมอยู่ท้ายตารางอีกต่อไป ผมเห็นว่าขณะนี้เรามีทีมที่ดี ผมอยากจะแต่งเติมมันและสร้างทีมจากรากฐานที่มีอยู่ขึ้นไป”

ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างชัดเจนกับเวสต์แฮมในฤดูกาลดังกล่าว เพราะหลังจากที่มอยส์สามารถจูนทีมได้ติดในช่วงกลางฤดูกาล ทัพขุนค้อนกลายเป็นทีมที่ชนะได้ยากที่สุดทีมหนึ่งในพรีเมียร์ลีก พวกเขาแพ้เพียง 2 เกมจาก 13 นัดในช่วงแมตช์เดย์ 8 ถึง 20 ส่งผลให้เวสต์แฮมกระโดดเด้งจากอันดับ 13 ของตารางขึ้นมาสู่อันดับ 6 ของพรีเมียร์ลีก และกลายเป็นทีมลุ้นโควตายุโรปเต็มตัว

เดวิด มอยส์ ถูกบูชาราวกับเป็นพระเจ้าจากผลงานอันน่าเหลือเชื่อ แฟนขุนค้อนขนานนามเขาว่า “มอยส์ซิอาห์” หรือ “นักบุญมอยส์” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แฟนบอลในลอนดอน สเตเดียม

เพราะเวสต์แฮมในยุคของมอยส์กลายเป็นทีมที่เล่นในบ้านได้เคี่ยวยิ่งกว่าทีมระดับหัวตารางบางทีมเสียอีก โดยในฤดูกาล 2020-21 พวกเขาเสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ อาร์เซน่อล ในบ้าน แถมยังเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ได้อีกด้วย

จุดเด่นเดิมที่มอยส์เคยสร้างไว้กับเวสต์แฮมยังอยู่อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลเกมรับแข็งแกร่งที่ถือเป็นหัวใจของระบบการเล่นทั้งหมด การควบคุมพื้นที่ และความกระตือรือร้นในการเล่นเกมรุก-เกมรับ

กองหน้าตัวหลักอย่าง อันโตนิโอ ต้องทำหน้าที่ทั้งวิ่งพาบอลขึ้นหน้าและอาจเป็นคนไล่บอลบริเวณกรอบเขตโทษคู่แข่งในอีกไม่กี่วินาทีถัดมา มอยส์ยังเค้นฟอร์มนักเตะหลายคน ไม่ว่าจะเป็นการปลุกศักยภาพของ ดีแคลน ไรซ์ หรือ การเรียกฟอร์ม เจสซี่ ลินการ์ด ออกมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

6ความยอดเยี่ยมทั้งหมดนี้ส่งผลให้ เดวิด มอยส์ ขีดเขียนสถิติใหม่ให้กับสโมสรเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ด้วยการพาทีมเก็บแต้มบนลีกสูงสุดได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวน 65 คะแนน พาทีมคว้าชัยชนะบนลีกสูงสุดมากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรด้วยจำนวน 19 นัด และยังพาทีมจบอันดับ 6 ของตาราง ตีตั๋วไปยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ได้สำเร็จ

“ผมคิดว่าการทำลายสถิติแต้มสูงสุดเป็นบางสิ่งที่ผมอยากทำให้สำเร็จ มันเป็นความท้าทายเมื่อผมได้รับรู้ถึงเรื่องนี้ เพราะฉะนั้น ผมจึงดีใจมากที่เราคว้าชัยชนะได้ในช่วงนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้เล่นของเรากำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง” มอยส์ เปิดใจหลังทำลายสถิติแต้มสูงสุดของเวสต์แฮม

เดวิด มอยส์ พัฒนาทีมที่เคยหนีตกชั้นแบบเอาเป็นเอาตายให้กลายเป็นทีมที่มีโอกาสลุ้นไปฟุตบอลยุโรปทุกฤดูกาล และจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในฤดูกาล 2021-22 หลังจบการแข่งขันนัดที่ 36 ของซีซั่น ทัพขุนค้อนยังมีโอกาสที่จะตีตั๋วไปลุยบอลยุโรปอย่างต่อเนื่อง เพราะขณะนี้ทัพขุนค้อนรั้งอยู่ที่อันดับ 7 ของฤดูกาล

ความจริงแล้วพวกเขาอาจจะทำผลงานในลีกได้ดีกว่านี้ หากไม่ต้องแบ่งความสนใจส่วนใหญ่ไปกับการลุ้นแชมป์ยูโรป้า ลีก ซึ่งเวสต์แฮมทำผลงานได้ดีเกินคาด สามารถผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของการแข่งขัน แต่น่าเสียดายที่พวกเขาต้องพ่ายต่อ ไอน์ทรัคต์ แฟรงค์เฟิร์ต จึงไม่สามารถก้าวไปคว้าแชมป์ได้อย่างที่แฟนบอลหลายคนฝันเอาไว้ แถมในเกมนัดที่สองของการแข่งขัน เดวิด มอยส์ ยังถูกไล่ออกจากสนามอีกด้วย

7แต่ถึงอย่างนั้น มันก็แสดงให้เห็นว่า ยังมีอีกหลายสิ่งที่ มอยส์ ต้องพัฒนาและเรียนรู้ หากต้องการพา เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ก้าวไปถึงจุดที่วาดฝันไว้ ทว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น กุนซือชาวสกอตรายนี้ก็พร้อมจะเดินไปกับสโมสรที่เปรียบเหมือนบ้านหลังใหม่ของเขา รวมถึงเป็นที่พักใจหลังต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลวและเสียงดูถูกมากมายจากแฟนบอล

นี่คือการเดินทางของ นักบุญมอยส์ ในถิ่นลอนดอน สเตเดียม เป็นเรื่องราวที่พิสูจน์ให้เห็นถึงการกลับมาของผู้จัดการทีมที่เคยล้มเหลวมากที่สุดคนหนึ่งในโลกฟุตบอล หากสามารถค้นหาทีมที่เหมาะในเวลาที่ใช่ เดวิด มอยส์ ก็สามารถเป็นความภูมิใจของแฟนฟุตบอลได้อีกครั้งหนึ่ง