sportpooltoday

[OPINION] “เพดานค่าเหนื่อย” ปัญหาโลกแตกของ ลิเวอร์พูล


[OPINION] "เพดานค่าเหนื่อย" ปัญหาโลกแตกของ ลิเวอร์พูล

กระแสเรียกร้องจากแฟนบอลทั้งในบ้านเราและต่างประเทศเรื่องการขอให้ FSG หรือ เฟนเวย์สปอร์ตกรุ๊ป ขยับเพดานค่าเหนื่อยของนักเตะ ลิเวอร์พูล กำลังเป็นที่แพร่หลายในโลกโซเชียลรวมทั้งสื่อต่าง ๆ ก็ให้ความสนใจเรื่องนี้กันพอสมควร

ต้นเหตุเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อซัมเมอร์ที่แล้วเกี่ยวกับการต่อสัญญาของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซึ่งมีการเรียกร้องขอค่าเหนื่อยรายสัปดาห์เพิ่มจาก 2 แสนปอนด์ ขยับเป็น 3 แสน ก่อนที่จะจบลงที่ตัวเลข 4 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ โดยการเปิดเผยของเอเยนต์ส่วนตัว

เสียงเรียกร้องให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ และผู้บริหารของ ลิเวอร์พูล ยอมรับข้อเสนอของดาวยิงทีมชาติแอียิปต์มีออกมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยผลงานการรั้งตำแหน่งดาวซัลโวของสโมสรและ พรีเมียร์ลีก อยู่เกือบทุกซีซัน และมีส่วนสำคัญที่ช่วยพาทีมประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเป็นแชมป์ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก, แชมป์ลีกสูงสุด, แชมป์ ยูฟา ซูเปอร์คัพ และ แชมป์สโมสรโลก

ผสมกับดรามาการซื้อนักเตะใหม่ที่ หงส์แดง ทำได้แค่คว้า อิบราอิมา โคนาเต้ เข้ามาเพียงคนเดียวในขณะที่คู่แข่งต่างทุ่มกันไม่ต่ำกว่า 100 ล้านปอนด์ ยิ่งทำให้กระแสกดดันเจ้าของทีมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

Luis DiazLuis DiazLiverpool FC v Real Madrid – UEFA Champions League Final 2021/22 / Shaun Botterill/GettyImages

ดีที่เมื่อเปิดฤดูกาล ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้น่าพอใจและดูดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะการได้ หลุยส์ ดิอาซ มาเสริมทัพในช่วงตลาดหน้าหนาวจนทำให้ทีมมีลุ้นถึง 4 แชมป์ เรื่องนี้ก็ค่อย ๆ เงียบหายไป

แต่ก็มิวายกลับมาเป็นกระแสอีกครั้งหลังจบฤดูกาลล่าสุด การคว้าได้เพียง 2 แชมป์บอลถ้วยในประเทศกับการพลาด 2 แชมป์ใหญ่ รวมทั้งการที่ ซาดิโอ มาเน ออกมาประกาศขอย้ายทีมหลังจบนัดชิง แชมเปี้ยนส์ลีก ทำให้ เดอะค็อป ตั้งคำถามกับนโยบายของ FSG อีกครั้ง

การต่อสัญญาที่ล่าช้ากับ ซาลาห์ และ มาเน มาจากสาเหตุเดียวกันคือ ลิเวอร์พูล ไม่สามารถตอบสนองค่าเหนื่อยระดับ 3-4 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ให้กับผู้เล่นได้ เนื่องมาจากคำว่านโยบายเรื่อง “เพดานค่าเหนื่อย”

เวอร์จิล ฟาน ไดค์ คือคนที่รับเงินสูงสุดของทีมอยู่ที่ 2.2 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ รองลงมาคือ ติอาโก้ อัลคันทารา และ ซาลาห์ ที่รับ 2 แสนปอนด์เท่ากัน ในขณะที่ มาเน ที่กำลังจะย้ายทีมรับค่าเหนื่อยอยู่ที่ 1 แสนปอนด์เท่านั้น (ข้อมูลจากเว็บไซต์ spotrac.com)

Alex Oxlade-Chamberlain, Mathias NormannAlex Oxlade-Chamberlain, Mathias NormannLiverpool v Norwich City: The Emirates FA Cup Fifth Round / Chris Brunskill/Fantasista/GettyImages

ที่น่าตกใจไปอีกคือค่าเหนื่อยของกองหน้าทีมชาติเซเนกัลกลับน้อยกว่านักเตะที่ดูจะเป็นส่วนเกินของทีมอย่าง อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน ซึ่งรับอยู่ 1.2 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เจ้าตัวอยากจะขอเพิ่มในสัญญาฉบับใหม่เพราะเขาคือตัวหลักและทำผลงานได้อย่างคงเส้นคงวามาตลอด

แฟนบอลและกูรูหลายคนจึงมีความเห็นตรงกันว่าถึงเวลาที่ ลิเวอร์พูล ควรจะพิจารณาเรื่องนี้ได้แล้ว ไม่งั้นพวกเขาก็จะไม่สามารถรั้งผู้เล่นคนสำคัญเอาไว้ได้เลย ซึ่งมันกำลังเกิดขึ้นในกรณีของ มาเน และอีกไม่นานก็จะเป็น ซาลาห์ ในซัมเมอร์หน้า และอาจจะเป็น อลิสซอน เบ็คเกอร์, ฟาบินโญ หรือ ดิโอโก้ โชต้า ในอนาคตก็ได้ใครจะรู้

อย่างไรก็ตาม ในมุมของผู้จัดการทีมและผู้บริหารอาจจะมองต่างออกไป อย่าลืมว่ากลุ่มทุนจากอเมริกาประกาศไว้อย่างชัดเจนว่าการทำทีมของพวกเขานั้นต้องการให้สโมสรสามารถยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เอาเครดิตเข้าว่า กู้เงินมาลงทุนแล้วค่อยหาวิธีเอาคืนทีหลัง ซึ่งแบบนั้นค่อนข้างเสี่ยง เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาเมื่อ 2 ปีก่อนสโมสรอาจล้มไม่เป็นท่า ยกตัวอย่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลนา ที่ติดหนี้ตัวแดงในบัญชี กลายเป็นทีมที่ต้องหานักเตะย้ายฟรีในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แทบสิ้นสภาพความเป็นยักษ์ใหญ่และเจ้าบุญทุ่มกันเลยทีเดียว

ดังนั้นเรื่องของเงินช้อปปิ้งและเงินค่าเหนื่อยนักเตะจึงต้องสัมพันธ์กับสถานะทางการเงินของสโมสร ซึ่งการทำแบบนี้แฟนบอลมองว่าเจ้าของขี้งกบ้าง หากำไรกับสโมสรบ้าง แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า ลิเวอร์พูล คือทีมที่จ่ายเงินค่าเหนื่อยสูงระดับท็อปโฟร์ของ พรีเมียร์ลีก ด้วยเหมือนกัน

Mohamed Salah, Sadio ManeMohamed Salah, Sadio ManeLiverpool FC v Real Madrid – UEFA Champions League Final 2021/22 / Alex Livesey – Danehouse/GettyImages

ยิ่งเมื่อมองที่นโยบายการซื้อขายในช่วงของ เยอร์เก้น คล็อปป์ พวกเขาไม่ได้เน้นการดึงนักเตะที่มีชื่อเสียง แต่มองหาผู้เล่นที่มีแววดีในแต่ละตำแหน่ง และซื้อเข้ามาในราคาที่สมเหตุสมผล อย่าง ซาลาห์ และ มาเน ตอนย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ก็ค่าตัวไม่ถึง 40 ล้านปอนด์ และเงินค่าเหนื่อยก็ไม่ถึงระดับแสนปอนด์ต่อสัปดาห์ เพิ่งจะมาเพิ่มเอาในสัญญาที่ 2 กันทั้งนั้น

นี่คือนโยบายคร่าว ๆ ที่เราได้เห็นกันมาตลอด แม้ว่าพวกเขาจะตกเป็นข่าวกับนักเตะชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น คิลิยัน เอ็มบัปเป้ หรือ เออร์ลิง ฮาแลนด์ แต่ถ้าค่าตัวสูงไปหรือค่าเหนื่อยแพงจัด ก็ไม่ใช่สเป็คที่ ลิเวอร์พูล ต้องการ

นอกจากนี้ปัญหาสำคัญคือ อายุของทั้งคู่เข้าหลัก 30 กันแล้ว ซึ่งด้วยความต้องการสัญญาอย่างน้อย 3 ปี และค่าเหนื่อยระดับ 4 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ตลอดระยะเวลาดังกล่าวมันคงไม่ใช่เรื่องดีในระยะยาวอย่างแน่นอน

ลองคิดดูว่าถ้า FSG ยอมจ่ายจริง ๆ ทั้งหมดจะเป็นเงินประมาณ 120 -130 ล้านปอนด์ หรือตกปีละ 40 ล้านปอนด์ กับการลงทุนในนักเตะ 2 คนที่อายุเกิน 30 ไปแล้ว ซึ่งก็ไม่สามารถการันตีได้อีกว่าพวกเขาจะอยู่ในจุดสูงสุดได้นานขนาดไหน นี่คือความเสี่ยงมหาศาล

อาร์เซนอล เคยเจอมาแล้วในกรณีของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ที่ต่อสัญญาใหม่รับค่าเหนื่อย 3.2 แสนปอนด์ตอนอายุ 30 แต่หลังจากนั้นก็ฟอร์มร่วงจนต้องยกเลิกสัญญาในอีก 2 ปีต่อมา

อีกหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนคือ กรณีของ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ที่ตอนนั้นอายุ 29 ลงเล่นเป็นตัวหลักให้ ลิเวอร์พูล อย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเจ้าตัวขอสัญญาใหม่ 3 ปีพร้อมเงินค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิมที่รับอยู่ราว ๆ 9 หมื่นปอนด์ ซึ่งสโมสรพร้อมจ่ายแค่ 2 ปีและให้ได้แค่ระดับแสนต้น ๆ สุดท้ายตกลงกันไม่ได้ก็ต้องปล่อยฟรี และนักเตะก็ไปตกระกำลำบากกับ เปแอชเช จนมีข่าวย้ายทีมอยู่ในเวลานี้

แม้ว่า คล็อปป์ เองจะเคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า กองหน้าอย่าง ซาลาห์ สามารถเล่นในระดับสูงได้สบายอีก 3-4 พร้อมยกตัวอย่างเทียบกับ ลีโอเนล เมสซี แต่เมื่อสโมสรมีนโยบายที่ชัดเจน เขาซึ่งมีฐานะเป็นลูกจ้างก็คงทำอะไรได้ไม่มากเท่าไหร่

อย่างไรก็ตามก็ใช่ว่า ลิเวอร์พูล จะไม่ขยับเพดานค่าเหนื่อยซะทีเดียว เพราะพวกเขาคงไม่สามารถทนกระแสเงินเฟ้อและค่าเงินที่เพิ่มขึ้นทุกปีได้ ยิ่งในตลาดซื้อขายนักเตะที่มีการปั่นราคาค่าตัวกันแบบมหาโหด ถึงวันหนึ่งก็ต้องขยับตามอยู่ดี แต่จะมากน้อยขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับเรื่องของการต่อรอง

FBL-ENG-PR-LIVERPOOL-TROPHY-PARADEFBL-ENG-PR-LIVERPOOL-TROPHY-PARADEFBL-ENG-PR-LIVERPOOL-TROPHY-PARADE / OLI SCARFF/GettyImages

เอาเป็นว่าสำหรับกรณี ซาลาห์ และ มาเน การจะทำตามเงื่อนไขที่ทั้งคู่ขอมานั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะข่าวที่ดาวยิงเซเนกัลเตรียมโผซบ บาเยิร์น มิวนิค พร้อมรับค่าเหนื่อยสูงกว่าเดิมถึง 3 เท่า ยิ่งเป็นการตอกย้ำจุดยืนของ FSG ได้อย่างชัดเจน

สิ่งที่แฟนบอล ลิเวอร์พูล ต้องหวังต่อจากนี้คงจะเป็นเรื่องของนักเตะใหม่ที่จะย้ายเข้ามาแทนที่ มาเน ในช่วงซัมเมอร์มากกว่า พร้อมด้วยการยังมีลุ้นเล็ก ๆ กับการต่อสัญญา ซาลาห์ แต่ก็เชื่อว่าสโมสรคงให้เท่าที่ให้ได้ อยู่ที่นักเตะว่าจะยอมรับได้หรือไม่แค่นั้น

ยังดีที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจต่อสัญญาไปก่อนหน้านี้ ไม่งั้นซีซันหน้าเด็กหงส์คงดูบอลไม่สนุกแน่