“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 เก็บสามแต้มสำคัญ ไล่จี้ แมนฯ ซิตี้ จ่าฝูงเหลือเพียงแค่ 1 แต้มเท่าเดิม ขณะที่ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” อาการหนักหล่นไปอยู่อันดับที่ 18 ของตาราง เราไปดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นในเกมนี้กันบ้าง
1. ดุเดือดสมศักดิ์ศรี “ดาร์บี้แมตช์”Liverpool v Everton – Premier League / Clive Brunskill/GettyImages
เรียกได้ว่าดุเดือดคนละเรื่องกับเกม “แดงเดือด” นัดก่อนเลยก็ว่าได้แม้ว่าจะเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีเหมือน ๆ กัน เพราะเกมวันนี้แม้ทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด จะเป็นรองแต่กลับสร้างความกดดันให้ทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ได้เป็นอย่างดีทำให้หลาย ๆ เกมอึดอัดจนนักเตะทั้งสองฝ่ายต่างวิ่งกรูเข้าไประเบิดอารมณ์ใส่กันซึ่งเป็นสีสันของ เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ ที่มักจะเล่นใหญ่ใส่เต็มมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน
2. แลมพาร์ด มาดี 45 นาทีแรกLiverpool v Everton – Premier League / Clive Brunskill/GettyImages
ก่อนเกมไม่มีใครคิดว่า เอฟเวอร์ตัน ทีมที่ดิ้นรนหนีการตกชั้น จะสามารถสร้างความอึดอัดให้กับทีมลุ้นแชมป์อย่าง ลิเวอร์พูล ได้มากขนาดนี้ โดยเฉพาะครึ่งเวลาแรกที่ไม่เพียงแต่เกมหลังบ้านของผู้มาเยือนจะเหนียวแน่นแล้ว พวกเขายังสร้างโอกาสโต้กลับได้ดีจนทำให้แผงหลังรวมถึงแบ็กสองข้างถูกกดให้ไม่สามารถเต้มเกมรุกได้สุดเท่าที่ควร
น่าเสียดายที่สุดท้ายก็ต้านความหลากหลายของเจ้าบ้านไม่อยู่หลัง คล็อปป์ แก้เกมส่งสองกองหน้าลงมาเพิ่มและทำให้เกมรุกของ หงส์แดง ดูดีขึ้นมาหลังจากนั้น
3. แอนโธนี กอร์ดอน ทรงนี้ มีอนาคตLiverpool v Everton – Premier League / Clive Brunskill/GettyImages
หลังจากการมาของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ดูเหมือนว่า แอนโธนี กอร์ดอน ตัวรุกวัย 21 ปีของ เอฟเวอร์ตัน จะสามารถยึดตัวหลักในทีมชนิดที่เบียด เดอมาราย เกรย์ รวมถึง อันดรอส ทาวด์เซนด์ ให้ตกเป็นตัวสำรองเลยก็ว่าได้ ซึ่งนัดนี้เจ้าตัวก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะตลอดทั้งเกมเจ้าตัวทำให้เกมริมเส้น
โดยเฉพาะฝั่งซ้ายดูอันตรายอย่างเห็นได้ชัด ด้วยทักษะการไปกับบอลที่ดีรวมถึงความเร็วอันจัดจ้านถึงขนาดที่สร้างความปั่นป่วนให้กับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ อย่างหนัก แต่ยังดีที่ได้ โจเอล มาติป มาคอยซ้อนเอาไว้ แน่นอนว่าหากเจ้าตัวพัฒนาฟอร์มการเล่นขึ้นไปอีกได้ อนาคตการค้าแข้งกับสโมสรรวมถึงทีมชาติอังกฤษสดใสอย่างแน่นอนทรงแบบนี้
4. สถานการณ์หลังเกมLiverpool v Everton – Premier League / Clive Brunskill/GettyImages
แน่นอนว่า 3 แต้มในเกมนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล ไล่ แมนฯ ซิตี้ กลับมาเหลือ 1 คะแนนตามเดิมซึ่งยังเหลือเกมในมืออีกทีมละ 5 นัดเท่ากัน แต่อย่างไรก็ตามหลังจากเกมยุโรปกลางสัปดาห์หน้า หงส์แดง จะเจอกับงานหินอย่าง นิวคาสเซิล ที่ช่วงหลังฟอร์มยอดเยี่ยมชนะรวด 4 เกมติดขึ้นมาอยู่ครึ่งบนของตารางส่วน ซิตี้ จะพบกับ ลีดส์ ด้าน เอฟเวอร์ตัน สถานการณ์ดูจะต่างออกไปเพราะวันนี้ เบิร์นลีย์ สามารถพลิกชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน ทำให้ขยับขึ้นมาเหนือโซนตกชั้น
ในขณะที่ เอฟเวอร์ตัน ร่วงลงมาอยู่ที่ 18 มีแต้มห่างจาก เบิร์นลีย์ 2 คะแนนแต่ยังลงแข่งน้อยกว่า 1 เกม ซึ่งนัดต่อไป เบิร์นลีย์ จะเจองานเบาพบ วัตฟอร์ด ส่วน ท็อฟฟี รอเจอของแข็งอย่าง เชลซี ก็คงทำได้แค่หวังว่าพวกเขาจะมีฮึดในช่วงท้าย มิฉนั้นฤดูกาลหน้าบนลีกสูงสุดอาจไม่มีชื่อของทีมอย่าง เอฟเวอร์ตัน ก็เป็นได้