คอลัมน์เกรียนเขียนบอล : ไม่รอดแน่

คอลัมน์เกรียนเขียนบอล : ไม่รอดแน่

ศึกแดงเดือด คืนวันที่ 19 เมษายน จะฟาดแข้งกันที่สนามแอนฟิลด์ เกมนี้มีความหมายกับทั้ง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ใช่แค่เรื่องของศักดิ์ศรี เพราะผลการแข่งขันส่งผลต่อตารางลีกด้วย

ทีมหงส์แดงต้องการ 3 แต้ม เพื่อขยับขึ้นไปเป็นจ่าฝูงก่อน เพราะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะต้องลงเตะในช่วงสุดสัปดาห์ ขณะที่ทีมปีศาจแดงต้องการ 3 แต้มเพื่อบี้กับ สเปอร์ส และ อาร์เซน่อล ในการชิงท็อปโฟร์

ถ้ามองจากฟอร์มของทีมคงต้องบอกว่าแมนฯยูสู้ยากมาก แค่จากเกมแรกที่เจอกันที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ก็เห็นแล้วว่าลิเวอร์พูลเหนือกว่าขนาดไหน เกมรับที่เละและหลวมมากๆ ของแมนฯยู แม้แต่ นอริช ซิตี้ ทีมท้ายตารางยังยิงได้ถึง 2 ประตู 6 เกมหลังสุดของแมนฯยูรวมทุกรายการ โดนยิงรวม 11 ตุง

ถึงแม้ว่าลิเวอร์พูลจะรักษาคลีนชีทไม่ได้ใน 4 เกมหลัง เสีย 8 ประตู แต่การเจอกับทีมอย่างแมนฯซิตี้ และเบนฟิก้า ก็ไม่ใช่งานง่ายที่จะเก็บคลีนชีทอยู่แล้ว แถมแนวรุกก็ช่วยกันถล่มประตู พาทีมเดินหน้าไปได้

ราล์ฟ รังนิค บอกว่าแมนฯยูของเขามีเกมรับที่ดีขึ้นกว่าในวันที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ยังคุมทีมอยู่ แต่จากการที่เห็นสภาพแนวรับในแต่ละเกม เรียกได้เลยว่าไว้ใจไม่ได้ โชคดีที่ ดาบิด เด เกอา เหนียวหนึบ ช่วยทีมได้ในหลายๆ จังหวะ มีก็แค่เรื่องของการป้องกันลูกตั้งเตะที่ดีขึ้นเท่านั้น ที่เห็นผลมากขึ้น

ลิเวอร์พูลมีนักเตะที่สร้างจังหวะอันตรายได้ในหลายตำแหน่ง มีความหลากหลายในเกมรุกมากกว่า ขณะที่แมนฯยูยังต้องพึ่งพาความสามารถเฉพาะนักเตะบางคนอยู่ตลอด ถ้า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เล่นไม่ออก โอกาสที่จะเสมอหรือแพ้ก็มีสูง เกมนี้เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็น่าจะมีแผนรับมือให้โรนัลโด้หายไปจากเกมเอาไว้แล้ว เหมือนเกมแรกที่แอนฟิลด์

แรงผลักดันในการคว้า 4 แชมป์ของพลพรรคหงส์แดง และความมั่นใจที่สะสมมาตลอดทั้งฤดูกาล ดูจะเป็นไฟที่แรงกว่า การได้เล่นในบ้าน บรรยากาศของเกมแดงเดือด คงได้เห็นลิเวอร์พูลเดินหน้าฆ่ามันแน่ๆ

มองไม่ออกว่าแมนฯยูจะรอดออกจากแอนฟิลด์พร้อมแต้มในมือได้ยังไง แต่ถ้าบุกไปชนะได้ ความฮึกเหิมน่าจะพุ่งปรี๊ด ต่อยอดไปถึงการลุ้นท็อปโฟร์ใน 5 เกมสุดท้าย

แต่เกมนี้น่าจะจบด้วยความสุขของเจ้าบ้าน ที่ขยับไปเป็นจ่าฝูงก่อน และลุยล่า 4 แชมป์อย่างแข็งแกร่งต่อไปมากกว่า