แมนฯซิตี้ vs ลิเวอร์พูล โค้งสุดท้ายลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายกันแล้ว สำหรับการลุ้นแชมป์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล เป็นสองทีมที่ขับเคี่ยวกันแย่งแชมป์ในโปรแกรม 7 นัดที่เหลือ
อาจจะเรียกได้ว่าพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ลุ้นแชมป์กันสนุกที่สุดในรอบหลายฤดูกาลหลัง เพราะก่อนหน้านี้คะแนนของจ่าฝูงทิ้งห่างและเห็นแววแชมป์ก่อนล่วงหน้า 3 เดือนเลยก็ว่าได้
ตารางคะแนนตอนนี้ แมนฯซิตี้มี 74 คะแนน ส่วนลิเวอร์พูลจี้มาติดๆ ที่ 73 แต้ม โอกาสจะแซงหรือขยับหนีห่างยังเกิดขึ้นได้ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับฟอร์มของทั้งคู่ เรียกได้ว่า 7 นัดที่เหลือ ถ้าทีมไหนพลาดท่าเก็บ 3 แต้มไม่ได้ก่อน โอกาสที่จะจบรองแชมป์มีสูงทีเดียว
โปรแกรมของทีมเรือใบสีฟ้า ใน 7 นัดหลังจากนี้ เยือนวูล์ฟแฮมป์ตัน เปิดบ้านพบไบรท์ตัน เล่นในบ้านเจอวัตฟอร์ด เยือนลีดส์ ยูไนเต็ด รับการมาเยือนนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ไปเยือนเวสต์แฮม ยูไนเต็ด และส่งท้ายด้วยการรับมือแอสตัน วิลล่า ที่เอติฮัด สเตเดียม
ทีมหงส์แดงจะต้องทำศึกแดงเดือด กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แอนฟิลด์, และบู๊ศึกเมอร์ซีไซด์ ดาร์บี้ กับเอฟเวอร์ตัน ในบ้าน หลังจากนั้นต้องไปเยือนนิวคาสเซิล ต่อด้วยเล่นในบ้านเจอท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ไปเยือนแอสตัน วิลล่า เยือนเซาธ์แฮมป์ตัน ปิดท้ายด้วยการเล่นในแอนฟิลด์ รับมือวูล์ฟส์
ถ้าจะบอกว่าลิเวอร์พูลเจอโปรแกรมที่โหดกว่าแมนฯซิตี้ก็ไม่ผิดนัก เพราะเจอทีมคู่ปรับอย่างเอฟเวอร์ตันและแมนฯยู ซึ่งเป็นแห่งศักดิ์ศรี แต่ถ้ามองกันตามเนื้อผ้า สภาพของทั้งสองทีมในตอนนี้ คงเป็นเรื่องยากที่จะต้านทานความดุของทัพหงส์แดงได้ไหว แม้ว่าเอฟเวอร์ตันจะต้องการแต้มเพื่อหนีตาย และแมนฯยูก็ยังไม่หมดหวังในการลุ้นท็อปโฟร์เสียทีเดียว
แมนฯซิตี้พร้อมชนะทุกทีมที่เจอ แต่ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าพวกเขาจะชนะได้ทั้งหมด ถึงแม้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะประกาศไว้ก่อนแล้วว่า ถ้าต้องการแชมป์จะต้องชนะให้ได้ทุกนัดที่เหลือ แต่โอกาสที่จะพลาดทำแต้มหลุดมือก็ไม่ง่ายเช่นกัน เพราะพวกเขารู้ดีว่าถ้าพลาดขึ้นมา อะไรจะเกิดขึ้น
ทั้งหงส์แดงและเรือใบสีฟ้า ไม่ได้มีโปรแกรมแค่พรีเมียร์ลีกเท่านั้น แต่ยังมีลุ้นแชมป์อีก 2 รายการเหมือนกันด้วย เอฟเอคัพ รอบรองชนะเลิศ ทั้งคู่จะเจอกันเอง แน่นอนว่าไม่มีใครยอมใคร เพราะอีกแค่ 2 เกมก็จะไปถึงแชมป์แล้ว
อีกรายการ คือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ลิเวอร์พูลจะเจอกับบียาร์รีล ส่วนแมนฯซิตี้เจองานหนักกับรีล มาดริด ทำให้โปรแกรมของทั้งสองทีมแน่นมากเหมือนกัน ไม่มีใครได้เปรียบ-เสียเปรียบ ในเรื่องของช่วงเวลากันนัก
ความน่าสนใจอีกอย่าง คือ ถ้าทั้งสองทีมจบที่แต้มเท่ากัน จะต้องมาวัดแชมป์กันด้วยหลักเกณฑ์ไหนบ้าง
อย่างแรกต้องมาดูกันที่ผลต่างประตูได้-เสีย ทีมไหนผลต่างมากกว่า ก็จะได้แชมป์ไป ผ่านไป 31 นัด แมนฯซิตี้ยิงไป 72 ตุง เสีย 20 ประตู ยังคงบวกอยู่ 52 ประตู ส่วนลิเวอร์พูลซัดไป 79 ตุง เสีย 22 ประตู บวกอยู่ 57 ประตู ซึ่งลิเวอร์พูลกำความได้เปรียบอยู่
ถ้าผลต่างประตูได้-เสียยังเท่ากัน ก็จะตัดสินกันด้วยประตูที่ยิงได้ ตอนนี้ทีมหงส์แดงนำอยู่ที่ 79-72
โอกาสที่จะได้แชมป์ร่วมกันก็เกิดขึ้นได้ ถ้าตัวเลขทุกอย่างเท่ากันหมด ทั้งคะแนน ผลต่างประตูได้-เสีย และประตูที่ยิงได้
กฎของพรีเมียร์ลีกระบุว่า ถ้าเป็นแบบนั้น ทั้งสองทีมจะครองแชมป์ร่วมกัน ซึ่งโอกาสเกิดขึ้นเป็นไปได้ยากจริงๆ
ด้วยความที่ไม่มีใครรู้อนาคต การประเมินของบริษัทพนันถูกกฎหมายในการออกอัตราต่อรองทายผลแชมป์พรีเมียร์ลีก จึงเป็นอีกแนวทางที่จะมาวิเคราะห์ว่าที่แชมป์ได้ บ่อนถูกกฎหมายในอังกฤษยังคงยกให้แมนฯซิตี้เป็นเต็ง 1 ที่อัตรา แทง 9 จ่าย 4 และลิเวอร์พูลเป็นเต็ง 2 แทง 8 จ่าย 13 ซึ่งถือว่าผลตอบแทนของลิเวอร์พูลดูดีกว่ามาก
ถ้ามองกันเป็นเปอร์เซ็นต์ที่บริษัทพนันวิเคราะห์ออกมา เรือใบสีฟ้ามีโอกาสเป็นแชมป์ถึง 69 เปอร์เซ็นต์ ส่วนหงส์แดง 38 เปอร์เซ็นต์ อีก 0.2 เปอร์เซ็นต์ ยังคงให้เชลซีมีโอกาสเป็นแชมป์ ถึงแม้จะเกิดขึ้นได้ยากมากก็ตาม
อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะได้เห็นแล้วว่า ทีมไหนจะได้ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะได้เห็นทีมใดทีมหนึ่งกวาด 3 แชมป์ แบบที่แมนฯยูเคยทำได้เมื่อปี 1999 อีกครั้ง หรือลิเวอร์พูลอาจจะสร้างประวัติศาสตร์กวาด 4 แชมป์เลยก็ได้
แต่ต้องไม่ลืมว่า ถ้าจะไปถึงจุดนั้นต้องห้ามพลาดหรือพลาดให้น้อยที่สุดเท่านั้น