sportpooltoday

[OPINION] บทเรียนจาก แมนฯ ยูไนเต็ด และสัญญาใหม่ของ “ซาลาห์” กับ ลิเวอร์พูล


[OPINION] บทเรียนจาก แมนฯ ยูไนเต็ด และสัญญาใหม่ของ "ซาลาห์" กับ ลิเวอร์พูล

ความคิดแรกของแฟนๆ ลิเวอร์พูล ต่อ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ผู้เป็นเสมือนตัวแทนของช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ในประวัติศาสตร์หน้าใหม่นี้จะย้ายออกไปไม่ได้ สโมสรต้องให้ทุกอย่างที่เขาต้องการ แค่ต้องแน่ใจว่าเขาจะอยู่ต่อและทำประตู 20 ลูกต่อฤดูกาลให้ทีมไปเรื่อยๆ

แต่ความจริงแล้วไม่มีผู้เล่นคนใดที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ แน่นอนว่าความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างผู้เล่นต่อเพื่อนร่วมทีม ผู้เล่นกับสโมสรและแฟนบอลมีอยู่อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้เล่นคนนั้นมีส่วนสำคัญในการเติบโตของสโมสร เฉกเช่นที่ ซาลาห์ เป็นสำหรับ ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ เยอร์เกน คล็อปป์

ทว่าจากการเรียนรู้อดีตของ ลิเวอร์พูล จะพบว่าพวกเขาได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการไม่ยึดติดกับผู้เล่นคนใดคนหนึ่งมากเกินไปและรู้จักปล่อยวางเมื่อถึงเวลาที่เขาเหล่านั้นจะต้องย้ายออกไป

บิล แชงคลีย์ อดีตกุนซือ หงส์แดง เคยยอมรับเองว่าเขาทำผิดพลาดที่ปล่อยให้ทีม ลิเวอร์พูล ในยุครุ่งเรืองเติบโตไปด้วยกัน จนกระทั่งความพ่ายแพ้ต่อ วัตฟอร์ด ใน เอฟเอ คัพ ปี 1970 ทำให้เทำให้เขาตระหนักรู้ว่ากุญแจสู่จัดระบบทีมในระยะยาวคือการรู้ว่าเมื่อใดควรเฉดหัวผู้เล่นของตัวเองออกไป

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยม เขาไม่เคยปล่อยให้ผู้เล่นอยู่ในทีมนานเกินจนถึงตอนที่พวกเขาหมดประโยชน์ไปแล้ว เราเห็นได้จากกรณีของ มาร์ค ฮิวจ์ส, อังเดร คานเชลสกี้ และ พอล อินซ์ ในปี 1995 ก่อนจะถึงทีของ รอย คีน ในทศวรรษถัดมา

นั่นไม่ได้หมายความว่า ลิเวอร์พูล ควรจะขาย ซาลาห์ แต่ควรต้องมีการประเมินกันยกใหญ่เสียหน่อยว่าการเก็บเขาไว้นั้นคุ้มค่าเพียงใดหากข้อเสนอของเขาเป็นค่าแรงที่สูงถึง 400,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ กับทีมที่ดูแลสภาพความคล่องทางการเงินของตัวเองได้ดีมาโดยตลอด 5 ปี หลัง

และในอีกมุม การที่แข้งชาว อียิปต์ จะเรียกร้องค่าตอบแทนดังกล่างก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร เพราะเขาได้พิสูจน์แล้วว่าตัวเองก็ไม่ได้เป็นรองสตาร์คนอื่นๆในโลกลูกหนังเลย หรืออันที่จริงอาจจะเหนือกว่าใครหลายๆคนที่ได้รับค่าเหนื่อยมากกว่าเขาแล้วด้วยซ้ำ

นอกจากนี้การที่เขากำลังจะอายุ 30 ปี ในอีกไม่กี่เดือน จึงหมายความว่าสัญญาฉบับนี้อาจจะเป็นสัญญาฉบับสุดท้ายของเขาในฐานะนักฟุตบอลแล้วก็เป็นได้ ดังนั้นมันจึงควรเป็นเงินก้อนโตที่เพียงพอจะให้เขาสำรองเอาไว้ใช้หลังแขวนสตั๊ดด้วยหรือไม่

นอกจากนี้อีกหนึ่งคำถามสำคัญสำหรับทีมที่หมายตา ซาลาห์ เอาไว้ก็คือหาก ซาลาห์ ย้ายไปแล้ว เขาจะเล่นได้ดีอย่างเช่นที่ทกับ ลิเวอร์พูล ได้หรือไม่

เพราะแม้เขาจะเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม เลี้ยงบอลเก่ง และจบสกอร์คมกริบ แต่เราทุกคนเห็นเขายามลงเล่นในทีมชาติกับฟอร์มที่ดูไม่จืดเอาเสียเลย และใช่ เขาเล่นดีทีเดียวกับ ฟิออเรนติน่า และ โรม่า แต่มันเป็นตอนที่ย้ายไป แอนฟิลด์ ในปี 2017 ต่างหากที่ทำให้เขาได้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว

เขามี โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน และ ดิโอโก โชต้า ที่เชี่ยวชาญในถอยลงมาต่ำเพื่อเปิดช่องว่างให้ ซาลาห์ ได้เล่นง่ายขึ้น ในขณะที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก็มาพร้อมกับการป้อนบอลที่แม่นยำอยู่เรื่อยๆ แล้วไหนจะกองกลางที่เก่งเรื่องการชิงบอลคืนมากกับแทคติกเพรสซิ่งแบบวิ่งลืมตายอีก

ดังนั้นหากไม่มีการยกเครื่องครั้งใหญ่ ก็สามารถสันนิษฐานได้ว่าเขาจะไม่ได้มีผู้เล่นรอบตัวที่คอยช่วยเขาที่ PSG หรือ กับ ยูเวนตุส และแทคติก 4-4-2 รวมไปถึงความจริงที่ว่ามีผู้เล่นไม่น้อยเลยที่ย้ายทีมไปแล้วมันกลับไม่เวิร์ค แบบกรณีของ ลูกากู, คูตินโญ และ อองตวน กรีซมันน์ ไป บาร์เซโลนา

แน่นอน – ไม่มีใครรู้ เขาอาจจะย้ายออกไปและสามารถทำได้ทุกอย่างเหมือนเดิมก็เป็นได้ แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้น อย่างน้อย ลิเวอร์พูล ก็น่าจะเบาใจได้เปลาะหนึ่งแล้วเมื่อได้เห็นฟอร์มของ หลุยส์ ดิอาซ ที่ปรับตัวได้เร็วจนน่าใจหาย