sportpooltoday

“10 ปี ซิเมโอเน่”.. ชายผู้เปลี่ยน แอตเลติโก มาดริด ให้เป็นหนึ่งในยอดทีมของยุโรป


"10 ปี ซิเมโอเน่".. ชายผู้เปลี่ยน แอตเลติโก มาดริด ให้เป็นหนึ่งในยอดทีมของยุโรป

23 ธันวาคม 2011 เป็นวันแรกที่ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมของ แอตเลติโก มาดริด หลังจากเคยสร้างชื่อในฐานะอดีตผู้เล่นของสโมสรแห่งนี้ถึง 2 ช่วง ช่วงแรกในปี 1994-1997 และช่วงที่ 2 ในปี 2003-2005

ในเวลานั้น ซิเมโอเน่ วัย 41 ปี มารับช่วงต่อจาก เกรกอริโอ มานซาโน่ เทรนเนอร์คนก่อน ที่ทำผลงานย่ำแย่ อยู่อันดับ 10 ของตาราง แถมแพ้ทีมระดับดิวิชั่น 3 อย่าง อัลบาเซเต้ ทั้ง 2 นัด ตกรอบโคปา เดล เรย์ แบบไม่น่าเชื่อ

การก้าวเข้าสู่งานโค้ชของ “เอล โชโล่” ถือเป็นความท้าทายสุดๆ เพราะต้องต่อสู้กับทีมที่มีซูเปอร์สตาร์ทั้ง ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่ช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เขาก็สร้างทีมจนกลายเป็นหนึ่งในทีมชั้นนำของยุโรปไปแล้ว
ddจากอันดับ 10 สู่อันดับ 1

นัดแรกของ ซิเมโอเน่ ในการทำหน้าที่คุมทีมลงแข่งขันลาลีกา เริ่มต้นจากอันดับที่ 10 แต่ก็เร่งทำแต้มขึ้นมา จนสามารถจบอันดับที่ 5 แถมยังคว้าแชมป์รายการแรกกับ แอตฯ มาดริด อย่างยูฟ่า ยูโรป้า ลีก อีกด้วย โดยรอบชิงชนะเลิศยูโรป้า ลีก ปี 2012 “ตราหมี” เอาชนะ แอธเลติก บิลเบา ของกุนซือมาร์เชโล่ บิเอลซ่า คู่ปรับร่วมลาลีกา 3-0 นอกจากนี้ ยังสร้างสถิติที่น่าทึ่ง ด้วยการชนะรวดครบทุกนัดในรอบน็อกเอาต์ของรายการนี้

เท่านั้นยังไม่พอ ซิเมโอเน่ ยังคว้าแชมป์ที่ 2 ด้วยการถล่ม เชลซี จากอังกฤษ 4-1 ในยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ในเกมที่ ราดาเมล ฟัลเกา ทำแฮตทริก ส่วนผลงานในซีซั่น 2012/13 จบอันดับ 3 ในลาลีกา และคว้าแชมป์โคปา เดล เรย์

จุดสูงสุดของ ซิเมโอเน่ ในชีวิตการคุมทีม แอตฯ มาดริด คือการคว้าแชมป์ลาลีกาได้ถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อฤดูกาล 2013/14 ประตูตีเสมอ 1-1 ของ ดิเอโก้ โกดิน ในนัดปิดซีซั่นที่พบกับ บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ลีกสูงสุดหนแรกในรอบ 18 ปี

และครั้งที่ 2 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ต้องวัดกันถึงนัดสุดท้ายเช่นเดียวกัน ก่อนที่ทีมของ “เอล โชโล่” จะบุกไปชนะ เรอัล บายาโดลิด 2-1 จาก อังเคล คอร์เรอา และ หลุยส์ ซัวเรซ ทำคนละประตู กลายเป็นแชมป์ลาลีกาสมัยที่ 11 ของสโมสร
ffสถิติที่เป็นมากกว่าสถิติ

แชมป์ 8 โทรฟี่ ของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ที่ทำไว้กับ แอตฯ มาดริด ประกอบด้วยแชมป์ลาลีกา, แชมป์ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก, แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ อย่างละ 2 สมัย รวมไปถึงแชมป์โคปา เดล เรย์ กับแชมป์สแปนิช ซูเปอร์ คัพ อีกอย่างละ 1 สมัย

ในเกมที่เอาชนะ แอธเลติก บิลเบา 2-1 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นับเป็นการเก็บชัยชนะนัดที่ 309 รวมทุกรายการของซิเมโอเน่ ทำลายสถิติเดิมของหลุยส์ อราโกเนส อดีตโค้ชระดับตำนานของสโมสรเรียบร้อยแล้ว
และชัยชนะ 309 นัดดังกล่าว ทำได้ด้วยการลงคุมทีมในจำนวนนัดที่น้อยกว่าอราโกเนสอีกด้วย ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ซิเมโอเน่ ลงคุมทีมรวมทุกรายการไปทั้งสิ้น 552 นัด ขาดอีกเพียง 60 นัด ก็จะทำสถิติเทียบเท่ากับอราโกเนส

ถ้านับเฉพาะในลาลีกา กุนซือชาวอาร์เจนไตน์วัย 51 ปี ลงคุมทีมไปแล้ว 382 นัด มากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก มิเกล มูนญอซ ที่ทำไว้ 417 นัดกับ เรอัล มาดริด และถ้ายังอยู่คุมทีมต่อในฤดูกาลหน้า ก็จะทำลายสถิติได้อย่างแน่นอน
xxก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในยอดทีมยุโรป

สิ่งที่ทำให้ แอตเลติโก มาดริด เป็นที่รู้จักมากขึ้น คือผลงานในรายการระดับทวีป ซึ่ง ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ได้เข้ามายกระดับสโมสรแห่งนี้ ให้กลายเป็นทีมที่น่ากลัวทีมหนึ่ง ที่ใครก็ประมาทไม่ได้เมื่อพบกันในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

ก่อนที่ ซิเมโอเน่ จะเข้ามาคุมทีม แอตฯ มาดริด ได้ลงเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นอย่างน้อย ในยูโรเปี้ยน คัพ/แชมเปี้ยนส์ ลีก เพียงแค่ 34 เกมเท่านั้น แต่ 10 ปีหลังสุด ได้ลงเล่นรอบน็อกเอาต์ถ้วยใหญ่ยุโรปมากถึง 31 เกม

ผลงานของ “ตราหมี” ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ยุคของ ซิเมโอเน่ เข้าร่วมแข่งขันมาแล้ว 8 ฤดูกาลติดต่อกัน เคยเข้าชิงชนะเลิศมาแล้ว 2 ครั้ง และในปัจจุบันนี้ มีคะแนนค่าสัมประสิทธิ์ของยูฟ่าเป็นอันดับที่ 10 จากสโมสรทั่วทั้งทวีปยุโรป

กิโก้ นาบาเอซ อดีตเพื่อนร่วมทีมของ ซิเมโอเน่ กล่าวว่า “ตลอด 10 ปีที่เขาทำงานให้กับแอตเลติโก มาดริด เขามีความกระหาย และกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา เขาจะอยู่ไปอีกหลายปี และคว้าแชมป์ได้อีกแน่นอน”