sportpooltoday

โอกาสของ แมนฯ ซิตี้ กับการคว้า “ทริปเปิลแชมป์” อีกครั้งในฤดูกาลหน้า – [OPINION]


โอกาสของ แมนฯ ซิตี้ กับการคว้า "ทริปเปิลแชมป์" อีกครั้งในฤดูกาลหน้า - [OPINION]

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายใต้การนำของกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ทำให้คู่แข่งหลายทีมมีความหวังในช่วงซัมเมอร์นี้ และมันเป็นเพียงช่วงไม่ถึง 2 เดือนหลังจากพวกเขาคว้า “ทริปเปิลแชมป์” อย่างยิ่งใหญ่เมื่อซีซันที่ผ่านมา

แมนฯ ซิตี้ กำลังเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ด้วยทีมที่ดูเหมือนจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับปีก่อน โดยพลพรรค “เรือใบสีฟ้า” มีคิวจะลงเล่นในศึกคอมมูนิตี ชิลด์ กับ อาร์เซนอล ของเทรนเนอร์ มิเกล อาร์เตตา ในวันอาทิตย์ที่ 6 สิงหาคมนี้

ในช่วงปิดซีซันนี้ แมนฯ ซิตี้ เสียคีย์แมนอย่าง อิลคาย กุนโดกัน กองกลางกัปตันทีมชาวเยอรมนี ให้กับ บาร์เซโลนา และ ริยาด มาห์เรซ ปีกชาวแอลจีเรีย ที่ซัดไป 15 ประตู และ 13 แอสซิสต์ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ก็ย้ายไปยัง อัล อาห์ลี ในซาอุดิอาระเบีย ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์
wทั้ง กุนโดกัน และ มาห์เรซ มีบทบาทสำคัญในความสำเร็จของ แมนฯ ซิตี้ มาตลอดหลายปี ซึ่งการที่พวกเขาทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในถิ่นเอติฮัด สเตเดียม ต่อไป นั้น ก็หมายความว่า ทีมของ กวาร์ดิโอลา ก็มีทางเลือกน้อยลงกว่าเดิม

ขณะที่ ไคล์ วอล์คเกอร์ แบ็กขวาทีมชาติอังกฤษ ที่เป็นตัวหลักในแนวรับมาตลอดก็มีโอกาสสูงที่จะย้ายไปยัง บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งหากดาวเตะวัย 33 ปี โยกไปเล่นกับ “เสือใต้” จริง กวาร์ดิโอลา ก็จะไม่เหลือแบ็กขวาที่ไว้ใจได้อยู่ในทีมอีกแล้ว โดยไม่ต้องพูดถึง ชูเอา กันเซโล ที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีม

เมื่อมองในภาพรวม แมนฯ ซิตี้ กำลังเจอกับฤดูร้อนที่ยากลำบาก และในช่วงพรีซีซันบรรดาสโมสรชั้นนำในอังกฤษ เลือกไปเก็บตัวอุ่นเครื่องที่สหรัฐอเมริกา แต่ “เรือใบสีฟ้า” กลับเลือกจะไปโชว์ฝีเท้าในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งหลายคนมองว่าแทบไม่มีประโยชน์มากนัก
qในซัมเมอร์นี้ แมนฯ ซิตี้ ได้ตัวนักเตะฝีเท้าดีอย่าง มาเตโอ โควาชิช มิดฟิลด์ทีมชาติโครเอเชียมาจาก เชลซี ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ แต่ดาวเตะวัย 29 ปี เพียงคนเดียว คงไม่สามารถแบกรับภาระได้ทั้งหมด แม้จะคุณภาพมากเพียงใดก็ตาม

แมนฯ ซิตี้ พยายามจะคว้าตัว ดีแคลน ไรซ์ กองกลางทีมชาติอังกฤษ ตัดหน้า อาร์เซนอล แต่ก็ไม่สำเร็จ หลังจากไม่ยอมสู้ค่าตัว ขณะที่กองหลังเป้าหมายอย่าง ยอสโก กวาร์ดิโอล ของ แอร์เบ ไลป์ซิก ก็ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะบรรลุข้อตกลงสำเร็จ

เมื่อปีที่แล้ว แมนฯ ซิตี้ ทำธุรกิจอย่างรวดเร็ว และเฉียบขาดด้วยการเซ็นสัญญากับ เออร์ลิง ฮาลันด์, ฮูเลียน อัลวาเรซ, มานูเอล อาคันจิ รวมถึง คาลวิน ฟิลลิปส์ และส่วนใหญ่ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งหมด
pมองไปที่คู่แข่งอย่าง อาร์เซนอล ก็พัฒนาทีมอย่างต่อเนื่องด้วยการเซ็นสัญญากับ ไรซ์, ไค ฮาแวร์ตซ์ และ ยูร์เรียน ทิมเบอร์ ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เซ็นสัญญากับ เมสัน เมาต์, อังเดร โอนานา และ ราสมุส ฮอยลุนด์ กองหน้าจาก อตาลันตา

ด้าน เชลซี หลังการแต่งตั้ง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน เป็นโค้ชคนใหม่ ก็กระชากนักเตะมาร่วมทีม 5 ราย ประกอบด้วย คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, นิโคลัส แจ็คสัน, อักเซล ดิซาซี, อันเจโล กาเบรียล และ ดิเอโก โมเรรา

สำหรับ ลิเวอร์พูล ของ เยอร์เกน คล็อปป์ แม้จะเสียแกนหลักในแดนกลางอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ฟาบินโญ่ ที่ย้ายไปยังซาอุดีอาระเบีย แต่พวกเขาก็คว้าตัว อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ โดมินิก โซบอสซ์ไล เข้ามาทดแทน

การคว้า “ทริปเปิลแชมป์” ถือเป็นความสำเร็จที่เหลือเชื่อของ แมนฯ ซิตี้ แต่การที่พวกเขาไม่ปรับปรุงขุมกำลังให้แข็งแกร่งเหมือนที่ผ่านมา บางทีมันอาจเป็นการผ่อนคันเร่งให้ทีมอื่นไล่ตามมาก็เป็นได้