sportpooltoday

โวทั้งบางแต่นางไม่มา : เบื้องหลังการยกเลิกนาทีสุดท้ายระหว่าง นาบิล เฟกีร์ กับ ลิเวอร์พูล


โวทั้งบางแต่นางไม่มา : เบื้องหลังการยกเลิกนาทีสุดท้ายระหว่าง นาบิล เฟกีร์ กับ ลิเวอร์พูล

ไม่มีดีลไหนที่ใกล้เคียงแต่กลับล้มเหลวสำหรับสโมสร ลิเวอร์พูล เท่ากับการพยายามคว้าตัว นาบิล เฟกีร์ ในปี 2018 อีกแล้ว ตอนนั้น กล้องพร้อม ไฟพร้อม เสื้อพร้อม และวิดีโอเปิดตัวนักเตะใหม่ก็พร้อมออนแอร์

อย่างไรก็ตามจากที่เคยเป็นดีลใสแจ๋ว ทุกอย่างกลับพังลงเพียงชั่วพริบตา และการล้มดีลนี้ทำให้หลายฝ่ายซัดกันนัวว่า “เป็นเพราะใคร ทำไมดีลถึงล่มได้ ?” 

ติดตามเรื่องความเฟลและออกตัวล้อฟรี ผ่านเบื้องหลังสุดวุ่นวายของดีล เฟกีร์ ของ ลิเวอร์พูล ได้ที่นี่

ชั่วโมงเร่งด่วน 

ตลาดซื้อขายนักเตะนั้นมีเวลาให้ช็อปให้ซื้อกันหลายต่อหลายเดือน โดยเฉพาะตลาดซัมเมอร์ที่แต่ละทีมมีเวลาเตรียมตัวสำหรับการเสริมทัพหรือผ่องถ่ายนักเตะในทีมมากกว่า 4 เดือนเลยทีเดียว ทีมไหนวางแผนมาดี ปิดดีลไว ก็เตรียมทีมได้ไว สร้างความได้เปรียบสำหรับฤดูกาลใหม่กันไป นี่คือสิ่งที่หลายทีมอยากจะทำให้ได้ เพราะได้ประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่อง

ที่ว่ามาในข้างต้นอาจจะดูเหมือนง่าย แต่ในโลกความจริงมันไม่มีอะไรอยู่ในแผนการไปเสียหมด บางครั้งนักเตะตัวหลักของคุณก็เกิดเจ็บในช่วงพรีซีซั่น สตาร์ประจำทีมโดนทีมที่ใหญ่กว่าดึงตัวไปและจำเป็นต้องหาตัวแทนอย่างเร่งด่วยภายในระยะเวลาที่จำกัด เมื่อนั้นการวัดกึ๋นสุดมันในตลาดซื้อขายก็จะเริ่มขึ้น 

ในความยากและรีบเร่งนั้นมีการแบ่งระดับซอยย่อยออกมาอีก ได้แก่ ง่าย, ปานกลาง, ยาก และ ยากมาก ตามลำดับ…

 

ระดับง่ายคือ นักเตะอยากย้ายสโมสรอยากขาย เมื่อมีข้อเสนองาม ๆ พวกเขาก็พร้อมตอบคอนเฟิร์มทันที นอกจากในกรณีนี้ ที่เหลือก็ต้องลุ้นเอาว่าติดปัญหาเรื่องอะไร นักเตะไม่อยากย้าย, สโมสรอยากได้ค่าตัวมากกว่านี้, คุยกับเอเยนต์ไม่ลงตัว หรือสโมสรยืนกรานไม่อยากขาย ไล่เรียงไปตามลำดับ 

และดีลที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้คือเรื่องราวในวันที่ ลิเวอร์พูล กำลังมองหาตัวแทนของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ เพลย์เมกเกอร์ชาวบราซิลที่ถูกบาร์เซโลน่าดึงตัวไปด้วยราคา 105 ล้านยูโร (ไม่รวมโบนัส) ดังนั้นพวกเขามีเงินแน่นอน เพียงแต่ว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ นั้นเป็นโค้ชที่ช่างเลือก ไม่โดนจริงไม่เอา ไม่ขยันไม่เอา ทัศนคติไม่ดีตัดทิ้งได้เลย ดังนั้นการเสียคูตินโญ่ไปในครึ่งหลังของฤดูกาล 2017-18 คล็อปป์ จึงไม่ซื้อใครมาแทนที่ทันที เขาใช้ขุมกำลังเท่าที่มี และปล่อยให้ทีมวิเคราะห์และทีมรีเสิร์ชนักเตะใช้เวลาที่เหลือครึ่งฤดูกาลหาตัวแทนที่เหมาะสมกับวิธีการทำทีมของเขา เพื่อเตรียมใช้งานในฤดูกาล 2018-19 

 

หากพูดตอนนี้คงฟังดูแหม่ง ๆ แต่เหตุผลที่ คูตี้ ยืนกรานว่าจะย้ายทีม เป็นเพราะเขาอยากไปอยู่กับทีมที่ใหญ่กว่า มีโอกาสได้เล่นฟุตบอลยุโรปสม่ำเสมอกว่า ซึ่งในช่วงเวลานั้น ลิเวอร์พูล ยังเพิ่งตั้งหลักได้ไม่นานนัก จึงไม่ได้อยู่ในสถานะทีมระดับโลกเหมือนในตอนนี้ 

ด้วยสถานะดังกล่าว ลิเวอร์พูล จึงยังไม่สามารถดึงเพลย์เมกเกอร์ระดับโลกประเภทท็อปคลาสมาแทน คูตินโญ่ ได้ทันที เพียงแต่ว่าเมื่อใช้เวลาพิจารณาดู พวกเขาก็พบว่านั่นไม่ใช่ปัญหา … เพราะ คล็อปป์ ชอบนักเตะแนว “ปั้นให้ดัง” อยู่แล้ว และหวยก็มาออกที่ นาบิล เฟกีร์ ผู้เล่นตำแหน่งหมายเลข 10 ของ โอลิมปิก ลียง 

 

คล็อปป์ ทำตามแบบที่ตัวเองถนัด หานักเตะจากทีมระดับเล็กกว่า หรือลีกที่ไม่ใช่ลีกใหญ่มากนัก โดยเขาพูดถึงเหตุผลที่ชอบใช้งานนักเตะประเภทนี้ว่า เป็นนักเตะที่ยังไม่เคยแตะจุดสูงสุดของโลกฟุตบอล ดังนั้นพวกเขาจะมีความกระหายอยากมากกว่า และมีความเป็น “น้ำไม่เต็มแก้ว” ที่พร้อมจะรับสิ่งใหม่ ๆ ที่เขาสอนมากกว่านั่นเอง 

การซื้อขาย นาบิล เฟกีร์ ในตอนแรก สื่อทุกเจ้า กูรูซื้อขายทุกคนประเมินว่านี่เป็นดีลระดับ “ปานกลาง” กล่าวคือนักเตะอยากจะย้ายไปยังระดับที่สูงกว่า สโมสรก็อยากขายแน่นอน แต่ขออย่างเดียวแค่ค่าตัวสมน้ำสมเนื้อหน่อย เรียกได้ว่าเงินมาผ้าหลุดแน่ ๆ

รุกประชิด

ทีมซื้อขายของ ลิเวอร์พูล เดินยิ้มแป้นด้วยความเบิกบานสำราญใจ เช่นเดียวกับแฟน ๆ ที่เชื่อว่าช่องโหว่ที่ คูตินโญ่ จากไปจะถูกกลบสนิทหากได้ เฟกีร์ เข้ามา อีกทั้งกระแสข่าวก็ยืนยันว่า “มาแน่” ดังนั้นมันไม่น่าจะพลาดหรอก … แต่ก็อย่างที่หลายคนรู้กัน จากดีลระดับปานกลางกลายเป็นดีลระดับยากมากไปเสียได้ และ ลิเวอร์พูล ก็แทบตั้งตัวไม่ทันสำหรับเรื่องนี้ 

 

อย่าว่าแต่แฟนบอลเลย แม้แต่ตัวนักเตะอย่าง เฟกีร์ ก็ใจลอยมาอยู่ที่แอนฟิลด์แล้ว นักเตะรายนี้กระตือรือร้นกับการย้ายทีมมาก ๆ ถึงขั้นที่ว่าได้เจรจากับ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือของทีมเป็นการส่วนตัวแล้วด้วยซํ้า

เฟกีร์ เล่าให้สื่อฟังว่า ทันทีที่เขาได้คุยกับ คล็อปป์ เขาก็ระทวยทันที สิ่งที่ คล็อปป์ บอกเขาคือการสร้างทีม วิธีการเล่นของเขา และเป้าหมายในอนาดคตที่ทีมตั้งไว้ว่าจะไปให้ถึง มีการอธิบายวิธีการและสิ่งที่คล็อปป์ต้องการจากเขาคร่าว ๆ ซึ่ง เฟกีร์ เหมือนกับเด็กเห็นของเล่นสุดแรร์ ตาวาวเป็นประกายทันที 

ลิเวอร์พูล เองก็รุกคืบเข้าหา ลียง และตกลงราคากันที่ราว ๆ 60 ล้านยูโร ซึ่ง ลียง ก็ยอมรับข้อเสนอนั้นแต่โดยดี เพราะถือเป็นเงินก้อนโตที่สุดในรอบหลายปีที่พวกเขาจะได้รับ มองเหลี่ยมไหนก็ใสแจ๋วชัด ๆ 

“ทุกสิ่งทุกอย่างใกล้เสร็จสิ้นแล้ว ผมได้ผ่านการถ่ายทำช่วงสัมภาษณ์ไปแล้วด้วย ผมได้พูดคุยกับ เยอร์เก้น คล็อปป์ เรียบร้อย เขาบอกผมว่า เขารักผม พวกเราทุกคนทำสำเร็จ แต่แล้วในช่วงที่เรากำลังเซ็นสัญญา การเจรจาก็ล้มเหลว” เฟกีร์ เล่าเรื่องนี้ภายหลัง

 

ลิเวอร์พูล เตรียมทุกอย่างสำหรับเขา มีการทำเสื้อเตรียมจะขาย มีการทำคลิปสัมภาษณ์เปิดตัวหลังย้ายทีม พร้อมมาก ๆ แต่อยู่ดี ๆ สำนักข่าวใหญ่อย่าง BBC ก็ยืนยันว่า “ลิเวอร์พูลตัดสินใจยกเลิกการซื้อตัว นาบิล เฟกีร์ จาก โอลิมปิก ลียง แล้ว” เท่านั้นแหละงงกันทั้งบาง คำถามที่ทุกคนสงสัยง่าย ๆ สั้น ๆ คำเดียวนั่นคือคำว่า “ทำไม ?”

ซัดกันนัว

หลังจากปล่อยให้คาดเดากันไปต่าง ๆ นานาถึงสาเหตุการล้มดีลนี้ สุดท้ายก็มีการเปิดเผยจากสื่อใหญ่หลายเจ้าตรงกันว่า ลิเวอร์พูล คือผู้ยืนยันปฏิเสธการย้ายทีมครั้งนี้เอง เดา ๆ กันแบบตาสีตาสาง่าย ๆ คือ ลิเวอร์พูล เห็นความผิดปกติบางอย่างในดีลใสแจ๋วดีลนี้ และพวกเขาคิดว่า 60 ล้านยูโรกับนักเตะอย่าง เฟกีร์ นั้นเสี่ยงเกินไป 

คำถามทั้งหมดถูกยิงข้ามฝั่งไปยังฝรั่งเศส เฟกีร์ เป็นอะไร ทำไมไม่ได้ย้ายทีม และเรื่องนี้ยากจะหาสาเหตุแบบตรง ๆ เพราะการล้มดีลกับ ลิเวอร์พูล ทำให้ตัวนักเตะกับเอเยนต์ของเขาอย่าง ฌอง-ปิแอร์ แบร์เนส์ ยังซัดกันนัวมาจนถึงทุกวันนี้

 

ประการแรกมีการปล่อยข่าวว่า ลิเวอร์พูล กังวลปัญหาเรื่องหัวเข่าของเขาว่าอาจจะส่งผลต่อเกมหนัก ๆ ในพรีเมียร์ลีก แต่ความจริงมันจะเป็นเช่นนั้นหรือ ในเมื่อทุกอย่างพร้อมระดับ 99% แล้ว ดังนั้นมันต้องหมายถึงมีการตรวจร่างกายไปแล้วเรียบร้อย เหลือแค่ลงข่าว Official ประกาศในสื่อออนไลน์ของทีมเท่านั้น 

เรื่องนี้เถียงกันมานานหลายปีเลยทีเดียว เฟกีร์ เพิ่งมายอมเปิดปากเอาเมื่อปี 2020 นี่เอง และเขาบอกว่าหลัก ๆ แล้ว เอเยนต์ของเขาดันไปวางท่าใส่ลิเวอร์พูล จะขอกินค่าหัวคิวเยอะ และร้องขอแบบไม่รู้จักจบจักสิ้น จนทำให้ ลิเวอร์พูล เหลืออด ซึ่งการชวดเงินกินเปล่าทำให้เอเยนต์ของเขาปล่อยข่าวว่าเขาเข่าพังจนลิเวอร์พูลไม่ต้องการตัว

 

“ตอนนั้นผมโคตรจะเฟลแบบสุด ๆ ผมอ่านข่าวมาไม่น้อยและแต่ละข่าวก็บอกว่ามันเป็นเพราะผม ซึ่งมันไม่จริงเลย ข่าวว่าอาการบาดเจ็บหัวเข่าทำให้ผมไม่ได้ย้ายไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล นั้นเหลวไหลมาก” เฟกีร์ กล่าว 

“ตอนนั้นผมเพิ่งเข้าไปเก็บตัวกับทีมชาติที่แกลร์กฟงแตน (ศูนย์ฝึกซ้อมของทีมชาติฝรั่งเศส) และพวกเขาก็มาตรวจร่างกายผม ซึ่งหัวเข่าของผมมันก็เรียบร้อยดี แต่ผมมีปัญหากับเอเยนต์และที่ปรึกษาของผม มันเป็นความรับผิดชอบของเอเยนต์ที่ทำให้การเจรจาต้องล่ม แน่นอนผมรู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้ย้ายไปเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ผิดหวังมาก ๆ เพราะพวกเขาเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ”

เทศกาลโยนขี้เริ่มแล้วหนึ่ง เฟกีร์ เปิดก่อนและโทษเอเยนต์แบบชัดเจน และความมันก็บังเกิดเมื่อเอเยนต์ของเขาก็ไม่ใช่พวกที่ชอบรอให้ข่าวเงียบด้วย เมื่อโดนพาดพิงเขาก็สวนกลับทันที และยืนยันชัดเจนว่า เฟกีร์ นั้นโกหกหน้าตายได้เก่งมาก ๆ และยอมรับใจที่กล้าโทษตนว่าเป็นคนล้มดีลนี้

“นาบิลคือเป้าหมายสำคัญลำดับต้น ๆ ของลิเวอร์พูล” แบร์เนส์ กล่าวกับ Canal+ “ผมคุยกับทางตัวแทนของลิเวอร์พูล, กับ เยอร์เก้น คล็อปป์, กับ ฌอง-มิเชล โอลาส อยู่ 4 เดือน ทุกอย่างมันพร้อมแล้ว นาบิลก็ทราบดีถึงสัญญาในอนาคตของเขา ซึ่งนั่นจะทำให้เขาได้รับเงินราว ๆ 45 ล้านยูโร (ราว ๆ 40 ล้านปอนด์) ตลอดระยะเวลา 5 ปี” เอเยนต์ เริ่มเปิด  

 

“เขาต้องหยุดแสดงพฤติกรรมแบบนี้ และเลิกคิดว่าทุกคนโง่ได้แล้ว ทุกคนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น สาเหตุที่ทำให้เขาไม่ได้ย้ายไปลิเวอร์พูล มี 2 เหตุผล ข้อแรก ปัญหาตรงหัวเข่า ซึ่งตอนแรกผู้ที่เกี่ยวข้องกับดีลนี้ในอังกฤษพร้อมที่จะพยายามแก้ปัญหาเรื่องนี้ในภายหลังแล้ว”

“ส่วนข้อสอง การปรากฏตัวของชาวต่างชาติที่ทำตัวเหมือนเป็นตัวแทนของเขา ซึ่งขอให้การเจรจากลับไปเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่แรก ทั้งที่เวลานั้นกำลังจะมีการเซ็นสัญญากันเกิดขึ้นแล้ว สุดท้ายผู้ใหญ่จากฝั่ง ลิเวอร์พูล ตัดสินใจทิ้งดีลดังกล่าวขณะที่อยู่ในขั้นตอนการตรวจร่างกาย” แบร์เนส์ สวนกลับทันควัน

“ในวันนั้นที่สัญญากำลังจะเซ็นที่แรมบุยเลต์ เราเห็นทนายความและพี่เขยของนาบิลเข้ามาแล้วบอกว่า ‘หยุดทุกอย่างเอาไว้ การเจรจาพูดคุยจะต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง’ มันแปลกและเหนือจริงมาก เรานึกว่าเรากำลังอยู่ในหนัง วอลต์ ดิสนีย์ เสียอีก” 

“อยู่ ๆ พี่เขยของ นาบิล เฟกีร์ ก็ทำตัวราวกับเป็นเอเยนต์ของนักเตะ เขาต้องการค่านายหน้า ทุกวันนี้มันเป็นเรื่องที่คนเขานิยมทำกัน”

หากฟังจากที่ แบร์เนส์ ตีความ เท่ากับว่า เฟกีร์ มีปัญหาที่เข่าจริง แต่เรื่องนั้นยังพอแก้ไขได้ผ่านการดูแลรักษาอะไรก็ว่าไป แต่ปัญหาหลัก ๆ คือพี่เขยของเขานั่นแหละที่พังดีลนี้ ไม่ใช่เอเยนต์มืออาชีพอย่างเขา 

ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม ดีลดังกล่าวพังลงในวินาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูล เองก็ไม่ชอบเล่นเกมโดนโขกสับยอมจ่ายทุกอย่าง แม้พวกเขาจะมีเงินพอสมควรจากการขาย คูตินโญ่ ดังนั้น “เรื่องมากก็จบไป” ล้มดีล เลิกคุยกันไปง่าย ๆ แบบนั้นเลย 

ชีวิตหลังจากดีลนั้นล่ม อย่างที่ทุกคนรู้กันดีคือ ลิเวอร์พูล เปลี่ยนวิธีการเล่นของทีมใหม่ เพลย์เมกเกอร์ไม่จำเป็นสำหรับพวกเขาอีกแล้ว ระบบการเล่น 4-3-3 และส่วนผสมที่ลงตัวระหว่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ คือแนวรุกที่ทะลวงได้ทุกทีมบนโลกนี้ 

กลับกัน เฟกีร์ นั้นต้องยอมรับว่าเมื่อดีลนั้นจบลง เขากลับมาตรฐานตกลงไป จากที่เคยเป็นยอดนักเตะฝรั่งเศสดาวรุ่งที่ทุกคนจับตามอง และเคยเป็นขาประจำในทีมชาติชุดใหญ่ สุดท้ายเขาก็ไม่ได้แจ้งเกิดเหมือนกับที่ใครคาดหวัง เขาย้ายไปเป็นสมาชิกของ เรอัล เบติส ในปี 2020 ด้วยราคาเพียง 19 ล้านยูโรเท่านั้น … 2 ปีผ่านไป ราคาของเขาตกลงไปมากกว่าครึ่งหนึ่งกับที่ ลิเวอร์พูล เคยจะซื้อด้วยซ้ำ 

 

น่าเสียดายหากเขาได้ไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล และด้วยการฝึกสอนของ คล็อปป์ เฟกีร์ อาจจะเป็นนักเตะที่ดีกว่านี้ก็ได้ใครจะรู้ ไม่แน่ ลิเวอร์พูล อาจจะเก่งยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ ณ เวลานี้ … ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น 

ส่วนเหตุผลจริง ๆ นั้นยังคงเป็นปริศนา อย่างไรก็ตามเรื่องหัวเข่าของเขาไม่น่าจะเกี่ยวมากเท่าไรนัก เนื่องจากหลังดีลล้ม เฟกีร์ ก็ไม่เคยมีปัญหาบาดเจ็บที่หัวเข่าเลยแม้แต่ครั้งเดียว ตอนที่เล่นให้ เบติส เขาเจ็บแค่สองครั้ง โดยเป็นการเจ็บกล้ามเนื้อเท่านั้น โดยครั้งสุดท้ายที่เขาเจ็บเข่าต้องย้อนกลับไปถึงปี  2018 สมัยที่ยังเล่นให้กับ ลียง ที่ทำให้เขาต้องพักรักษาตัวไป 1 เดือน 

ดังนั้นหากจะสรุปให้ง่ายที่สุดคือ นี่เป็นเรื่องของ “ผลประโยชน์” ซึ่งเป็นปัญหาในการเจรจาทำข้อตกลงของทุกวงการทั่วโลก สำหรับดีลของ เฟกีร์ นั้น การแย่งชิงผลประโยชน์กันระหว่าง นักเตะ, เอเยนต์, พี่เขย หรือคนนอก ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่สุดแล้ว การเลือกจะกอบโกยตั้งแต่แรกอาจจะทำให้ได้เงินเยอะ แต่มันคงจะดีกว่าหากเขาไปเล่นที่ ลิเวอร์พูล และทำผลงานดี ๆ ให้ผลงานสุกงอม เมื่อนั้นผลประโยชน์จะยิ่งมากกว่าเดิม และอาจจะไม่ต้องมาแย่งกันแบบที่เกิดขึ้นนี้ 

ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายแตกกระจายคนละทาง เฟกีร์ จ้างเอเยนต์ใหม่ไปแล้ว และในตลาดหน้าหนาวนี้เขากำลังมีข่าวกับทีมเศรษฐีใหม่อย่าง นิวคาสเซิล … นี่จะเป็นอีกครั้งที่เขาจะต้องเจรจาเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ และเราหวังจริง ๆ ว่าเขาจะได้รับบทเรียนจาก 3 ปีก่อน และจะช่วยให้เขาคิดและลงมือทำสิ่งใดก็ตามด้วยสติที่มากขึ้น … เพื่อตัวของเขาเอง