sportpooltoday

โรนัลโด้ R9 : ความไร้เดียงสาของแข้งระดับโลก จนโดนหลอกให้ไปโฆษณาลูกอมถึงประเทศจีน


โรนัลโด้ R9 : ความไร้เดียงสาของแข้งระดับโลก จนโดนหลอกให้ไปโฆษณาลูกอมถึงประเทศจีน

ราวกลางปี 2003 ชาวจีนทั้งประเทศต้องตกตะลึงจนเป็นกระแสระดับชาติกับโฆษณาลูกอมตัวหนึ่งทางโทรทัศน์ ที่ปรากฏภาพชายร่างท้วมสวมเสื้อสีเหลืองกำลังโชว์สเตปฟุตบอลสั้น ๆ เพราะชายในโฆษณาชิ้นนั้นคือนักฟุตบอลที่ดังที่สุดในยุคนามว่า โรนัลโด้ นาซาริโอ

หากพูดถึงเขาแล้วกองหลังทั่วยุโรปโดยเฉพาะ ลา ลีกา และ เซเรีย อา ต่างก็เผชิญชะตากรรมแทบจะเหมือนหมดกัน นั่นก็คือการถูก โรนัลโด้ กองหน้าหุ่นตุ้ยนุ้ยชาวบราซิล เผาเครื่องหลอกจนหั่วปั่นหลอกแล้วหลอกอีกจนเสียเชิงกันมานักต่อนัก

แต่ใครจะไปเชื่อว่า โรนัลโด้ ที่หลอกกองหลังมาแทบทั้งชีวิตจะถูกเศรษฐีนีคนหนึ่งหลอกด้วยกลอุบายง่าย ๆ จนแทบจะช้ำใจ ชนิดที่แข้งเจ้าของบัลลงดอร์ 2 สมัย แค่นอนหลับตานึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นก็ทำเอานอนไม่หลับทั้งคืน

ถึงผลที่ตามมาอาจดูไม่ร้ายแรงนัก แต่สิ่งที่โรนัลโด้ถูกกระทำในคราวนั้นมันไม่ต่างกับการทำให้เขาเป็นตัวตลกในสายตาชาวจีนทั้งประเทศ แถมสิ่งที่เขาได้กลับคืนมาก็แทบจะสูญเปล่า 

มันเกิดอะไรขึ้นกับหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดที่โลกเคยมีมา แล้วใครกันที่เคยหลอกโรนัลโด้ซะจนหัวทิ่มบ่อ Main Stand ขอพาทุกคนไปพบกับเรื่องราวในอดีตที่กำลังจะจางหายไปจากโลกของฟุตบอล

คนดังมาเยือน

หากพูดถึงฟุตบอลในช่วงยุคมิลเลนเนียม คงไม่มีทีมไหนมาเทียบเคียงได้กับ เรอัล มาดริด ได้อีกแล้ว ด้วยขุมกำลังชุดที่ถูกกล่าวขานว่า “กาลาคติกอส” พ่วงด้วยแข้งระดับซูเปอร์สตาร์มากมายก็ทำให้แฟนบอลทั่วทั้งโลกอยากได้ยินได้ยลโฉมพวกเขาตัวเป็น ๆ สักครั้งหนึ่งในชีวิต

 

จนกระทั่งการเตรียมทีมพรีซีซั่นในปี 2003 มาถึง เรอัล มาดริด ในยุคของกุนซือ คาร์ลอส เคยรอซ ก็ออกตระเวนอุ่นเครื่องโดยปีนั้นพวกเขาเลือกมายังทวีปเอเชีย ประกอบไปด้วย จีน, ญี่ปุ่น ฮ่องกง และ ไทย เพื่อเป็นการสร้างฐานแฟนบอลให้ได้ทั่วโลก และโปรแกรมนัดแรกของพวกเขาก็คือการพบกับทีมรวมดาราลีกจีน ในวันที่ 2 สิงหาคม 2003

แน่นอนว่าเกมนัดดังกล่าวมีผู้ชมชาวจีนแห่กันเข้ามาดูในสนามเวิร์กเกอร์ สเตเดียม กรุงปักกิ่ง มากกว่า 5 หมื่นคน เพื่อมาสัมผัสนักเตะชื่อดังด้วยตาทั้ง โรนัลโด้, ซีดาน, ราอูล และ เบ็คแฮม เป็นต้น ซึ่งผลการแข่งขันก็เป็นไปตามคาดเมื่อ เรอัล มาดริด เป็นฝ่ายชนะไป 4-0

แต่ใครจะไปรู้ว่า 1 วันก่อนหน้าที่พวกเขาลงสนาม (1 สิงหาคม 2003) ขณะที่นักเตะมาดริดคนอื่น ๆ เดินทางไปเยี่ยมชมพระราชวังกู้กง โรนัลโด้ปลีกตัวไปตามคำเชิญเพื่อพบกับเถ้าแก่เนี้ยชาวจีนคนหนึ่งนามว่า เจียง เพ่ยเจิน ผู้ที่ติดต่อเขามาร่วมวงกินข้าวที่ภัตตาคารเป็นการส่วนตัว ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่านั่นเป็นการเดินเข้าไปสู่กับดักเต็ม ๆ 

สูตรต้นตำหรับ

เมื่อคุณเป็นหนึ่งในนักเตะชุด “กาลาคติกอส” ของ เรอัล มาดริด แล้วนั้น ไม่ว่าคุณจะหยิบจับอะไรก็ล้วนเป็นเงินเป็นทองมหาศาลไปเสียหมด โดยเฉพาะแข้งอย่างโรนัลโด้ที่บอกได้เลยว่าศูนย์หน้ารายนี้ต้องมีค่าตัวหลักล้านอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ทว่าคุณนาย เพ่ยเจิน เศรษฐีหญิงที่ชวนโรนัลโด้มากินข้าวด้วยนั้นกลับมีกลยุทธ์ที่เหนือชั้นกว่าในการเรียกตัวโรนัลโด้มาทำงานให้แบบไม่ยากเย็น

คำถามคือ เจียง เพ่ยเจิน เป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงเรียกตัว โรนัลโด้ มาพบปะเป็นการส่วนตัวได้ เราขอบอกก่อนเลยว่าผู้หญิงคนนี้แม้จะประกอบธุรกิจเป็นเจ้าของโรงงานลูกอมก็จริง แต่ประวัติของเธอนั้นยิ่งใหญ่กว่าที่คิด

สำหรับ เจียง เพ่ยเจิน เธอเกิดที่เมืองผิงหนาน มณฑลกว่างซี เมื่อปี 1946 โดยเธอเป็นลูกคนที่ 2 จากทั้งหมด 6 คน อย่างไรก็ตามหลังจากแม่เสียชีวิตตอนอายุ 13 ปี เธอก็ต้องออกหางานทำเพื่อแบ่งเบาภาระของพ่อ ซึ่งในปีเดียวกันนั้นเองเธอได้ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนเพื่อหางานทำอย่างจริงจัง โดยงานแรกของเธอคือเป็นพนักงานห่อลูกอมในโรงงานที่เมืองหลิ่วโจว มณฑลกว่างซี 

ด้วยความขยันและใฝ่รู้ของเธอประกอบกับเป็นคนที่เรียนรู้ได้รวดเร็วก็ทำให้เพ่ยเจินก้าวขึ้นมาเป็นรองผู้อำนวยการโรงงานตั้งแต่อายุ 18 ปี แต่ความพยายามของเธอยังไม่หมดเท่านี้ เพราะเพียงแค่อายุ 33 ปีเธอก็ขึ้นมาบริหารโรงงานนี้อย่างเต็มตัวด้วยตำแหน่งผู้อำนวยการโรงงาน และทันทีที่เธอขึ้นมาเป็นนายคน อย่างแรกเธอได้ปฏิวัติพนักงานโดยเน้นการแจกเงินโบนัสเพื่อสร้างแรงจูงใจในการทำงาน

 

ไฟของหัวหน้างานรุ่นใหม่รายนี้ยังคงเปี่ยมไปด้วยพลัง เพราะหลังจากนั้นเพ่ยเจินเดินทางไปยัง ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน และ ญี่ปุ่น เพื่อเรียนรู้อุตสาหกรรมการผลิตลูกอมชนิดต่าง ๆ ซึ่งการไปครั้งนี้ก็ไม่เสียเปล่า เพราะเธอได้ขยายโรงงานผลิตแยมและลูกอมช็อกโกแลตถั่วลิสง ที่สำคัญคือเธอสามารถผลิตลูกอมสอดไส้ได้เป็นเจ้าแรกในประเทศจีน ช่วงราว ๆ ปี 1990

แม้ว่าโรงงานของเธอจะก้าวขึ้นมาเป็นโรงงานผลิตลูกอมเป็นหัวแถวของประเทศ แต่เมื่อต้นทุนการผลิตสูงขึ้น บวกกับมีของเลียนแบบออกมาวางจำหน่าย ยอดขายจึงตกลงฮวบฮาบจนแทบจะปิดกิจการเพราะของปลอมระบาด ดังนั้นเพ่ยเจินจึงงัดไม้ตายออกมาจัดการซะ

แก้เกม

ปี 1993 เพ่ยเจินแก้เกมด้วยการพกเงินติดตัวไป 70,000 หยวน (ประมาณ 370,000 บาท) ไปที่เมืองเซี่ยงไฮ้ เพื่อตามหาสูตรลูกอมฉบับใหม่ที่ Next Level ยิ่งกว่าใครจะตามทัน

 

และแล้วโชคชะตาก็พาเธอมาพบกับ ศาสตราจารย์หวัง เหยาฟา จากมหาวิทยาลัยครูจีนตะวันออก (หัวตง) ซึ่งในขณะนั้น ศาสตราจารย์หวังกำลังพัฒนาสูตรลูกอมสำหรับรักษาโรคคอหอยอักเสบเรื้อรังอยู่พอดิบพอดี

หลังจากพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ศาสตราจารย์หวังประทับใจในคารมคมคายของเธอ บวกกับชื่นชมทัศนคติของเพ่ยเจิน ทำให้เขามอบสูตรนี้ให้กับเธอโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย รวมถึงยังสอนให้เรียนรู้สูตรผสมลูกอมของทั้งสองไว้ในเม็ดเดียวกัน และแล้วลูกอมดังกล่าวก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 1994 ในแบรนด์ “กว่างซี จินส่างจึ” พร้อมกับตั้งโรงงานของลูกอมสูตรนี้โดยเฉพาะ

เพื่อเป็นการตอบแทน เพ่ยเจินจึงได้พิมพ์รูปศาสตราจารย์หวังลงบนกล่องบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นการให้เครดิตทางอ้อม อย่างไรก็ตามเนื่องจากเธอเลือกพิมพ์รูปศาสตราจารย์หวังออกมาเป็นสีขาว-ดำ ทำให้ผู้บริโภคส่วนมากคิดว่าเป็นบุคคลที่เสียชีวิตไปแล้ว จนศาสตราจารย์หวังต้องออกมาเผยความจริงในเวลาต่อมา

เมื่อเริ่มวางขายในปี 1994 ปรากฏว่าลูกอม “กว่างซี จินส่างจึ” ขายดีเทน้ำเทท่าและทำกำไรได้ถึง 60 ล้านหยวน (ประมาณ 314 ล้านบาท) ในปีแรก จากนั้นในปี 1995 เพ่ยเจินก็ควักเงิน 5 ล้านหยวน (ประมาณ 26.5 ล้านบาท) เพื่อโฆษณาทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CCTV) ทำให้มันกลายเป็นสินค้ายอดนิยมไปชั่วพริบตา จนในปี 1996 ก็สามารถทำรายได้ทะลุหลัก 100 ล้านหยวนไปแบบขาดลอย

ยิ่งกว่าสับขาหลอก

เมื่อเธอกลายเป็นคนดังระดับประเทศ เพ่ยเจินจึงกระโดดเข้าสู่สังคมใหม่ ด้วยการเปิดอคาเดมีฟุตบอล “กว่างซี จินส่างจึ” ราว ๆ ปี 2000 เพื่อต้อนรับกระแสฟุตบอลโลก 2002 ที่กำลังจะมาถึง และเมื่อปี 2003 ที่ทัพนักเตะ เรอัล มาดริด มาเยือนถิ่นแดนมังกรแบบนี้ มีหรือที่คนรักฟุตบอลอย่างคุณนายเจียงจะอยู่เฉย ๆ 

เพ่ยเจินได้ว่าจ้างชายชาวสเปนคนหนึ่งให้ช่วยติดต่อกับสโมสรเรอัล มาดริด ว่า มีเศรษฐีชาวจีนผู้หนึ่งขอพบและรับประทานอาหารร่วมกันเป็นการส่วนตัวพร้อมกับมอบเงินให้โรนัลโด้แบบฟรี ๆ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าโรนัลโด้ยอมไปหาง่าย ๆ แบบแทบไม่คิด เพราะโอกาสที่จะได้ไปกินข้าวแถมได้เงินก้อนโตมันไม่ได้มีมาให้เจอบ่อยนัก

และแล้วในวันที่ 1 สิงหาคม 2003 แข้งเจ้าของฉายา “โล้นทองคำ” ก็ออกเดินทางไปยังสมาคมฉางอาน ใกล้กับโรงแรมปักกิ่ง เพื่อไปพบกับเพ่ยเจิน ขณะที่เพื่อนร่วมทีมบางส่วนได้ไปทัวร์พระราชวังกู้กง สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในกรุงปักกิ่ง โดยหารู้ไม่ว่านั่นเป็นการเดินเข้าสู่ขุมนรกของโรนัลโด้

เมื่อไปถึงคนของเพ่ยเจินก็รีบมาตั้งแถวต้อนรับอย่างสมเกียรติ ซึ่งบริเวณนั้นก็มีแฟนคลับของโรนัลโด้มาตามส่งเสียงกรี๊ดให้เจ้าตัวที่ด้านหน้าสมาคมฉางอานอีกต่างหาก และเมื่อทั้งสองพบหน้ากัน เพ่ยเจินก็ไม่รอช้ารีบไปดึงแขนโรนัลโด้มานั่งโต๊ะร่วมกันทันที แต่แทนที่จะรับประทานอาหารเพ่ยเจินกลับนำผลิตภัณฑ์ลูกอม “กว่างซี จินส่างจึ” มาตั้งโชว์จนเต็มโต๊ะ

จากนั้นโรนัลโด้ก็ถูกชวนให้แต่งตัวเป็นนักฟุตบอลพร้อมกับสวมเสื้อทีมอคาเดมี “กว่างซี จินส่างจึ” โดยที่บนเสื้อสกรีนคำว่า “ยาอมแก้เจ็บคอ จินส่างจึ” แต่โรนัลโด้ก็เริ่มไหวตัวทันว่าเขาถูกหลอกมาให้โฆษณาหรือเปล่า ทว่าเพ่ยเจินก็แก้ต่างไปว่าเสื้อตัวนี้เป็นของบริษัทและใช้สำหรับองค์กรเท่านั้น 

ยังไม่จบ เพ่ยเจินเอาลูกฟุตบอลของอาดิดาสมาให้โรนัลโด้โดยไม่รู้ว่าเขาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับไนกี้ ทำเอาเจ้าตัวถึงกับตกใจและปฏิเสธที่จะทำตามที่เธอบอก แต่ทุกอย่างกลับเข้าทางหมดเมื่อมีพนักงานคนหนึ่งของจินซ่างจึ พกลูกฟุตบอลเปล่ามา 1 ลูกเพื่อขอลายเซ็นกับโรนัลโด้ (เพ่ยเจินวางแผนล่วงหน้าไว้กับพนักงานทุกคนแล้ว) จากนั้นศูนย์หน้าชาวบราซิลก็ถือลูกบอลดังกล่าวยืนยิ้มถ่ายรูปสลับกับถือกล่องลูกอมไปด้วย

ต่อด้วยโรนัลโด้ต้องไปยืนหลังฉากกรีนสกรีนแล้วโชว์ทักษะฟุตบอลต่าง ๆ ทั้ง เดาะ คลึง เลี้ยง โหม่ง ส่ง ยิง วอลเลย์ แล้วก็ถือกล่องลูกอมจินส่างจึไปด้วย เมื่อถ่ายวิดีโอเสร็จเพ่ยเจินกับโรนัลโด้ก็มาแลกเปลี่ยนพูดคุยเรื่องฟุตบอลด้วยกัน ซึ่งตัวของโรนัลโด้ก็ประทับใจในวิสัยทัศน์ในการพัฒนาฟุตบอลด้วยระบบอคาเดมีของเพ่ยเจิน โดยเจ้าตัวถึงกับเรียกเธอว่าเป็นคุณแม่แห่งฟุตบอลซะด้วย

ก่อนจากกันโรนัลโด้ได้ร่วมถ่ายรูปกับเพ่ยเจินและตัวแทนเยาวชนในอคาเดมี กว่างซี จินส่างจึ พร้อมกับรับเงินจากบริษัท จินส่างจึ จำนวน 3 แสนเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 10 ล้านบาท) เป็นการอำลาส่งท้าย ทั้งนี้กระบวนการทั้งหมดใช้เวลารวมกันแค่ 45 นาทีเท่านั้น แล้วทุกคนก็แยกย้ายกลับกันไป

มันเจ็บช้ำ .. มันเจ็บใจ .. มันเจ็บใจ .. ไม่รู้ทำไม

ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ โรนัลโด้กลับไปทำหน้าที่นักเตะเรอัล มาดริด ตามเดิม ส่วนคุณนายเพ่ยเจินก็กลับไปทำงานผู้บริหารของกว่างซี จินส่างจึ อย่างไรก็ตามในเดือนกันยายน 2003 หรืออีก 1 เดือนหลังจากมาดริดมาทัวร์ประเทศจีน ภาพของแข้ง “โล้นทองคำ” ก็ออกสู่สายตาชาวจีนทั่วประเทศผ่านโฆษณาของลูกอมกว่างซี จินส่างจึ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CCTV)

เมื่อโฆษณาถูกฉายมันก็กลายเป็นกระแสไวรัลไปทั่วประเทศจีนในขณะนั้น วงการผู้ทำสื่อโฆษณาต่างตั้งคำถามว่าคนดังอย่างโรนัลโด้มาโฆษณาให้กับลูกอมที่ขายแค่ในเฉพาะถิ่นได้อย่างไร อีกทั้งมันยังถูกวิจารณ์จากผู้ชมว่าเป็นโฆษณาที่แย่และดูไม่กระตุ้นการขายเลย แถมยังมีบางส่วนที่คิดว่าที่เห็นนั้นเป็นคนหน้าเหมือนโรนัลโด้ซะมากกว่า เพราะตัวจริงไม่น่ามารับงานแบบนี้

อย่างไรก็ตามเมื่อมีนักข่าวยื่นไมค์ไปถามเพ่ยเจินว่าในโฆษณาเป็นโรนัลโด้ตัวจริงหรือไม่ ซึ่งเธอก็ยืนยันว่านั่นเป็นหัวหอกทีมชาติบราซิลตัวจริงเสียงจริง แต่ไม่ได้บอกว่าเธอนำโรนัลโด้มาถ่ายโฆษณาได้อย่างไร แต่ท้ายที่สุดโฆษณาดังกล่าวกลับถูกโหวตในภายหลังให้เป็นโฆษณายอดแย่อันดับ 3 ของปี 2003 ประจำประเทศจีนไปครอง

ไม่ใช่แค่โฆษณาทางทีวีเท่านั้น จินส่างจึยังนำภาพนิ่งของโรนัลโด้ที่ถ่ายไว้ในวันนั้นไปประกอบเป็นสื่อโฆษณาต่าง ๆ ทั้งโปสเตอร์และเว็บไซต์ อย่างไรก็ดีกว่าที่แข้งบัลลงดอร์ 2 สมัยจะรู้ตัวก็ปาเข้าไปปี 2005 เมื่อมีแบรนด์สินค้าจากจีนติดต่อให้เขามาเป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งเขาก็ถูกถามว่าทำไมถึงยอมไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับ กว่างซี จินส่างจึ ซึ่งทำเอาโรนัลโด้สงสัยอยู่ตั้งนานก่อนจะถูกอธิบายว่าความจริงแล้วรูปถ่ายกับคลิปวิดีโอเมื่อปี 2003 มีเจตนาที่จะนำไปใช้ในโฆษณาตั้งแต่แรก ไม่ได้ใช้แค่ภายในอย่างที่อ้าง ทำเอาเจ้าตัวหัวร้อนและต้องการจะฟ้องร้องบริษัทจินส่างจึ 

กระนั้นผู้จัดการส่วนตัวของโรนัลโด้ก็แนะนำให้เขาไม่ฟ้อง เพราะตามปกติผลการตัดสินคดีความของศาลจีนนั้นชาวต่างชาติมีโอกาสแพ้ค่อนข้างสูง และเมื่อชนะก็จะได้ค่าตอบแทนน้อยนิด อีกทั้งยังเป็นการทำให้บริษัทคู่แข่งมีชื่อเสียงมากขึ้น แต่แล้วจุดแตกหักก็มาถึง เพราะในปี 2007 โรนัลโด้ได้รับการติดต่อให้ไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์สินค้าจากประเทศจีนอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ในสัญญาระบุว่าโรนัลโด้ต้องตัดขาดความสัมพันธ์กับ กว่างซี จินส่างจึ เสียก่อน ดังนั้นโรนัลโด้จึงตัดสินใจฟ้องแบบไม่ลังเล

ทางฝ่าย โรนัลโด้ เริ่มรวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิด กว่างซี จินส่างจึ โดยยกเอาค่าตัวที่แท้จริงของเขามาเป็นตัวตั้ง ก่อนพบว่าค่าตัวจากการเป็นพรีเซนเตอร์ของเขาโดยเฉลี่ยตกปีละ 3 ล้านยูโร (ประมาณ 110 ล้านบาท) แต่ทว่า กว่างซี จินส่างจึ นำภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวของเขาไปออกอากาศนาน 4 ปีทำให้เขาไม่ได้รับเงินค่าจ้างจากการโฆษณาให้บริษัทมากกว่า 12 ล้านยูโร (ประมาณ 440 ล้านบาท) 

เมื่อกลายเป็นเรื่องใหญ่โตกองทัพสื่อจีนก็บุกไปยังบริษัทกว่างซี จินส่างจึ แต่เพ่ยเจินก็ไหวตัวทันชิงหนีไปก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังอ้างว่าพวกเขากับโรนัลโด้ยังมีสัญญาร่วมกันอยู่แต่เอาออกมาเผยไม่ได้ และแทนที่จะเข็ดหลาบในปีเดียวกันนั้น (2007) จินส่างจึทำการแก้เกมอีกครั้งด้วยการไปจ้าง ริคาร์โด กาก้า เพื่อนร่วมชาติของโรนัลโด้มาเป็นพรีเซนเตอร์อย่างเป็นทางการ

โรนัลโด้ ไม่รอช้ารีบคุยกับ กาก้า (ปี 2007 ทั้งสองเล่นอยู่ที่ เอซี มิลาน ด้วยกัน) เตือนว่าอย่าหลงกลคำเชิญของเพ่ยเจิน อย่างไรก็ตามการร่วมมือกันของ กาก้า กับ กว่างซี จินส่างจึ นั้นมีการเซ็นสัญญาลงลายลักษณ์อักษรถูกต้องตามกฎหมาย จากนั้น กาก้า ได้บินไปประเทศจีนเพื่อถ่ายโฆษณาตัวใหม่ของลูกอมกว่างซี จินส่างจึ พร้อมกับรับเงินค่าจ้างตามสัญญาที่ว่าไว้ถึง 14.3 ล้านหยวน (ประมาณ 76 ล้านบาท) แน่นอนว่าถ้าโรนัลโด้รู้เรื่องรายได้ของกาก้าคงแทบล้มทั้งยืน

โดนเธอหลอกมันปวดใจ .. บันทึกลงไปในเซลล์ประสาท

หลังจากได้ กาก้า มาเป็นพรีเซนเตอร์ กิจการก็ดีวันดีคืนจนต้องขยายกิจการไปยังฮ่องกง ส่วนทางกับโรนัลโด้ที่สื่อจีนรายงานว่าพวกเขาได้ตกลงกันอย่างลับ ๆ นอกศาลโดยทางบริษัทกว่างซี จินส่างจึ ยอมจ่ายเงินตามที่เจ้าตัวเรียกร้องเพื่อแลกกับการไม่ถูกฟ้อง ก่อนที่เรื่องราวจะปิดฉากลงอย่างเงียบ ๆ 

อย่างไรก็ตามในปี 2015 ลูกอมแก้เจ็บคอ กว่างซี จินส่างจึ เติบโตขึ้นอย่างสูงทั้งในจีน ฮ่องกง และ มาเก๊า จนทำยอดขายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ขององค์กรด้วยยอดขาย 129 ล้านกล่อง ทำรายได้รวมสูงถึง 707 ล้านหยวน (ประมาณ 3.6 พันล้านบาท) และเมื่อก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้ว บริษัทจึงได้นำรูปศาสตราจารย์หวังที่อยู่บนกล่องมาตั้งแต่ปี 1994 ออกไปแล้วแทนที่ด้วยรูปหน้าของเพ่ยเจิน ในปี 2015

แต่ท้ายที่สุดแล้วช่วงเวลาแห่งความสุขก็อยู่ได้ไม่นาน นับตั้งแต่ปี 2016 หุ้นของกว่างซี จินส่างจึ ตกลงอย่างต่อเนื่องในทุกปี แถมในปี 2017 เพ่ยเจินยังถูกบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่งในจีนฟ้องฐานไม่ยอมจ่ายค่าจ้างตามสัญญาถึง 50 ล้านหยวน (ประมาณ 260 ล้านบาท) ก่อนถูกศาลเซี่ยงไฮ้ขึ้นบัญชีเป็นลูกหนี้ที่ไร้ความซื่อสัตย์ พร้อมบทลงโทษห้ามเดินทางออกนอกประเทศจีนอย่างไม่มีกำหนด

เท่านั้นยังไม่พอ กว่างซี จินส่างจึ เผชิญกับวิกฤตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นหุ้น กำไร และยอดขายที่ตกลงทุกปีจนกราฟดิ่งมาตั้งแต่ปี 2016 จนถึงปัจจุบัน อย่างเช่นกำไรที่เคยทำได้ 29.2% ในปี 2015 ก็ลดลงจนเหลือ 13% ในปี 2020 รวมถึงยอดขายตลอดปี 2020 ที่ผ่านมาก็ทำได้แค่ 91 ล้านกล่องเท่านั้น

แต่สำหรับ เพ่ยเจิน การแก้เกมถือเป็นอีกสิ่งที่เธอทำได้อย่างชำนาญ โดยในปี 2020 ทางโรงงานได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มใหม่ที่ยังคงสูตรแก้เจ็บคอตามเดิมพร้อมสโลแกน “เคลียร์คอให้โลกฟัง” อีกทั้งยังก้าวเข้าไปเป็นสปอนเซอร์ให้กับรายการวาไรตี้ต่าง ๆ ทั่วประเทศจีนอีกด้วย

แล้วตอนจบก็เดินทางมาถึง เมื่อลูกอมที่เป็นสินค้าชูโรงขึ้นราคาจาก 5 หยวน/กล่อง (26 บาท) ซึ่งเป็นราคาที่ขายมาเนิ่นนานเป็น 6.4 หยวน/กล่อง (33 บาท) ในปี 2020 โดยยังขายกล่องละ 2 แผง แผงละ 6 เม็ดตามเดิม ทำเอายอดขายตกลงเป็นประวัติการณ์ของบริษัทที่ 91 ล้านกล่อง 
 
ปัจจุบัน ลูกอม กว่างซี จินส่างจึ ถอนการผลิตและการจำหน่ายในฮ่องกงและมาเก๊าไปแล้ว เนื่องจากบริษัทขาดทุนอย่างมหาศาล อย่างไรก็ตามในจีนแผ่นดินใหญ่มันยังคงวางขายตามปกติ แต่ไม่มีรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทกว่างซี จินส่างจึ อีกเลยนับตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา

ย้อนกลับไปที่ โรนัลโด้ แม้ว่าเขาจะถูก คุณนายเพ่นเจิน หลอกจนหัวทิ่มแถมได้ค่าตัวจากการหลอกโฆษณาแค่ไม่กี่บาท แต่ถ้าเขาได้รับรู้เรื่องราวของลูกอมกว่างซี จินส่างจึ ในทุกวันนี้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะกำลังยิ้มมุมปากอยู่ก็เป็นได้