sportpooltoday

เอาคืนครึ่งหลัง! บาเยิร์น รัวถล่ม กรอยเธอร์ เฟือร์ธ 4-1 ยึดจ่าฝูงแน่น


เอาคืนครึ่งหลัง! บาเยิร์น รัวถล่ม กรอยเธอร์ เฟือร์ธ 4-1 ยึดจ่าฝูงแน่น

การแข่งขัน ฟุตบอล บุนเดสลีกา เยอรมนี คู่ระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค เปิดบ้านพบกับ กรอยเธอร์ เฟือร์ธ ที่สนาม อัลลิอันซ์ อารีน่า เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565

เปิดเกมมาเพียง 4 นาที เจ้าถิ่นเกือบได้ประตูออกนำ ลีรอย ซาเน่ จ่ายให้ โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ ได้ยิงนอกกรอบเขตโทษ แต่บอลเตรงตัว อันเดรียส ลินเด้ รับเอาไว้ได้ไม่ยาก

รูปเกมเป็นเจ้าบ้านที่ครองเกมบุกกดดันต่อเนื่อง แต่แล้วในนาทีที่ 42 ทีมเยือนมาได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษ บรานิเมียร์ เฮอร์โกต้า ปั่นด้วยซ้ายบอลแฉลบกำแพงเปลี่ยนทางเข้าประตูไป กรอยเธอร์ เฟือร์ธ นำ 1-0 พร้อมหมดครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้

กลับมาเล่นต่อครึ่งหลังนาทีที่ 46 “เสือใต้” เปิดเกมลุยทันที แซร์จ นาร์บี้ สปีดไปรับบอลสุดเส้นหลังก่อนเปิดเข้าเขตโทษบอลเลยไปถึง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ยิงเข้าไปไม่เหลือ บาเยิร์น ไล่ตามตีเสมอ 1-1

นาทีที่ 61 เจ้าถิ่นยังเปิดเกมบุกต่อเนื่อง โธมัส มุลเลอร์ ได้บอลหลุดเข้าเขตโทษฝั่งขวาก่อนเปิดยัดไปหน้าประตูบอลโดน เซบาสเตียน กรีสเบ็ค เปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเอง บาเยิร์น แซงนำ 2-1

นาทีที่ 82 เจ้าบ้านมาได้ลูกเตะมุม โยชัว คิมมิช เปิดยาวไปเสาสองให้ นิคลาส ซือเล่ โขกตั้งกลับมาให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ โหม่งเสียบตาข่ายเข้าไป บาเยิร์น ทิ้งห่าง 3-1

ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+1 แซร์จ นาร์บี้ สปีดไปรับบอลในเขตโทษก่อนเปิดไปหน้าประตูให้ เอริก มักซิม ชูโป-โมติง แปตุงตาข่าย บาเยิร์น นำห่าง 4-1

จบเกม บาเยิร์น มิวนิค เปิดบ้านรัวถล่ม กรอยเธอร์ เฟือร์ธ ไป 4-1 เก็บสามแต้มได้สำเร็จ นำเป็นจ่าฝูงต่อไปด้วยการมี 55 คะแนน

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
บาเยิร์น มิวนิค (4-1-4-1) : สเวน อุลไรช์ – เบนฌาแม็ง ปาวาร์, ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่, ลูกัส แอร์กน็องเดซ (นิคลาส ซือเล่ น.53),โอมาร์ ริชาร์ดส (เอริก มักซิม ชูโป-โมติง น.46) –  โยชัว คิมมิช – มาร์เซล ซาบิตเซอร์ (มาร์ค โรก้า น.87),โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ (แซร์จ นาร์บี้ น.23), โธมัส มุลเลอร์, ลีรอย ซาเน่  (พอล วานเนอร์ น.87)- โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
กรอยเธอร์ เฟือร์ธ (4-1-2-1-2) : อันเดรียส ลินเด้ – มาร์โค ไมเออร์เฮอเฟอร์, เซบาสเตียน กรีสเบ็ค, นิก เฟียร์เกแฟร์, ลูค่า อิทเทอร์-  มักซ์ คริสเตียนเซ่น – พอล เซกูอิน (ยูเลียน กรีน น.70), ทิโมธี ทิลแมน – เยเรมี่ ดุ๊ดเซี้ยค (ฮาวาร์ด นีลเซ่น น.23), บรานิเมียร์ เฮอร์โกต้า (อฟิมิโก้ ปูลูลู น.69), ยามี เลเวลิ่ง (มักซิมิเลียน เบาเออร์ น.65)