sportpooltoday

เสื้อฟุตบอลทหารผ่านศึก : แรร์ไอเทมเพื่อการกุศลที่นักสะสมทั่วทุกมุมโลกพร้อมทุ่มเงินล่า


เสื้อฟุตบอลทหารผ่านศึก : แรร์ไอเทมเพื่อการกุศลที่นักสะสมทั่วทุกมุมโลกพร้อมทุ่มเงินล่า

ในวันที่ 11 พฤศจิกายน ของทุก ๆ ปี ที่ประเทศอังกฤษ จะเป็นวันที่มีการจัด “งานรำลึกทหารผ่านศึก” (Remembrance Day) เพื่อเชิดชูผู้วายชนม์ที่เสียชีวิตไปในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งนอกเหนือจากประเทศอังกฤษแล้ว ประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ในเครือจักรภพแห่งประชาชาติของอังกฤษอย่าง อินเดีย แคนาดา ออสเตรเลีย ต่างก็ร่วมรำลึกเช่นเดียวกัน

วันรำลึกทหารผ่านศึก มักจะรู้จักกันอีกชื่อคือ “วันดอกป๊อปปี้” (Poppy Day) และเพื่อเป็นการรำลึก จะมีการติดเข็มกลัดดอกป๊อปปี้เพื่อสดุดีแก่ทหารที่เสียชีวิตไปในสงคราม แต่รู้หรือไม่ว่าในวงการกีฬาอย่างฟุตบอล ก็มีการสดุดีทหารเหล่านี้เช่นเดียวกัน แต่เปลี่ยนจากการติดเข็มกลัด เป็นการสกรีนลายดอกไม้บนเสื้อแทน ซึ่งเสื้อดังกล่าวยังกลายมาเป็นแรร์ไอเท็มที่นักสะสมต่างก็ต้องการที่จะคว้ามาครอบครองไว้ด้วย 

ทำไมเสื้อเหล่านี้ถึงมีค่าและได้กลายเป็นไอเท็มฮอตฮิตสำหรับการสะสมไปเสียได้ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วหากมองเพียงผิวเผินก็อาจจะดูเหมือนเสื้อบอลสกรีนลายพิเศษเท่านั้น

Main Stand ขออาสาเล่าให้ฟัง

THE BRITS REMEMBER

สัญลักษณ์ของดอกป๊อปปี้นั้น ไม่ได้ได้มาเพราะความบังเอิญหรือว่าการเลือกสุ่ม ความจริงแล้วก่อนที่ดอกไม้นี้จะกลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ มันต้องผ่านความโหดร้ายของสงครามมาก่อนเช่นเดียวกัน 

ดอกป๊อปปี้ เป็นไม้ล้มลุกชนิดหนึ่ง ที่มักจะเติบโตขึ้นโดยมีหลายสี อาทิ เหลือง ชมพู แต่สีที่เรามักจะคุ้นเคยกันดี มักจะเป็นสีแดงสดและสิ่งที่หลายคนอาจไม่ทราบ จริง ๆ แล้วดอกป๊อปปี้นี้เองเป็นดอกของต้นฝิ่น ยาเสพติดออกฤทธิ์กดประสาท ตลอดจนสารตั้งต้นสู่ มอร์ฟีน ยาระงับอาการปวดที่ใช้ในทางการแพทย์ และ เฮโรอีน อีกหนึ่งยาเสพติดฤทธิ์แรงอีกด้วย 

 

หากมองข้ามเรื่องของดอกไม้ที่เป็นดอกของต้นไม้สารเสพติดไป ด้านกลับของดอกป๊อปปี้นั้นถือเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นระหว่างที่โลกกำลังตกอยู่ในภาวะสงครามโลกครั้งที่ 1 ในช่วงปี 1914-1918 โดยพื้นที่ทางการรบส่วนมากจะอยู่ในแถบตะวันตกของทวีปยุโรป พื้นที่ในภูมิภาคแถบนั้นที่ตกเป็นสมรภูมิต่างก็เหลือแต่ซากตึกที่ถล่มทลาย สภาพแวดล้อมโดยรวมเละไม่เหลือชิ้นดี ชนิดที่ยากจะจินตนาการได้ว่าพื้นที่เหล่านั้นจะกลับมาคืนสภาพได้อย่างไร 

อย่างไรก็ตามท่ามกลางทุ่งอันรกร้างเหล่านั้น กลับมีพืชล้มลุกคือดอกป๊อปปี้งอกออกมาจากพื้นดิน กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับนายทหารแคนาดาคนหนึ่ง คือผู้พัน จอห์น แม็คเคร ที่ได้พบเห็นดอกไม้เหล่านี้จนเกิดความประทับใจนำไปแต่งเป็นบทกวีที่ชื่อว่า “ในทุ่งแฟลนเดอร์ส” (In Flander Fields) อุทิศให้แก่เพื่อนของเขาที่เสียชีวิตในสงคราม ในวันที่ 3 พฤษภาคม 1915 ซึ่งบางตอนของบทกวีดังกล่าว มีใจความสำคัญอยู่ที่การรำลึกถึงผู้เสียชีวิต อาทิ 

 

“We are the dead. Short days ago”
“เราเสียชีวิตไป เมื่อไม่กี่วันก่อน”

“We lived, felt dawn, saw sunset glow”
“เรามีชีวิตอยู่ก่อน ยามพลบค่ำ เห็นดวงอาทิตย์ลาลับ” 

Loved and were loved, and now we lie
ทั้งผู้เป็นที่รักและเป็นที่ชัง ต่างก็นอนอยู่ด้วยกัน

 

In Flanders’ fields. 
“ในทุ่งแฟลนเดอร์ส”

หลังจากที่บทกวีนี้ถูกเผยแพร่ออกไป มันจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ศาสตราจารย์ มอยน่า ไมเคิล นักช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากสหรัฐอเมริกา ได้สถาปนาให้ดอกป๊อปปี้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการรำลึก ในปี 1918 ในขณะที่ประจำการให้ความช่วยเหลือแก่ทหารสหรัฐฯ หลังจากที่ประเทศสหรัฐอเมริกาตัดสินใจเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1917 อีกทั้งยังแต่งบทกวีออกมาชื่อ “เราจักศรัทธา” (We Shall Keep Faith) เสมือนเป็นตอนต่อของ “ในทุ่งแฟลนเดอร์ส” และเธอก็ปฏิญาณว่าจะสวมดอกป๊อปปี้ไว้กับตัวเพื่อรำลึกถึงนายทหารทุกคนที่เสียชีวิตในสงคราม 

หลังจากนั้นดอกป๊อปปี้ก็ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพและก็ยังมีการรำลึกถึงผู้วายชนม์มาจนถึงทุกวันนี้ แม้กระทั่งในวงการกีฬาเองก็มีการแสดงออกอย่างจริงจัง

THE SYMBOL OF PEACE? 

ปัจจุบันในประเทศอังกฤษ ได้มีการจัดตั้งองค์กรการกุศลที่มีชื่อว่า “The Royal British Legion” หรือ “RBL” ขึ้น ซึ่งเป็นองค์กรที่จะให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน สังคม แก่ทหารผ่านศึก ตลอดจนครอบครัวของเหล่าทหารผ่านศึก ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1921 สิ่งที่น่าสนใจคือองค์กรดังกล่าวนี้ได้เป็นพาร์ตเนอร์กับลีกฟุตบอลอังกฤษมาตั้งแต่ปี 2012 และได้มีเสื้อฟุตบอลออกมาเป็นคอลเล็กชันพิเศษสำหรับนักสะสมออกมาด้วย ซึ่งปกติจะออกมาในช่วงเดือนพฤศจิกายน อันเป็นเดือนแห่งการรำลึกนี้ของทุก ๆ ปี

 

ความพิเศษของเสื้อทหารผ่านศึกที่ร่วมทำกับ RBL คือ การปักลายดอกป๊อปปี้ไว้กับเสื้อ ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกตาและมักจะไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ การที่นักฟุตบอลพากันใส่เสื้อเหล่านี้ จึงเป็นเหมือนการแสดงความเคารพต่อทหารที่เสียชีวิตจากสงครามเนื่องในโอกาสวันระลึกในทุก ๆ ปี 

อย่างไรก็ดีสำหรับนักฟุตบอลบางคนนั้น เลือกปฏิเสธที่จะใส่เสื้อที่มีการปักดอกป๊อปปี้เหล่านี้เช่นกัน เพราะเรื่องดังกล่าวนั้นเกี่ยวข้องกับประเด็นทางเชื้อชาติอันละเอียดอ่อนที่เกียวข้องกับศักดิ์ศรีของชาติ หรือบางครั้งก็เป็นความหลังที่ฝังใจ

 

ตัวอย่างเช่น เนมานย่า มาติช กองกลางชาวเซอร์เบีย ที่เคยเล่นให้ เชลซี และปัจจุบันเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้ผ่านประสบการณ์เลวร้ายในวัยเด็ก กับการที่องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) โจมตีเซอร์เบีย (อันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศยูโกสลาเวียในอดีต) เพื่อยุติสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโคโซโว โดยเจ้าตัวเผยถึงเรื่องดังกล่าวในอินสตาแกรมว่า

“ผมรู้ดีถึงสาเหตุที่ทุกคนติดดอกป๊อปปี้ ผมเคารพสิทธิของคนที่ติดมัน และผมเข้าใจถึงหัวอกของคนที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปเพราะความขัดแย้ง อย่างไรก็ตามสำหรับผม มันเป็นแค่เครื่องเตือนใจให้นึกถึงการโจมตีในวัยเด็ก เด็กวัยสิบสองปีที่หวาดกลัวที่อาศัยอยู่ในเมืองวเรโล่ และเหตุการณ์ทิ้งระเบิดในเซอร์เบียเมื่อปี 1999 นั้น สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อประเทศของผม”

 

“แม้ก่อนหน้านี้ผมจะเคยติดมัน แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องสำหรับตัวผมเองที่จะติดดอกป๊อปปี้ลงบนเสื้อ ผมไม่อยากให้ผู้คนมาคิดว่า ผมตีความดอกป๊อปปี้เป็นอื่น หรือหวังจะโจมตีใคร ๆ ดังนั้นหวังว่าทุกคนจะเข้าใจ”

เช่นเดียวกับ เจมส์ แม็คคลีน ตัวรุกชาวไอร์แลนด์ ผู้ปฏิเสธการใส่เสื้อลายดอกป๊อปปี้ตลอดมา ทั้งในอดีตที่เล่นในพรีเมียร์ลีกกับ ซันเดอร์แลนด์, เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน หรือในลีกแชมเปี้ยนชิพกับ สโต๊ก ซิตี้ และ วีแกน แอธเลติก ในปัจจุบัน

สาเหตุนั้นเป็นเพราะเขาไม่ได้รู้สึกภูมิใจในสัญลักษณ์แห่งสันติภาพของอังกฤษนี้เหมือนกับนักกีฬาคนอื่น เพราะประเทศที่ชูเรื่องสันติภาพเช่นนี้ไม่ได้ดูจริงใจในสายตาของเขา สืบเนื่องจากเหตุการณ์อาทิตย์ทมิฬ ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 1972 

“เหตุการณ์อาทิตย์ทมิฬ” (Bloody Sunday) เป็นเหตุการณ์นองเลือดที่เกิดขึ้นในประเทศไอร์แลนด์เหนือ กับการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาเดินประท้วงนโยบายการจับกุมอย่างไม่เป็นธรรม เนื่องจากมีนัยยะแอบแฝงคือความต้องการของอังกฤษในการกวาดล้างขบวนการ “IRA” หรือ “Irish Republic Army” ขบวนการชาวคริสต์คาทอลิคที่เรียกร้องเอกราชจากสหราชอาณาจักร

 

เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นเหตุการณ์การสลายการชุมนุมที่เกินกว่าเหตุ ส่งผลให้มีผู้ถูกยิงรวม 26 คน 14 คนในจำนวนดังกล่าวเสียชีวิต ที่เหลือได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทุกคนที่ถูกยิงเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ปราศจากอาวุธ เป็นโศกนาฏกรรมที่โลกและชาวไอร์แลนด์เหนือจดจำมาจนถึงทุกวันนี้ รวมไปถึง แม็คคลีน ผู้เกิดที่ไอร์แลนด์เหนือ ก่อนเลือกรับใช้ทีมชาติไอร์แลนด์ด้วย 

แม็คคลีน ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าวว่า 

“ผมรู้ว่ามีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของผมหรือบางคนแม้แต่พยายามจะทำความเข้าใจว่าทำไมผมไม่ใส่เสื้อที่มีลายดอกป๊อปปี้ ซึ่งผมก็ยอมรับได้ในเรื่องนี้ถ้าเขาจะตั้งคำถาม แต่ผมก็อยากขอให้พวกเขาเคารพการตัดสินใจของผม เหมือนกับที่ผมเคารพการตัดสินใจของพวกเขาเช่นกัน” 

อย่างไรก็ตามทางสโมสรต้นสังกัด อย่าง สโต๊ก ซิตี้ ที่เจ้าตัวค้าแข้งระหว่างปี 2018-2021 ก็ได้ออกมาให้การสนับสนุนแก่แม็คคลีนเช่นเดียวกัน เพราะพวกเขาก็เข้าใจได้ว่านี่เป็นประเด็นทางเชื้อชาติอันละเอียดอ่อน พวกเขาได้ออกแถลงการณ์ออกมาเพื่อสร้างความเข้าใจกับแฟนบอล ในขณะเดียวกันพวกเขาก็เลือกที่จะเคารพการตัดสินใจของแม็คคลีนอีกด้วย 

“ทางสโมสรมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่จะให้การสนับสนุนแก่กองทัพอังกฤษ อย่างไรก็ตามเราทราบดีว่าเครื่องหมายดอกป๊อปปี้นั้นมีความหมายที่แตกต่างกันในระดับปัจเจกและกลุ่มคน เราไม่คิดว่าควรมีการบังคับในการสวมเครื่องหมายนี้ อันจะขัดต่อประสงค์ของผู้ใส่แต่อย่างใด”  

 

“เจมส์ได้เลือกที่จะปฏิเสธสวมเครื่องแบบดอกป๊อปปี้ในวันรำลึกทหารผ่านศึก เราเคารพการตัดสินใจของเขาและการเลือกปฏิบัติตามความเชื่อของเขา” 

แน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวนั้นก็มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่คำถามที่สำคัญกว่าคือ เรื่องดังกล่าวสมควรเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ ? ในเมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชาติของแม็คคลีนเอง มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเกินกว่าที่คนนอกจะสามารถเข้าใจได้ 

ในส่วนที่เหลือคือการตระหนักถึงเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นและเคารพการตัดสินใจของแต่ละบุคคลเท่านั้น แต่เราก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า เสื้อเหล่านี้ไม่มีมูลค่า เพราะในการเปิดประมูลแต่ละครั้ง เสื้อแต่ละตัวมีมูลค่าเหยียบแสนจนไปถึงเหยียบล้านทั้งสิ้น

THE INCREASING VALUE 

โดยทั่วไปแล้ว การที่มีเสื้อฟุตบอลคอลเล็กชันทหารผ่านศึกออกมา จะมีการนำไปประมูลเพื่อนำเงินเข้าสู่องค์กร เป็นการระดมทุนนำเงินไปช่วยเหลือต่อตามเป้าประสงค์ขององค์กร โดยรายได้ 82% จะบริจาคให้กับ RBL ส่วนอีก 18% จะถูกนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดประมูลตลอดจนการส่งเสื้อถึงมือผู้ชนะ ซึ่งมูลค่าการประมูลสูงสุดที่เคยมีมานั้นสูงถึง 2.3 ล้านปอนด์ (ราว 104 ล้านบาท) เลยทีเดียว

ปกตินักกีฬาฟุตบอลส่วนมากจะใส่เสื้อเหล่านี้ลงแข่งในช่วงที่มีการรำลึกในสัปดาห์ของวันทหารผ่านศึก เมื่อใส่แข่งเสร็จ นักฟุตบอลจะทำการเซ็นเสื้อดังกล่าวและเอาไปประมูลต่อ สำหรับแฟน ๆ ที่สนใจก็มักจะเข้าไปล่าเสื้อเหล่านี้กัน

มูลค่าของเสื้อที่เพิ่มขึ้นมานั้นอาจจะเกี่ยวเนื่องกันกับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นลายดอกป๊อปปี้ที่ทำขึ้นมาในโอกาสนี้โดยเฉพาะ หรือจะเป็นตัวลายเซ็นของนักกีฬาเอง อีกทั้งยังเป็นเสื้อที่พวกเขาใส่ลงแข่งจริงในสนาม ที่สำคัญเสื้อแข่งติดดอกป๊อปปี้นี้จะไม่มีการจำหน่ายสำหรับแฟนบอลทั่วไป แถมยังการันตีว่าได้ของแท้แน่นอน เมื่อจับองค์ประกอบเหล่านี้มารวมกัน มันจึงกลายเป็นมูลค่าของเสื้อฟุตบอลที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ 

 

สิ่งที่ทำให้การแข่งขันการแย่งชิงเสื้อเริ่มดุเดือดขึ้น คือการประมูลเสื้อทหารผ่านศึกในแต่ละครั้งไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่เฉพาะคนอังกฤษเท่านั้น แต่คนจากทั่วโลกยังสามารถเข้าไปประมูลได้เช่นกัน เราจึงได้เห็นสงครามการประมูลจากคนสะสมเสื้อบอลจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งอังกฤษ, สหรัฐอเมริกา, จีน หรือแม้แต่ชาวไทย ตลาดประมูลเสื้อทหารผ่านศึกแห่งนี้จึงดูกว้างขวางขึ้นมาและเข้าถึงง่ายกว่าที่คิด หากเรื่องเงินไม่เป็นปัญหาสำหรับคุณ ก็อาจจะลองเข้าไปวางบิดประมูลดูได้เช่นกัน

ถึงกระนั้น แม้เงินไม่มีปัญหา แต่ก็ต้องเตรียมไว้เยอะ ๆ หน่อย เพราะยิ่งเป็นนักเตะชื่อดัง ตัวเลขการประมูลก็ยิ่งดุเดือด ยกตัวอย่างชัด ๆ ในปี 2021 นี้เลย เพราะหลังเปิดประมูลไม่ถึง 1 สัปดาห์ เสื้อ ลิเวอร์พูล ของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงแห่งอียิปต์ ราคาพุ่งไปถึง 2,551 ปอนด์ หรือราว 116,000 บาท แต่ที่สุด ๆ คงหนีไม่พ้น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เสื้อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หมายเลข 7 ของเขา ราคาทะยานถึง 35,850 ปอนด์ หรือ 1.6 ล้านบาทเข้าไปแล้ว ที่สำคัญยังเหลือเวลาอีกเกือบ 1 เดือนในการเพิ่มตัวเลขอีกด้วย

เสื้อฟุตบอลทหารผ่านศึก หากมองเผิน ๆ ก็อาจจะเป็นเสื้อคอลเล็กชันพิเศษที่ทำออกมาในช่วงเวลาหนึ่งของการแข่งขันเท่านั้น ถึงอย่างไรมันก็เป็นสิ่งของที่มีคุณค่าสำหรับบางคน ไม่ว่าคุณค่านั้นจะมาจากความตระหนักในการรำลึกของสโมสรที่ตนรัก จากลายเซ็น หรือจากเรื่องราวผ่านตัวบุคคลอย่างการใส่แข่งมามันก็มีคุณค่าทั้งสิ้น 

และก็เช่นเดียวกันกับโมสร สโต๊ก ซิตี้ และ เจมส์ แม็คคลีน ไม่ว่าเราจะมองเห็นคุณค่าของดอกป๊อปปี้หรือไม่ สิ่งที่เราทำได้และพึงกระทำ คือการให้ความเคารพซึ่งกันและกัน เพราะอย่าลืมว่าเสื้อคอลเล็กชันพิเศษที่ทำมาเพื่อการสะสมนี้ มันก็เป็นเครื่องหมายที่ถูกสร้างมาเพื่อการรำลึกด้วยเช่นกัน