กลายเป็นประเด็นหลังเกมบิ๊กแมตช์ ของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่ระหว่าง “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ที่เปิดบ้านเสมอกับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
โดยเกมนัดดังกล่าว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงตัวเก่งของทัพปีศาจแดง กลับถูก ไมเคิ่ล คาร์ริค กุนซือขัดตาทัพดร็อปเจ้าตัวเป็นเพียงแค่ตัวสำรอง ก่อนส่งลงสนามในช่วงนาทีที่ 64 ของเกมเท่านั้น
ซึ่งหลังสิ้นเสียงนกหวีดจบเกม ปรากฎว่า กองหน้าวัย 36 ปี ดูมีอาการไม่ค่อยพอใจกับผลการแข่งขัน และการที่เจ้าตัวต้องถูกจับนั่งข้างสนามเป็นตัวสำรอง เดินกลับเข้าอุโมงค์ทันทีโดยไม่มีการเดินไปขอบคุณแฟนบอลเหมือนกับทุกเกมที่ผ่านมา
แถมในรายของ บรูโน่ เฟอร์นันเดส ที่ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมในเกมนี้ก็เดินตามลูกพี่ร่วมทีมชาติเข้าอุโมงค์ไปด้วยเหมือนกัน ทำให้ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ มิดฟิลด์ทีมชาติสกอตแลนด์ ต้องทำหน้าที่นำเพื่อนๆ เดินทางไปขอบคุณแฟนบอลที่เดินทางติดตามมาเชียร์แบบติดขอบสนามถึงลอนดอน
งานนี้ทำเอาสื่อหลายสำนักต่างพุ่งเป้าไปที่การวางตัวของ โรนัลโด้ ว่าเป็นเรื่องของการแสดงออกถึงการไม่พอใจกับสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ที่ไม่ได้ออกสตาร์ทเป็นสิบเอ็ดคนแรกเหมือนอย่างเคย และถูกลดบทบาทความสำคัญลง
อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา ดาวยิงทีมชาติโปรตุเกส ก็ออกมาเผยข้อความผ่านโลกออนไลน์ว่า “ยังมีหนทางอีกยาวไกล ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้เมื่อคุณเล่นให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด, เราจะไล่ตามเป้าหมายกันต่อไปจนกว่าจะจบ” #MUFC
ถือเป็นการออกมาสยบเสียงวิจารณ์ต่างๆ ว่าเจ้าตัวนั้นยังคงมุ่งมั่นกับทีมอยู่เหมือนเดิมแม้เกมนัดล่าสุดจะถูกจับนั่งเป็นตัวสำรองก็ตาม และเจ้าตัวก็ยังมองเป้าหมายหลักคือการทำเพื่อทีมเป็นสำคัญ