การแข่งขัน: ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2021/22
คืนวันพุธที่ 6 เมษายน 2022
เชลซี 1-3 เรอัล มาดริด
สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์
1. สิงห์บลู ยังเมาหมัดดูเหมือนกับว่าควันหลงของเกมที่พ่ายต่อ เบรนท์ฟอร์ด 1-4 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จะยังคงตลบอบอวลอยู่ใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ จนส่งผลให้วันนี้ เชลซี ยังคงโดนคู่แข่งบุกอัดคาบ้านติดต่อกัน
ซึ่งแม้ว่าคู่แข่งจะเป้นถึงทีมอย่าง เรอัล มาดริด แต่ต้องบอกเลยว่าพวกเขาควรจะทำได้ดีกว่านี้ ทั้งจังหวะเสียประตู ความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย รวมถึงโอกาสจบสกอร์ที่ใช้เปลืองจนแฟนบอลต้องนั่งกุมขมับ ทั้งที่ ราชันชุดขาว ในยุคนี้ดูน่ากลัวไม่ถึงครึ่งของเมื่อช่วงหลายปีก่อนที่มี โรนัลโด้ รวมถึงช่วงสตาร์ดัง ๆ หลายคนที่ยังหนุ่มยังแน่น
2. คิดไม่ออกบอก เบนเซมาต้องบอกว่าชั่วโมงนี้คงไม่มีกองหน้าคนใดที่ฟอร์มดุดันเท่าเขาคนนี้อีกแล้ว ทั้งที่อายุก็ปาไปแล้ว 34 ขวบแต่กลับมาพีคตอนแก่อย่าง คาริม เบนเซมา ที่ซัดแฮททริกในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก 2 นัดติดต่อกัน
ซึ่งต้องบอกว่าแม้ความเร็วความคล่องตัวอาจจะด้อยลงไปตามกาลเวลา แต่ความเฉียบขาดรวมถึงการหาพื้นที่ทำการแบบถูกที่ถูกเวลานั้นกลับเพิ่มมากขึ้นตามประสบการณ์เช่นกัน
เพราะตลอดทั้งเกมในวันนี้ก็แทบไม่ต้องทำอะไรมากมายเพียงแค่หาพื้นที่เหมาะ ๆ รอเพื่อนร่วมทีมมากคุณภาพอย่าง วินิซิอุส และ ลูก้า โมดริช ถวายพานจัดมาให้โขกเน้น ๆ อย่างเหนือชั้นทั้งสองลูก แถมอีกหนึ่งประตูก็มาจากการคว้าลูกส้มหล่นเอาไว้ได้อย่างนิ่มนวลจนสร้างความได้เปรียบอย่างยิ่งให้กับ ราชันชุดขาว ในเกมเลกแรกนี้
3. เชลซี ยิงนกตกปลาแม้ในช่วงครึ่งหลังเจ้าบ้านจะถูกยิงนำห่างจากความผิดพลาดของ เอดูอาร์ด เมนดี้ ตั้งแต่นาทีแรก แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็เป็นฝ่ายที่แทบจะบุกเข้าทำอยู่ข้างเดียวชนิดที่ครึ่งหลังทีมเยือนหาโอกาสลุ้นใกล้เคียงจะเป็นประตูไม่ได้อีกเลย
แถม พลพรรคสิงห์บลู ยังมีโอกาสพาบอลเข้าสู่พื้นทีอันตรายได้กลายครั้ง ทั้งจากจังหวะยิงไกล จังหวะเปิดเข้าไปลุ้น รวมถึงจังหวะเซ็ตเพลย์ แต่พวกเขาก็กลับทำพลาดไปเสียหมด โดยเฉพาะจังหวะวอลเล่จ่อ ๆ ของ ซิเยค
และที่น่าโดนด่าที่สุดกับจังหวะโขกโล่ง ๆ ของ ลูกากู ซึ่งหากลูกทีมของ โทมัส ทูเคิล ฉียบขาดมากกว่านี้ เกมหน้าก็คงลดภาระในการไล่ยิงประตูคืนที่ ซาติอาโก้ เบอร์นาเบว ไปได้มากโขเลยทีเดียว
4. แดนกลาง ราชัน เหนือกว่าแม้ไม่ต้องครองบอลเกมวันนี้สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อแตกต่างคือเกมในแดนกลางของทั้งสองทีมที่วันนี้ถึง เชลซี จะเป็นฝ่ายครองบอลบุกเข้าใส่ได้มากกว่า แต่พวกเขากลับสามารถหาโอกาสสวย ๆ จากกลางสนามได้เพียงครั้งเดียวจากจังหวะที่ จอร์จินโญ เปิดเข้าไปให้ ฮาเวิร์ตซ์ โขกไล่มาเป็น 1-2
ส่วนที่เหลือทำได้เพียงต่อบอลไปมาไม่ถ่ายออกข้างก็ส่งคืนหลัง แม้ว่าครึ่งเวลาหลังเจ้าถิ่นจะส่งผู้เล่นในแดนกลางคงมาเติมแล้วก็ตาม ในขณะที่ทีมเยือนที่มี 3 ทหารเสือระดับตำนานอย่าง ลูก้า โมดริช โทนี โครส และ กาเซมิโร กลับคุมจังหวะคุมพื้นที่ได้อย่างยออดเยี่ยม ใช้ความสามารถเฉพาะตัวในการเอาตัวรอดรวมถึงใช้โอกาสเพียงไม่กี่จังหวะเปลี่ยนจากรับเป็นรุก
แถมในช่วงที่ทีมเน้นเกมรับพวกเขาก็ถอยลงมาคุมโซนแดนกลางได้อย่างยอดเยี่ยมจนบีบให้ เชลซี ต้องหาโอกาสจากการยิงไกลมากกว่าการต่อบอลเข้าไปลุ้นในกรอบเขตโทษ