“เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี้ ฟอร์มแรงต่อเนื่องเดินหน้าเก็บชัยเป็นนัดที่ 4 ติดต่อกันในลีก หลังเปิดบ้านรัวถล่ม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล อริสำคัญไปได้แบบขาดลอย 4-1 เก็บสามแต้มสำคัญ พร้อมทำแต้มไล่กดดัน อาร์เซน่อล จ่าฝูงเหลือ 8 คะแนนเท่าเดิม แต่แข่งน้อยกว่าอยู่ 1 เกม เราไปดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเกมเมื่อคืนบ้าง
แจ็ค กรีลิช 100 ล้านปอนด์ เริ่มออกผลทีละนิด Manchester City v Liverpool FC – Premier League / Michael Regan/GettyImages
กรีลิช โชว์ฟอร์มโดดเด่นแบบสุด ๆ ในเกมนี้ ผลงานของเขากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงหลัง และไม่แปลกใจเลยว่าทำไม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ถึงให้โอกาสแข้งค่าตัว 100 ล้านปอนด์ อยู่ใน 11 คนแรกของเขาบ่อยครั้ง
จังหวะลงไปช่วยเกมรับเพื่อสกัดจังหวะหลุดเดี่ยวของ โม ซาลาห์ ถือว่าสำคัญสุด ๆ เพราะถ้าสกอร์ตามหลัง 2-0 เกมอาจแตกต่างออกไป เพราะงั้นนี่คืออีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญของเกมเลยก็ว่าได้
กรีลิช เล่นงาน เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จนหัวหมุน อดีตแข้งแอสตัน วิลล่า เรียกฟาวล์ได้ถึง 4 ครั้ง และทำสถิติเลี้ยงผ่านคู่แข่งสำเร็จได้ 100% ผลงาน 1 ประตู 1 แอสซิสต์ คู่ควรกับ แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ที่สุดแล้ว
ประตูที่ 2 เปลี่ยนเกม หงส์แดงManchester City v Liverpool FC – Premier League / Michael Regan/GettyImages
หลังจบ 45 นาทีแรกด้วยสกอร์ 1-1 ต้องบอกว่ารูปเกมของ ลิเวอร์พูล เองแม้จะเป็นรอง แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่าแทคติคและความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะยังพอสู้กันได้
แต่แล้วหลังจากเริ่มครึ่งหลังมาได้ไม่ถึง 1 นาที ความผิดพลาดของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ ที่วิ่งไล่บอลจนหลุดตำแหน่งเป็นที่มาของประตูที่ 2 ที่ เดอ บรอยน์ ซัดจ่อ ๆ เข้าไป ซึ่งหลังจากนั้น หงส์แดง ก็รวนทันทีและมาโดนลูกสามในอีกไม่กี่นาทีต่อมา
แน่นอนสภาพหลังจากนั้นก็คือ “ปล่อยจอย” โดนเล่นลิงชิงบอลไล่บอลสะเปะสะปะหากบอลไม่เจอจนกลายเป้นบอลคนละชั้นกันไปในที่สุด ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากการเสียสมาธิเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
แท็คติกที่ยืดหยุ่นของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อีกหนึ่งเบื้องหลังกำราบ ลิเวอร์พูล
Manchester City v Liverpool FC – Premier League / James Gill – Danehouse/GettyImages
เมื่อดูจากรายชื่อนักเตะแล้วใคร ๆ ก็คิดว่า เป๊ป ต้องจัดระบบแบ็คโฟร์ตามปกติอย่างแน่นอน แต่ขึ้นชื่อว่า เป๊ป ยังไงก็ต้องมีการพลิกแพลงให้เห็นเสมอ
จอห์น สโตนส์ ที่ปกติคือเซ็นเตอร์แบ็คถูกจับไปเล่นแบ็คขวาอยู่บ่อยครั้งในระยะหลัง แต่เกมนี้ เป๊ป ดันแนวรับเลือดผู้ดีช่วยแดนกลางร่วมกับ โรดรี้ เลย และผลออกมาดีเกินคาด
แม้ว่าแผนหลังสามแบบยืนไลน์สูงทำให้ แมนฯ ซิตี้ โดน ลิเวอร์พูล ใช้เกมโต้กลับเล่นงานเป็นประตูขึ้นนำ แต่เมื่อตัวเองได้เปิดเกมรุกแล้วช่วยให้พวกเขาได้โอเวอร์โหลดนักเตะแดนบนซึ่งนำไปสู่ประตูที่ได้มาทั้ง 4 ลูก
แบ็กสองฝั่งจุดแข็งและจุดอ่อนของ ลิเวอร์พูล ในเวลาเดียวกัน Wolverhampton Wanderers v Liverpool FC – Premier League / Clive Mason/GettyImages
เกมนี้กลับกลายเป็นว่าการเติมเกมบุกของแบ็กทั้งสองฝั่งที่เคยเป็นจุดแข็งของ ลิเวอร์พูล ในยุคของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กลับกลายเป็นจุดอ่อนที่วกกลับมาทำร้ายตัวพวกเขาเอง
แน่นอนนี่ไม่ใช่เกมแรกที่เราเห็นว่าทั้ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน พยายามเติมขึ้นสูงและหลุดตำแหน่ง แต่การเจอกับ แมนฯ ซิตี้ ทำให้แผลที่มีอยู่มันเปิดออกมากยิ่งขึ้นและเห็นชัดเจนจากการโดนลงโทษทันทีที่เกิดความผิดพลาด แถมด้วยสภาพทีมที่โรยราบวกกับคู่แข่งที่เป็นยอดทีมผลที่ออกมามันจึงเรียกได้ว่าเข้าขั้นวิกฤต
นี่จึงเป็นบทเรียนที่นายใหญ่ ลิเวอร์พูล ต้องไปนอนคิดหาวิธีแก้ไขหากฤดูกาลหน้าพวกเขาต้องการจะทวงความยิ่งใหญ่กลับมาอีกครั้ง
ฮูเลียน อัลบาเรซ กองหน้าสำรองที่ดีที่สุดในโลก?
Manchester City v Liverpool FC – Premier League / Will Palmer/Allstar/GettyImages
การขาดหายไปของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ สร้างความกังวลให้กับแฟนบอลแมนฯ ซิตี้ ไม่น้อย และหลังจากที่พวกเขาโดนนำก่อน ยิ่งทำให้เหล่าซิติเซนส์โหยหากองหน้าชาวนอร์เวย์เป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตามเมื่อเกมดำเนินไป อัลบาเรซ แสดงให้เห็นถึงความอันตรายเมื่อได้ป้วนเปี้ยนแถวเขตโทษของทีมเยือน นอกจากการหาช่องเพื่อลุ้นทำประตูแล้ว ความขยันและการสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมก็เป็นอีกจุดเด่นที่เขาสร้างประโยชน์ให้ทีมเช่นกัน
การมี อัลบาเรซ ช่วยให้ แมนฯ ซิตี้ กลับไปเล่นในรูปแบบที่ตัวเองถนัดมากขึ้น เพราะตอนมี ฮาแลนด์ การเข้าทำเกมรุกของเรือใบสีฟ้ามีความแตกต่างอยู่บ้าง แต่ 1 ประตู ของ อัลบาเรซ ในเกมนี้ และเป็นลูกที่ 13 รวมทุกรายการ ถือว่าไม่เลวเลยกับโอกาสตัวจริงที่จำกัด
อิลคาย กุนโดกัน อันตรายเสมอเมื่อถูกดันให้อยู่ใกล้เขตโทษ
Manchester City v Liverpool FC – Premier League / James Gill – Danehouse/GettyImages
เมื่อไม่มี ฮาลันด์ ทำให้รูปแบบการเล่นของ แมนฯ ซิตี้ เปลี่ยนไปอยู่บ้าง และมันช่วยให้เพื่อนร่วมทีมไม่ต้องโฟกัสกับหัวหอกนอร์เวย์มากเกินไป เช่นเดียวกับแนวรับคู่แข่งที่จับทางได้ยากขึ้น
มันยังช่วยให้นักเตะคนอื่น ๆ ในทีมได้มีโอกาสลุ้นทำประตูอีกด้วย ซึ่งคนหนึ่งที่เห็นชัดเลยคือ อิลคาย กุนโดกัน ซึ่งมิดฟิลด์รายนี้เคยเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิงประตูได้มากเป็นแถวหน้าของทีมเมื่อ เป๊ป ยังใช้ระบบการเล่นแบบฟอลส์ไนน์
ประตูที่เขายิงได้ใส่ แอสตัน วิลล่า ในนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่แล้วคือเหตุผลที่ เป๊ป เลือกส่งให้ กุนโดกัน ลงไปเปลี่ยนเกม และเกมกับ ลิเวอร์พูล เขาได้รับโอกาสลงตัวจริงและได้อิสระให้เติมไปลุ้นประตูในเขตประตู ซึ่งก็เห็นผลเพราะเขาทำได้ 1 ประตู จากการยืนถูกที่ถูกเวลา