“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เดินหน้าเก็บชัยได้อีกครั้งด้วยการเปิดแอนฟิลด์ เอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-1 ในการแข่งขัน ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยเกมนี้ ดาร์วิน นูเญซ โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมทำคนเดียว 2 ประตู เกิดอะไรขึ้นในเกมนี้บ้างเราลองไปดูกัน
1. เซาธ์แฮมป์ตัน เปิดหน้าแลกทำ ลิเวอร์พูล เล่นสบาย
FBL-ENG-PR-LIVERPOOL-SOUTHAMPTONFBL-ENG-PR-LIVERPOOL-SOUTHAMPTON / LINDSEY PARNABY/GettyImages
ลูกทีมของ นาธาน โจนส์ พยายามทำเกมรุกเข้าใส่ ลิเวอร์พูล ในเกมที่ แอนฟิลด์ ต่อเนื่อง พวกเขาไม่ได้ตั้งรับลึกเพื่อรอสวนกลับเร็วแต่อย่างใด ผู้เล่นที่แดนกลางและฟูลแบ็คคอยสอดเติมขึ้นไปยังพื้นที่แดนบนเพื่อการมีส่วนร่วมสร้างโอกาสลุ้นทำประตู แต่นั่นก็กลายเป็นการเปิดพื้นที่ให้เจ้าถิ่นหาช่องว่างในการเข้าทำอย่างสะดวก เห็นได้ชัดจากการที่พวกเขาเสียลูก 3-1 ตั้งแต่ช่วงท้ายครึ่งแรกจากการไม่สามารถตัดบอลที่กลางสนามได้จนทำให้ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน หลุดไปสร้างสรรค์โอกาสให้ ดาร์วิน นูเญซ ที่ฝั่งซ้าย
2. ดาร์วิน นูเญซ ยกระดับความมั่นใจก่อนลุย ฟุตบอลโลก
Darwin Nunez, Ainsley Maitland-NilesLiverpool FC v Southampton FC – Premier League / Jan Kruger/GettyImages
2 ประตูที่ ดาร์วิน นูเญซ ทำได้ในเกมนี้ส่งผลให้เจ้าตัวมีสถิติตะบันให้กับ หงส์แดง ไปแล้ว 9 ประตูจากการลงเล่น 18 เกมเมื่อรวมทุกรายการ เห็นได้ชัดว่าทั้ง 2 ประตูที่เจ้าตัวทำได้เกิดจากการชิงจังหวะในพื้นที่อันตราย เข้าทำชนิดแท็ปอิน เล่นน้อยจังหวะแบบหวังผลได้ นั่นทำให้ นูนเญซ ไม่ต้องพาบอลไปด้วยตนเองซึ่งไม่ใช่จุดเด่นของเจ้าตัว
3. 4-4-2 ไดมอนด์ในอุดมคติ
Stuart Armstrong, Harvey ElliottLiverpool FC v Southampton FC – Premier League / Jan Kruger/GettyImages
นอกจาก นูเญซ ที่ทำได้โดดเด่นในแดนหน้า เกมนี้ยังเป็นแมตช์ที่ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ โดดเด่นในบทบาทกองกลางฝั่งขวา เจ้าตัวมีส่วนร่วมกับการทะยานเติมขึ้นไปประสานงานกับเหล่ารุ่นพี่ตัวรุกที่แดนบนต่อเนื่อง ทำได้ดีกับการลากตะลุยเลี้ยงบอลฝ่าเพื่อทะลายโซนแนวรับ และได้แอสซิสต์จากการเปิดให้ นูนเญซ พังประตู 3-1
4. นัดที่ 600 ของ เจมส์ มิลเนอร์
Romain Perraud, James MilnerLiverpool FC v Southampton FC – Premier League / Jan Kruger/GettyImages
เจมส์ มิลเนอร์ ถูกเปลี่ยนตัวลงสู่สนามในครึ่งเวลาหลัง นัดเป็นเกมที่ 600 ใน พรีเมียร์ลีก ของเจ้าตัวในวัย 36 ปี กลายเป็นแข้งคนที่ 4 ในประวัติศาสตร์ที่ลงสนามได้ยาวนานขนาดนี้ต่อจาก แกเร็ธ แบร์รี (653), ไรอัน กิ๊กส์ (632) และ แฟรงค์ แลมพาร์ด (609)
