ฟุตบอลลีกสูงสุดของยูเครน เตรียมกลับมาฟาดแข้งอีกครั้งในเดือนสิงหาคมนี้ หลังจากหยุดแข่งไปนับแต่ถูกกองทัพรัสเซียบุกรุกประเทศเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้สนามกีฬาหลายแห่งได้รับความเสียหาย ทำให้ลีกยูเครนประกาศตัดจบฤดูกาลทันที เพื่อความปลอดภัยของนักกีฬา, สตาฟฟ์ และแฟนบอล
อย่างไรก็ดี ล่าสุด วาดิม กัตต์ซาต รัฐมนตรีกระทรวงกีฬาของยูเครน ยืนยันว่า ฟุตบอลลีกของประเทศจะกลับมาแข่งอีกครั้งในวันที่ 23 สิงหาคม ซึ่งตรงกับวันฉลองธงชาติของยูเครน โดยจะมีการติดตั้งที่กำบังในสนาม เพื่อให้นักเตะและสตาฟฟ์ใช้เป็นที่หลบฉุกเฉิน กรณีถูกโจมตีทางอากาศในระหว่างเกมแข่งขัน และจะไม่เปิดให้แฟนบอลเข้าชม
กัตต์ซาต โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า “มันสำคัญมากที่ฟุตบอลจะกลับมาแข่งเหมือนกับกีฬาชนิดอื่นในยูเครน เราจะลงแข่งและส่งเสียงเชียร์ต่อไป เราจะต่อสู้และเอาชนะต่อไป กีฬาของยูเครนจะเอาชนะในทุกทิศทาง และจะไม่หยุดพัฒนาเพียงเท่านี้”
แม้จะไม่มีการมอบถ้วยแชมป์ลีกในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ทีมอย่าง ชัคตาร์ โดเน็ทส์ค และ ดินาโม เคียฟ ยังคงได้ไปเล่นในถ้วยยุโรป เพราะลีกยูเครนคัดเลือกจากอันดับในตารางก่อนที่ลีกจะปิด โดย ชัคตาร์ ในฐานะทีมจ่าฝูง จะได้ลงเล่นศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งพวกเขาจะใช้สนามในเมืองวอร์ซอว์ ประเทศโปแลนด์ เป็นรังเหย้า ส่วน เคียฟ ในฐานะทีมอันดับ 2 จะได้เล่นในถ้วยใหญ่ของยุโรปเช่นกัน แต่จะเริ่มในรอบคัดเลือกรอบที่ 2 ซึ่งมีโปรแกรมพบกับ เฟเนร์บาห์เช โดยจะใช้สนามในเมืองล็อดซ์ ประเทศโปแลนด์ เป็นสนามเหย้า
อย่างไรก็ดี ในลีกยูเครนตอนนี้คงมีแต่นักเตะยูเครนลงเล่นเท่านั้น เพราะนักเตะต่างชาติล้วนลี้ภัยย้ายไปเล่นกับทีมอื่นแล้ว หลังฟีฟ่าอนุญาตให้พวกเขาระงับสัญญาชั่วคราวได้ จนนำมาซึ่งการย้ายแบบถาวรในที่สุด ยกตัวอย่างกรณีของ 2 นักเตะชัคตาร์อย่าง ดาวิด เนเรส ที่ย้ายไปอยู่ เบนฟิก้า และ มาร์กอส อันโตนิโอ ที่ย้ายไปอยู่กับ ลาซิโอ
สำหรับการลงแข่งฟุตบอลในภาวะสงครามไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น ย้อนไปเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษก็เคยจัดการแข่งขัน Wartime League เพื่อทดแทนฟุตบอลลีกที่ถูกระงับเพราะสงครามมาแล้ว
