sportpooltoday

รักกว่าเมีย.. เชียร์กว่าสโมสร : เหตุใดชาวเซเนกัลจึงอยากให้ “มาเน่” ย้ายจาก ลิเวอร์พูล?


รักกว่าเมีย.. เชียร์กว่าสโมสร : เหตุใดชาวเซเนกัลจึงอยากให้ "มาเน่" ย้ายจาก ลิเวอร์พูล?

“ผมอ่านคอมเมนต์บนโซเชียลมีเดีย มีชาวเซเนกัล 60-70% อยากให้ผมย้ายออกจากลิเวอร์พูลขนาดนั้นเลยหรือ? ผมจะทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ แล้วเดี๋ยวจะได้เห็นกัน” ซาดิโอ มาเน่ ให้สัมภาษณ์กับสื่อและคล้ายจะเป็นข่าวร้ายของแฟนบอลหงส์แดงในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม 60-70% ของชาวเซเนกัล เท่ากับจำนวนประชากรทั้งหมดราว 7 ล้านคน ทำไมคนจำนวนมากขนาดนั้นจึงอยากให้ฮีโร่ของพวกเขาย้ายออกจากหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน? 

Main Stand จะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจมุมมองของชาวเซเนกัล และเหตุผลของเรื่องนี้ ว่ามีอะไรมากกว่าเรื่องของฟุตบอลหรือไม่? ติดตามได้ที่นี่

คลั่งรักฟุตบอลยุโรป 

ก่อนที่เราจะเริ่มต้นด้วยเรื่องราวของมาเน่ เราอยากให้คุณได้รู้ก่อนว่า ทำไมชาวเซเนกัลถึงมีวัฒนธรรมเชียร์ฟุตบอลยุโรปอย่างเข้าเส้น? และพวกเขาก็อยากที่จะมีส่วนร่วมและอยากรู้อยากเห็นในทุกอิริยาบถของนักฟุตบอลที่ดีที่สุดตลอดกาลของประเทศอย่าง ซาดิโอ มาเน่ 

1เซเนกัล เป็นประเทศที่ได้รับวัฒนธรรมฟุตบอลมาจากประเทศฝรั่งเศสในฐานะประเทศราช ย้อนกลับไปในช่วงสัก 60-70 ปีก่อนหน้านี้ เซเนกัล แทบไม่ได้มีทีมฟุตบอลเป็นของตัวเองเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งในปี 1960 ที่พวกเขาได้รับอิสรภาพ จึงเริ่มมีการก่อตั้งสหพันธ์ฟุตบอลของตัวเองเป็นครั้งแรก

และแน่นอนว่าการปล่อยให้เวลาผ่านมาเนิ่นนานกว่าจะได้เริ่มอะไรเป็นของตัวเอง การพัฒนาฟุตบอลของเซเนกัลจึงทำได้ช้ามากในช่วงแรกๆ ตลอด 30 ปีหลังจากก่อตั้งสหพันธ์ เซเนกัลเคยผ่านไปเล่น แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ ฟุตบอลชิงแชมป์ทวีปรอบสุดท้ายในยุคสมัยที่แข่งกันแทบทุกปีเพียง 4 ครั้งเท่านั้น ส่วนฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายไม่ต้องพูดถึง พวกเขาไม่เคยไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว

เมื่อวัฒนธรรมฟุตบอลในประเทศไม่แข็งแกร่ง คุณภาพการเล่นยังดีไม่พอ แม้ว่าจะอยากเชียร์ขนาดไหน แต่ 100 ทั้ง 100 เมื่อคุณเกิดมาเป็นมนุษย์ คุณย่อมอยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองทั้งนั้น ในเมื่อฟุตบอลเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์หรือความบันเทิงในรูปแบบหนึ่ง เรื่องอะไรที่ชาวเซเนกัลจะไม่ดูฟุตบอลยุโรปที่สนุกและมีคุณภาพมากกว่า

เรื่องนี้เคยถูกเล่าผ่าน มาร์ค ฮันน์ นักศึกษาปริญญาเอกด้านมนุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัม โดยตัวของ ฮันน์ เคยมาใช้ชีวิตที่เซเนกัลอยู่หลายปี และได้เขียนบทความ “Senegal’s Euro-football love affair” ที่เป็นวิทยานิพนธ์ของเขา 

“ฟุตบอลยุโรปเป็นที่นิยมมากในเซเนกัล ในขณะที่ลีกท้องถิ่นนั้นสนามร้างและแทบจะไม่มีผู้ชม คุณสามารถวัดความนิยมกันได้อย่างชัดๆเลยคือ หากมีฟุตบอลในประเทศแข่งพร้อมกับการถ่ายทอดสดฟุตบอลยุโรป ชาวเซเนกัลจะพร้อมใจกันไปอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ พวกเขาพร้อมที่จะถกเถียงและพูดคุยกันเกี่ยวกับประเด็นต่างๆในฟุตบอลยุโรปอย่างถึงใจ และหันหลังให้กับเกมท้องถิ่นที่ด้อยพัฒนาที่ไม่มีประวัติศาสตร์ทางการแข่งขันของแต่ละทีม” ฮันน์ กล่าวเริ่ม

ฮันน์ ศึกษาและพบว่าความบ้าบอลของชาวเซเนกัลเริ่มขึ้นจริงๆหลังปี 1990 เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นจากการยกเลิกกฎข้อบังคับของการออกอากาศฟุตบอลยุโรป ฟุตบอลยุโรปจึงเริ่มเข้าถึงง่ายสำหรับชาวเซเนกัลจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง จากนั้นวัฒนธรรมคลั่งฟุตบอลยุโรปก็กระจายไปทั่วประเทศ 

จากจุดนี้มันค่อนข้างสัมพันธ์กับพัฒนาการของฟุตบอลเซเนกัลด้วย พวกเขาอาจจะเคยไปแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติเมื่อปี 2002 แต่ทีม ณ ตอนนั้นก็ไม่ได้มีนักเตะที่เรียกได้ว่าเป็นซูเปอร์สตาร์จริงๆ นักเตะส่วนใหญ่ที่อยู่ในทีมชุดนั้นอย่าง เอล ฮัดจิ ดิยุฟ และ ปาปา บูบา ดิย็อป ล้วนเป็นนักเตะที่อพยพไปใช้ชีวิตในฝรั่งเศสทั้งสิ้น ก่อนจะได้โอกาสเล่นฟุตบอลจากดินแดนที่ศิวิไลซ์กว่าเซเนกัล 

2แต่เหล่านักเตะที่เกิดหลังยุค 90s ที่คาบเกี่ยวกับการแพร่กระจายของฟุตบอลยุโรปในเซเนกัล อย่าง มาเน่ และ อิสไมลา ซาร์ 2 นักเตะที่เล่นในพรีเมียร์ลีก ณ ปัจจุบัน ที่เกิดและเติบโตในประเทศเซเนกัล ก็เป็นตัวอย่างของนักเตะเซเนกัลท้องถิ่นโดยกำเนิดที่ได้รับแรงบันดาลใจโดยตรงจากฟุตบอลยุโรป และหากเราจะมองเรื่องปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ เซเนกัลก็เป็นหนึ่งในประเทศแอฟริกันที่มีปัญหาเรื่องนี้ เราก็จะเห็นภาพชัดขึ้นอีกหน่อยว่าฟุตบอลยุโรปไม่ได้เป็นแค่ความบันเทิง แต่มันคือทางรอดของเหล่านักเตะท้องถิ่นที่มีเหล่าไอดอลแข้งแอฟริกันได้นำทางไป 

“นักเตะท้องถิ่นเซเนกัลนั้นอยากไปเล่นในยุโรปเป็นอย่างมาก คุณสามารถพบเห็นเกมการแข่งขันในประเทศที่นักเตะแต่ละคนจะเอาชื่อนักเตะดังๆในยุโรปหรือไอดอลของพวกเขามาเป็นชื่อกลางของตัวเอง เช่นในเกมการแข่งขันรุ่นยู-19 ของทีมท้องถิ่น ผมเคยเจอนักเตะที่ชื่อว่า อาเหม็ด ซีดาน, เอ็มบาเย ตูราม, มามาดู อัลเวส, ซาลิอู เตเวซ, โมฮาเหม็ด กาซิยาส และ อับดู อิเนียสต้า ฯลฯ คุณสามารถเห็นชื่อแบบนี้ได้ในเกมฟุตบอล ณ กรุงดาการ์ เมืองหลวงของประเทศ” ฮันน์ ขยายความเพื่อให้เห็นภาพชัดยิ่งขึ้น 

ขณะที่ ซาลิอู เตเวซ นักเตะที่ถูกกล่าวถึงก็ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า “ผมเล่นให้กับทีมนาเวตาเนสในท้องถิ่น ทุกคนเรียกผมว่า เตเวซ เพราะผมเล่นเหมือน คาร์ลอส เตเวซ ผมขยันวิ่ง ผมยิงประตูได้ ผมเป็นจอมเทคนิค เราคว้าแชมป์ในปีนี้ ทุกคนในละแวกนั้นรู้จักผมในนาม เตเวซ กันทั้งนั้น” 

สิ่งเหล่านี้สะท้อนความนิยมของฟุตบอลยุโรปในเซเนกัล รวมถึงทวีปแอฟริกา เป็นผลโดยตรงของการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมใหม่ การเปิดเสรีของสื่อ การเปิดกว้างด้านการถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียมเข้าสู่ตลาดแอฟริกา และที่สำคัญที่สุดคือ การสร้างอิทธิพลต่อคนท้องถิ่น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ชอบเล่นฟุตบอล เมื่อพวกเขาได้ไปยุโรป พวกเขาจะร่ำรวย มีชื่อเสียง และได้ใช้ชีวิตที่หลายคนได้แค่ใฝ่ฝันถึง 

3นักฟุตบอลที่ไต่จากดินไปถึงดาวโดนเปรียบเหมือนกับพระเจ้าของพวกเขา ชาวเซเนกัลไม่เคยมีพระเจ้าของตัวเองมานาน เหมือนกับที่ ไอวอรี่โคสต์ มี ดิดิเยร์ ดร็อกบา กับ ยาย่า ตูเร่, คนไนจีเรีย มีนักเตะอย่าง เอ็นวานโก คานู, แคเมอรูน มี ซามูเอล เอโต้ เป็นต้น 

ดังนั้น เมื่อมี ซาดิโอ มาเน่ สถาปนาตัวเองเป็นแข้ง “ระดับโลก” ชาวเซเนกัลจึงได้มีพระเจ้าของพวกเขาจริงๆเป็นครั้งแรก นักเตะที่คว้าแชมป์ฟุตบอลในอังกฤษ, ฟุตบอลถ้วยที่ใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรป และพาเซเนกัลคว้าแชมป์ทวีปแอฟริกา.. จากจุดนี้เราจะได้เห็นลัทธิ “คลั่งมาเน่” ที่มีผลต่อการย้ายทีมแบบที่มาเน่ได้กล่าวไว้ในข้างต้น

มาเน่ เป็นรองแค่พระเจ้า 

ด้วยบริบททางการเมืองของประเทศในแอฟริกานั้นมักจะออกมาในรูปแบบที่ยากจะมีฮีโร่ของประเทศ เรื่องราวส่วนใหญ่เป็นไปทางการโกงกิน คอรัปชั่น สงครามกลางเมือง และการทิ้งภาระต่างๆให้กับประชาชนต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเอง เรื่องเหล่านี้ทำให้ชาวเซเนกัลและชาวแอฟริกันแทบทุกประเทศมักจะเลือกให้ “นักกีฬา” คือที่สุดในดวงใจของพวกเขามากกว่ากลุ่มนายกรัฐมนตรีหรือประธานาธิบดีของพวกเขาเอง 

4ในส่วนของ ซาดิโอ มาเน่ เขาค่อยๆไต่ระดับขึ้นจากการเข้าไปอยู่ในอคาเดมีท้องถิ่นที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฝรั่งเศสที่ชื่อ เจเนอเรชั่น ฟุต ก่อนต่อยอดไปเล่นกับ เม็ตซ์, เรด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก, เซาธ์แฮมป์ตัน และ ลิเวอร์พูล เขาคว้าทุกถ้วยที่ลงแข่งขัน ซึ่งเป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นที่อาจจะมากพอที่จะทำให้เขาเป็นแบบอย่าง ทว่าความยอดเยี่ยมของมาเน่ที่มีต่อมุมมองของชาวเซเนกัลยังไม่จบแค่นั้น 

เขาคือผู้เรียกร้องชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชากรในประเทศ ไล่ไปตั้งแต่เรื่องเล็กๆอย่างการจ่ายไฟฟ้าให้กับประชากรในประเทศใช้ โดยเรื่องเกิดขึ้นจากเกมอุ่นเครื่องในปี 2019 ที่ เซเนกัล เล่นในบ้านและต้องเจอกับ แกมเบีย 

เกมนั้นเป็นเกมที่ทำให้ทีวีทุกเครื่องในประเทศถูกใช้งานและทำให้กระแสไฟขาดจนไฟดับทั้งเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งและไม่เคยถูกแก้ปัญหาจริงๆเสียที นั่นทำให้หลังเกมนั้นจบ มาเน่ ที่เป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของประเทศต้องเรียกร้องเรื่องนี้ และขอให้ผู้เกี่ยวข้องแก้ไขมันอย่างจริงจังเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า

“คนเซเนกัลสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า น่าเสียดายที่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่คู่ควรกับประเทศฟุตบอลอย่างเซเนกัล ผมคิดว่าพวกเขาต้องทำได้ดีกว่านี้ และสภาพของสนามก็หายนะเช่นกัน!” มาเน่ กล่าวหลังเกมจบ และหลังจากนั้นไม่กี่เดือน ไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่รัฐบาลเซเนกัลก็ประกาศจะสร้างสนามฟุตบอลใหม่ในกรุงดาการ์ เมืองหลวงของประเทศ นั่นคือ ดิอัมเนียดิโอ โอลิมปิก สเตเดียม ที่มีความจุ 50,000 ที่นั่ง และเพิ่งเปิดใช้งานเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 นี้เอง

นอกจากเรื่องเล็กๆ มาเน่ ก็แสดงออกในฐานะชาวมุสลิมตัวอย่าง เขาเป็นไอคอนของชาวมุสลิมซึ่งมีถึง 90% ของประชากรทั้งหมดในประเทศ มาเน่ เป็นนักเตะที่วางตัวดีมาโดยตลอด ไม่เคยมีข่าวเสียหาย ไม่เคยแตะแอลกอฮอล์ เคร่งศาสนาเป็นอย่างมาก เนื่องจากพื้นเพเดิมพ่อของเขาเป็น อิหม่าม (ผู้นำศาสนาของชุมชน) ในบ้านเกิด

เมื่อถึงเทศกาลรอมฎอนหรือแม้กระทั่งการละหมาดประจำวัน มาเน่ ไม่เคยปล่อยให้ความสะดวกสบายและหน้าที่ที่เคร่งครัดของการเป็นนักเตะอาชีพเข้ามาขัดขวางการทำตามคำสั่งสอนของศาสนาเลยแม้แต่ครั้งเดียว 

“ผมไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ศาสนาเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผม ผมเคารพคำสอนของศาสนาอิสลาม ผมสวดถึงพระเจ้าวันละ 5 ครั้งเสมอ” เขาพูดถึงกิจวัตรของตัวเอง

5แม้ทุกวันนี้ มาเน่ จะมีรถเบนท์ลี่ย์ราคาแพง แต่กิจวัตรของเขายังเหมือนเดิม ทุกสัปดาห์เขาจะกลับไปหาชุมชนมุสลิมในเมืองลิเวอร์พูล ไปทำกิจกรรมทางศาสนาที่มัสยิด และเมื่องานด้านพิธีกรรมจบลง เขามักจะอยู่ต่อเพื่อช่วยทำกิจกรรมอย่างเก็บกวาดจนไปถึงล้างห้องน้ำก็ไม่เว้น นั่นจึงทำให้เขาเป็นที่รักของชุมชนมุสลิมในลิเวอร์พูลและชาวมุสลิมทั่วโลกกว่า 1.6 พันล้านคนเลยทีเดียว 

ทว่าสิ่งเหล่านี้ก็ยังไม่มากพอ มาเน่ เป็นคนที่แสดงออกเกี่ยวกับมุมมองการพัฒนาประเทศเซเนกัลมาตลอด โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาและการแพทย์ แม้เขาจะได้เงินค่าเหนื่อยจากลิเวอร์พูลสัปดาห์ละ 1 แสนปอนด์ ซึ่งถือว่าน้อยมากหากเปรียบเทียบกับนักเตะระดับเดียวกัน แต่ มาเน่ ก็มอบโอกาสคืนกลับสู่สังคมและชาวเซเนกัลเสมอ เขาบริจาคเงินส่วนตัวมากมายเพื่อโรงพยาบาลท้องถิ่นและสร้างโรงเรียนในที่ห่างไกลของประเทศดังที่มีข่าวออกมาตลอด

ขณะที่ในด้านของฟุตบอล มาเน่ อาจจะได้ทุกแชมป์กับลิเวอร์พูล แต่ในแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ 2022 ที่ผ่านมา เขาพาเซเนกัลคว้าแชมป์ทวีปสำเร็จเป็นครั้งแรก ก่อนจะประกาศว่า “นี่คือถ้วยแชมป์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม” เขายกให้ถ้วยนี้เหนือกว่ารางวัลอย่าง ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เลยด้วยซ้ำ มันแสดงให้เห็นว่า ในมุมมองของ มาเน่ วงการฟุตบอลเซเนกัล แฟนบอลในประเทศ และประชากรในประเทศ สำคัญกับเขามากขนาดไหน 

6โดยในวันที่ มาเน่ ขึ้นรถแห่ฉลองแชมป์ทวีปแอฟริกา ประธานาธิบดีของเซเนกัล แม็กกี้ ซอลล์ ได้มอบเครื่องราชอิสริยยศระดับ “Order of the Lion” ซึ่งเป็นยศสูงสุดในประเทศ ก่อนที่ ซอลล์ จะกล่าวแทนคนทั้งประเทศว่า 

“ชาวเซเนกัลทุกคนฝันถึงถ้วยรางวัลนี้มาอย่างยาวนาน และคุณ (มาเน่) ได้สร้างความฝันนี้ให้เป็นจริงในที่สุด แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ กลายเป็นของชาวเซเนกัลแล้วในวันนี้ คุณทำให้เราภาคภูมิใจด้วยการทำให้ชื่อของประเทศเซเนกัลดังไปทั่วโลก คุณได้มอบเกียรติยศให้แก่คนในประเทศนี้ และในทางกลับกัน ผมเชื่อว่าทุกคนในประเทศนี้พร้อมจะให้เกียรติและติดหนี้อันทรงเกียรติที่คุณได้สร้างขึ้นตลอดมา” แม็กกี้ ซอลล์ กล่าว ซึ่งสิ่งนี้แสดงถึงความรักของชาวเซเนกัลที่มีต่อมาเน่ได้เป็นอย่างดี

รักยิ่งกว่าเมีย เชียร์ยิ่งกว่าสโมสร 

จากพารากราฟด้านบน คุณได้เห็นแล้วว่า มาเน่ มีสถานะเป็นที่รักของทุกคนในประเทศเซเนกัล และมันเข้าใจได้ง่ายๆเลยว่า ในประเทศที่ไม่ได้มีประวัติศาสตร์ฟุตบอลอันยาวนาน พอวันหนึ่ง พวกเขามีนักเตะที่ดีที่สุดระดับท็อปของโลกเป็นของตัวเอง ทุกความเคลื่อนไหวของมาเน่จึงมีความหมายต่อชาวเซเนกัลมากขนาดไหน  

7อยากให้คุณลองนึกภาพวันที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ กลายเป็นนักเตะไทยคนแรกที่ได้เล่นในเจ 1 ลีกสูงสุดของประเทศญี่ปุ่นที่ความฟีเวอร์เกิดขึ้นทุกหัวระแหง ทุกคำชมส่งไปถึงยอดคนตัวเล็กแห่ง คอนซาโดเล ซัปโปโร ในวันนั้น และไม่ว่า ชนาธิป จะลงซ้อม หรือผู้คนในสโมสรไม่ว่าจะนักเตะหรือโค้ชพูดถึงเขาในแง่มุมไหนก็จะกลายมาเป็นพาดหัวข่าวหน้า 1 ของหน้ากีฬาไทยในแทบจะทันที สิ่งเหล่านี้แหละคือคำว่า “อารมณ์ร่วม” ซึ่งเชื่อว่าหลายคนก็น่าจะจำความรู้สึกแบบนั้นได้ 

เราอยากให้นักฟุตบอลที่ดีที่สุดในประเทศของเราได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากสโมสรในต่างแดนของพวกเขาเสมอ หรือยกตัวอย่างในกรณีของ ธีรศิลป์ แดงดา สมัยย้ายไปค้าแข้งที่อัลเมเรีย ในลีกสูงสุดของประเทศสเปนก็ได้ ตอนนั้นหากยังจำกันได้ เพจเฟซบุ๊กของสโมสรโดนทัวร์คนไทยลงและต่อว่าในแง่ลบเสมอในวันที่ ธีรศิลป์ ไม่ได้ถูกส่งลงสนามหรือถูกใช้งานในช่วง 5 นาทีสุดท้าย หรือแม้กระทั่งการด่าเพื่อนร่วมทีมของเขาที่ไม่ยอมส่งบอลให้

จากสิ่งที่กล่าวมา คุณน่าจะพอเข้าใจถึงอารมณ์ของชาวเซเนกัลที่มีต่อฮีโร่ของประเทศของเขาอย่างมาเน่เป็นอย่างดี พวกเขาน่าจะอินยิ่งกว่าเราด้วยซ้ำ เพราะ มาเน่ คือนักเตะระดับโลกที่เล่นกับทีมระดับโลกอย่าง ลิเวอร์พูล 

เล่าจากต้นตอของข่าวล่าสุดที่ มาเน่ กล่าวว่า “มีชาวเซเนกัล 60-70% อยากให้ผมย้ายออกจากลิเวอร์พูลขนาดนั้นเลยหรือ? ผมจะทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ แล้วเดี๋ยวได้รู้กัน” ก็น่าจะมาจากมุมมองของชาวเซเนกัลที่พวกเขาอยากจะเห็นฮีโร่ของตัวเองเป็นฮีโร่ของคนทั้งโลกด้วย ซึ่งว่ากันตามตรง สิ่งที่ มาเน่ ได้รับจาก ลิเวอร์พูล หรือมุมของแฟนบอลชาติอื่นๆนั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่ากับที่ชาวเซเนกัลมองมาที่เขา 

ประการแรก มาเน่ เป็นนักเตะที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่เริ่มยุคสมัยของ เยอร์เกน คล็อปป์ (ย้ายร่วมทีมช่วงกลางปี 2016) แต่ปัจจุบัน มาเน่ ยังได้ค่าเหนื่อยเป็นอันดับที่ 12 ของสโมสร แม้กระทั่งตัวสำรองอย่าง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ยังได้เงินเดือนมากกว่าเขาเลยด้วยซ้ำ 

8ประการที่สอง มาเน่ ไม่ได้มีบทบาทพระเอกหรือเป็นดาราแถวหน้าของสโมสรหากเทียบกับคำชื่นชมที่มีต่อนักเตะอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หรือรวมถึง เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ที่ทำให้ชาวเซเนกัลมองว่ามาเน่ถูกด้อยค่า และนั่นคือเหตุผลที่พวกเขาอยากจะให้มาเน่ย้ายทีมเพื่อไปเป็นพระเอกอย่างเต็มตัวกับทีมอื่น แม้จะยังไม่รู้ว่าเป้าหมายต่อไปของมาเน่จะเป็นที่ไหนก็ตาม (บทความนี้เขียนขึ้นก่อน มาเน่ จะย้ายไปร่วมทีม บาเยิร์น มิวนิค เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา) หรือแม้กระทั่งจริงๆแล้วฝั่งลิเวอร์พูลอาจจะไม่เคยคิดไปไกลถึงขั้นนั้นเลยด้วยซ้ำ

“นับตั้งแต่ โม ซาลาห์ ย้ายเข้ามา มาเน่ ก็ต้องยอมรับสภาพเป็นไวโอลินตัวสอง และปล่อยให้ ซาลาห์ เป็นเดี่ยวมือ 1 ที่รับสปอตไลท์ไปแทน” แฟนบอลเซเนกัลคนหนึ่งโพสต์ระบายความรู้สึกใน Quora เว็บบอร์ดที่มักจะถามตอบกันเรื่องประเด็นต่างๆ  

9
10นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์ชวนเคืองสำหรับแฟนเซเนกัลกับมาเน่อีกครั้ง ในวันที่ อียิปต์ ที่นำโดย ซาลาห์ เข้ารอบชิงชนะเลิศ AFCON 2022 ทางสโมสรลิเวอร์พูลได้ทวีตแสดงความยินดีและอวยพรซาลาห์ว่า “Always running towards glory” (ไล่ล่าถ้วยแชมป์เสมอ) ขณะที่ฝั่ง มาเน่ และ เซเนกัล ที่ได้เข้าชิงเหมือนกันกลับไม่ได้รับการพูดถึงในเชิงเดียวกัน 

ชาวเซเนกัลอยากจะเห็น มาเน่ ไปในที่ที่จะทำให้ฮีโร่ของพวกเขาได้รับสิ่งที่ดีกว่าทั้งในแง่รายรับ เกียรติยศ และการยอมรับจากผู้คนในวงกว้างยิ่งกว่านี้ ลิเวอร์พูลอาจจะไม่เคยคิดไปไกลถึงขั้นการปฏิบัติกับนักเตะ 2 คนแบบ 2 มาตรฐานในแบบที่ชาวเซเนกัลคิด และเรื่องค่าเหนื่อยก็เป็นสิ่งที่ลิเวอร์พูลให้ความสำคัญมายาวนาน แม้แต่ตัวซาลาห์ก็ยังไม่ได้ค่าเหนื่อยในจำนวนที่ตัวเองต้องการเลยด้วยซ้ำ 

แต่ความคิดและมุมมองของคนแต่ละคนเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ ในเมื่อ มาเน่ มอบทุกอย่างให้กับประเทศของพวกเขา ไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะอยากให้ มาเน่ ย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล เพราะพวกเขาเชื่อว่า มาเน่ จะเปล่งประกายและเป็นพระเอกของทั้งโลกได้ หากได้รับการสนับสนุนที่ดียิ่งกว่าที่เคยได้รับ