ย้อนรอย 10 ดีลสุดน่าผิดหวังของ ลิเวอร์พูล ในรอบ 13 ปีที่ผ่านมา – OPINION
10. นาบี เกอิต้า กองกลางชาวกีนีหลังจากแจ้งเกิดกับ แอร์เบ ไลป์ซิก ก็โดน ลิเวอร์พูล ไปสอยตัวมาร่วมทีมในปี 2018 ด้วยค่าตัวสูงถึง 60 ล้านยูโรด้วยความหวังที่จะยกระดับในแดนกลางให้กับทีมได้ แต่ก็อย่างที่ทราบกันว่าตั้งแต่ย้ายมาก็เจ็บตั้งแต่ปีแรกยาวมาจนถึงปีนี้เรียกได้ว่าไม่มีปีไหนที่เจ้าตัวไม่เจ็บเลย ลงสนามไปเพียง 81 เกมในลีกตลอด 5 ปี จนส่งผลให้ฟอร์มการเล่นไม่ต่อเนื่องและมีข่าวว่าอาจจะถูกปล่อยฟรีหลังหมดสัญญากลางปีนี้
9. อเล็กซ์ อ็อกเหล็ด แชมเบอร์เลน ตัวรุกชาวอังกฤษที่ หงส์แดง ไปคว้าตัวมาจาก อาร์เซนอล เมื่อปี 2017 ด้วยค่าตัวถึง 38 ล้านยูโร แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะยังไม่สามารถสร้างความประทับใจให้กับ เยอร์เก้น คล็อปป์ ได้จนโอกาสลงสนามลดน้อยลงเรื่อย ๆ แถมยังมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่บ้าง จนเหมือนจะเป็นอีกรายที่เตรียมถูกปล่อยฟรีหลังจบฤดูกาลนี้ด้วยเช่นกัน
8. สจ๊วร์ต ดาว์นิง ปีกดีกรีทีมชาติอังกฤษที่ ลิเวอร์พูล ไปดึงตัวมาในยุคของ เคนนี ดัลกลิช ในปี 2011 ซึ่งยุคนั้นทีมกำลังอยู่ในช่วงขาลงและคาดหวังว่าแข้งดีกรีค่าตัว 22 ล้านยูโรจาก แอสตัน วิลลา รายนี้จะสร้างปรากฏการณ์อะไรให้ทีมผลงานดีขึ้นบ้าง แต่ต้องบอกว่าตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ซึ่งถูกเข็นลงสนามแทบทุกนัดแต่กลับทำได้เพียง 2 แอสซิสต์และยิงไม่ได้สักลูกในฤดูกาลแรก กระทั่งในยุคของ ร็อดเจอร์ส ดาวนิง บทบาทลดลงและในที่สุดก็ถูกปล่อยตัวให้กับ เวสต์แฮม ไปในปี 2013
7. ยาโก้ อาสปาส หัวหอกชาวสเปนที่แจ้งเกิดและโด่งดังกับ เซลต้า ก่อนจะย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล ในยุคของ เบรนเดน ร็อดเจอร์ส เมื่อปี 2013 ด้วยค่าตัว 10.8 ล้านยูโร แต่ยังไม่ทันปรับตัวได้ก็มาได้รับบาดเจ็บ แถมพอกลับมาก็ไม่ได้รับโอกาสลงสนามเลย ทำให้ซีซั่นต่อมาเจ้าตัวถูกปล่อยต่อไปให้กับ เซบีญา ทันที และโดนขายขาดไปในอีกฤดูกาลถัดมา
6. มาริโอ บาโลเตลลี กองหน้าจอมป่วนที่หลังจากฟอร์มดีกับ เอซี มิลาน ก็เป็น ลิเวอร์พูล ที่คว้าตัวกลับมายังอังกฤษอีกครั้งเมื่อปี 2014 ด้วยค่าตัว 20 ล้านยูโร แต่มันกลับไม่เป็นไปตามคาดเพราะทั้งฤดูกาลในลีกเจ้าตัวยิงได้ 1 ประตูถ้วน ๆ แถมมาจากลูกจุดโทษอีกด้วย จนในปีต่อมาก็ถูกปล่อยให้ มิลาน ยืมกลับไปใช้งานและถูกปล่อยฟรีต่อให้ นีซ ไปเมื่อปี 2016
5. ลาซาร์ มาร์โควิชปีกชาวเซอร์เบียที่ก่อนจะย้ายมาโดนทีมใหญ่รุมตามจีบจากผลงานอันโดดเด่นกับ เบนฟิก้า ก่อนหน้านั้นและสุดท้ายเป็น ลิเวอร์พูล ที่ทุ่มทุนคว้าตัวมาในปี 2014 ด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโร ซึ่งปีแรกโอกาสลงสนามก็ค่อนข้างน้อยและยังไม่น่าประทับใจ จนถูกปล่อยยืมยาวไปจนหมดสัญญาเมื่อปี 2019 รวมลงสนามให้ หงส์แดง ไป 34 เกมทำได้ 3 ประตูตลอด 5 ปีที่ค้าแข้งอยู่กับทีม
4. ฟาบิโอ บอรินี หัวหอกอดีตเด็กปั้นของ เชลซี ที่ย้ายไปแจ้งเกิดกับ โรมา จน ลิเวอร์พูล อดใจไม่ไหวคว้าตัวกลับมาในปี 2012 ด้วยค่าตัว 13 ล้านยูโร ซึ่งแม้ว่า ร็อดเจอร์ส กุนซือขณะนั้นพยายามจะเข็นเขาลงสนามมากแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เหมือนกับสมัยที่เล่นกับ โรมา เลยแม้แต่น้อยก่อนจะจบฤดูกาลด้วยผลงาน 1 ประตูในลีก และหลังจากนั้นก็ถูกปล่อยยืมไปเรื่อย ๆ ทั้งกับ ซันเดอร์แลนด์ เอซี มิลาน วนไปกระทั่งหมดสัญญาในถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อปี 2020 ลงสนามให้ หงส์แดง ไป 38 นัดทำได้ 3 ประตูรวมทุกรายการ
3. แอดดี้ แคร์โรลล์
กองหน้าดีกรีทีมชาติอังกฤษที่เพิ่งจะแจ้งเกิดกับ นิวคาสเซิล และถูก ลิเวอร์พูล สอยตัวมาอย่างเร่งรีบเพื่อหวังจะให้เป็นตัวตายตัวแทนของ เฟร์นันโด ตอร์เรส ในเดือนมกราคมปี 2011 ด้วยค่าตัวราว 40 ล้านยูโร แต่ก็อย่างที่ทราบกัน หัวหอกร่างยักษ์รายนี้ไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้แม้จะถูกเข็นลงสนามแล้วก็ตาม กระทั่งในยุคของ ร็อดเจอร์ส เขาถูกปล่อยตัวให้กับ เวสต์แฮม และขายขาดไปให้กับ ขุนค้อน ในปี 2013 ในที่สุดด้วยค่าตัวเพียง 17 ล้านยูโรเท่านั้น
2. คริสเตียน เบนเตเก้ หัวหอกชาวเบอเยียมที่ ณ เวลานั้นฟอร์มกำลังร้อนแรงกับ แอสตัน วิลลา กระทั่งปี 2015 ลิเวอร์พูล ควักเงิน 46 ล้านยูโรกระชากตัวมาร่วมทีม แต่ดูเหมือนว่าแนวทางการเล่นจะไม่เข้ากับระบบของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เท่าใดนักและถูกขายเลหลังออกจากทีมไปอยู่กับ คริสตัล พาเลซ ทันทีในปีต่อมา
1. ดิวอค โอริกี้Liverpool v Crystal Palace – Premier League / Sebastian Frej/MB Media/GettyImages
สำหรับรายนี้ที่ผิดหวังไม่ใช่เพราะผลงาน แต่ผิดหวังเพราะ ลิเวอร์พูล ไม่ยอมรั้งตัวเขาเอาไว้ต่างหาก สตาร์ชาวเบลเยี่ยมย้ายจาก ลีลล์ มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2014 ขณะที่ยังเป็นดาวรุ่ง ก่อนที่ คล็อปป์ จะพยายามนำมาปลุกปั้น แม้จะไม่ได้โดดเด่นเปรียงปร้าง แต่ก็เป็น “ตัวโจ๊ก” สร้างสีสันให้กับทีมได้เสมอ ๆ แถมในช่วงหลังก็ไม่เคยบ่นกับการต้องตกเป็นตัวสำรอง และมักจะทำได้ดีเสมอในฐานะ “อาวุธลับ” ลงมายิงประตูสำคัญ ๆ ช่วยทีมไว้ได้ ก่อนจะหมดสัญญาไปเมื่อกลางปี 2022 ที่ผ่านมาห