การได้เห็น โจเอล มาติป ปราการหลังร่างโย่งของ “หงส์แดง” ขึ้นมาต่อบอลทำชิ่งกับ โม ซาลาห์ เข้าไปทำประตูที่ 2 ให้ทีมเอาชนะลีดส์ ยูไนเต็ด ไปได้เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้รู้สึกได้เลยว่าผมและหลายๆ คนที่เป็นแฟน “หงส์แดง” คงประเมินค่าของเขาต่ำไปมากในช่วงที่ผ่านมา
หลังจากโดนแซวมาตลอดว่าเป็นเซ็นเตอร์กระดูกยุง โดนตรงไหน เจ็บตรงนั้น แต่ซีซั่นนี้ มาติป สามารถลบคำสบประมาทไปได้อย่างหมดจด ทั้งลีลาการเล่นเกมรับอันเหนียวแน่น และจังหวะลากบอลมาเติมเกมรุกเองแบบสุดคลาสสิก เหมือนกองหลัง ลิเวอร์พูล ยุคก่อน ที่มักจะเป็นตัวสร้างสรรค์เกมบุกขึ้นมาเองในสไตล์ของ อลัน แฮนเซ่น, มาร์ค ไรท์ หรือ แกรี่ จิลเลสพี
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นผมคิดว่าเป็นการสั่งการให้เน้นตรงจุดนี้ของบรรดาสต๊าฟฟ์โค้ชของทีมด้วย ที่อาจจะมองเห็นอาวุธลับตรงนี้ ซึ่งทำให้ มาติป เองพยายามทำมาแล้วหลายหนในซีซั่นนี้ ผิดกับทาง ฟาน ไดค์ คู่ขาที่มักจะเน้นการวางบอลยาวอย่างแม่นยำ แจกจ่ายให้ผู้เล่นแดนหน้าอย่าง ซาลาห์ หรือ มาเน่
กลายเป็นว่าสองเซ็นเตอร์ของทีมช่วยสนับสนุนเกมรุกไปในสไตล์ที่แตกต่างกัน แต่ก็ล้วนมีประโยชน์กับรูปเกมเป็นอย่างยิ่ง แสดงให้เห็นว่า คล็อปป์ เองไม่ได้หวังพึ่งการเติมเกมจากผู้เล่นแบ็คทั้งสองฝั่งอย่าง เทรนต์ อาร์โนลด์ กับ ร็อบโบ้เท่านั้นแล้วในขณะนี้
การเร่งรีดฟอร์มขึ้นมาของปราการหลังชาวคาเมรูนผู้นี้ อาจจะได้ผลพวงจากแรงเบียดของ อิบราฮิม่า โคนาเต้ ปราการหลังดาวรุ่งซึ่งสโมสรซื้อตัวเข้ามาเสริมทัพเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดการแข่งขันกันในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟมากยิ่งขึ้น จน มาติป ระเบิดฟอร์มขึ้นมาได้ แต่ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นผลดีกับทีม
นอกจากเกมรับแล้ว มาติป กลายเป็นนักเตะที่ทำสถิติเลี้ยงบอลฤดูกาลนี้ผ่านคู่ต่อสู้ได้สำเร็จเปอ์เซ็นต์มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกถึง 91.7 เปอร์เซ็นต์ ทั้งๆที่มีเรือนร่างสูงถึง 6 ฟุต 5 นิ้วไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ผลงานของเขาโดดเด่นขึ้นเรื่อย ๆ ในสไตล์พูดน้อยต่อยหนัก และน่าจะกลายเป็นนักฟุตบอลฟรีทรานส์เฟอร์ที่ ลิเวอร์พูล ได้มาแบบยอดเยี่ยมที่สุด เหนือกว่าเจมส์ มิลเนอร์ ซึ่งเคยได้รับการยกย่องมาก่อนหน้านี้ว่าได้มาแบบไม่มีราคาเช่นเดียวกัน
ถ้าเปรียบเทียบกับบรรดากองหลังที่ แมนฯซิตี้ ดึงมาในราคาหลัก 50 ล้านปอนด์ขึ้นไปอย่าง จอห์น สโตนส์, บรูโน่ ดิอ๊าซ, ไอเมอร์ริค ลาปอร์ต, ไคล์ วอล์คเกอร์ ยิ่งทำให้เรารู้ว่า ลิเวอร์พูล โชคดีขนาดไหนที่ได้ มาติปมาแบบฟรีๆ
ปราการหลังคาเมรูนผู้นี้ถูกกุนซือ เยอร์เก้น คล็อปป์ ดึงมาจาก ชาลเก้ 04 เมื่อหมดสัญญากับทีมเก่าเมื่อปี 2016 นั่นหมายความว่าจบฤดูกาลนี้เขาจะอยู่กับทีมครบ 6 ปีขณะที่มีอายุ 30 ซึ่งสำหรับตำแหน่งปราการหลังตัวกลางแล้วคงยังเล่นได้อีกหลายซีซั่นเลยทีเดียว ถ้ารักษาสภาพร่างกายดีๆ อาจมีลุ้นอยู่กับสโมสรจนครบทศวรรษได้ด้วยซ้ำ
ขอเพียงไม่โชคร้ายโดนอาการบาดเจ็บกลับมารบกวน ดูแล้วคู่หู มาติป-ฟาน ไดค์ ซึ่งเพิ่งจะพา ลิเวอร์พูล คว้าถ้วยคาราบาว คัพ มาครองหมาดๆ คงกวาดถ้วยรางวัลได้อีกมากมายอย่างแน่นอน
