ทุกครั้งที่นักเตะผู้ถูกยกย่องว่าดีที่สุดในประวัติศาสตร์อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ฟอร์มตก มันเป็นเรื่องใหญ่เสมอ ไม่ว่าจะกับสื่อและแฟนบอลที่ล้วนสงสัยว่า “มันเป็นไปได้อย่างไร?”
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ โรนัลโด้ ย้ายกลับมาเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ท่ามกลางข่าวลือสะพัดมากมาย ไม่ใช่แค่ฟอร์มตก แต่มันเป็นเพราะเขาเกิดอาการเบื่อหน่ายและไม่มีความสุขกับสภาพเเวดล้อมรอบตัวเขา
ความเบื่อหน่าย เซ็ง และพาลหมดอารมณ์เล่นของ CR7 เกิดขึ้นจริงหรือไม่? และถ้าจริงมันเกิดขึ้นจากอะไร? ติดตามได้ที่ Main Stand
สิ่งที่หวังและสิ่งที่เกิดขึ้น
ก่อนฤดูกาล 2021-22 จะเริ่ม ร้อยทั้งร้อยแฟนบอลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คาดหวังว่าทีมของพวกเขาจะลดระยะห่างจากทีมหัวแถวของลีกอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ได้มากกว่าที่เคยเป็น
เหตุผลเพียงเพราะปัญหาในปี 2020-21 ที่ทุกคนลงมติกันว่าทีมขาดกองหลังระดับโลกที่คอยบัญชาเกม, ปีกขวาที่ไปกับบอลดีและเล่นเป็นทีมได้ และดาวยิงที่ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงยิงเป็นยิงเท่านั้นจบ ซึ่งปัญหาเหล่านี้คาดว่าจะถูกแก้ไขได้จากนักเตะอย่าง ราฟาเอล วาราน, เจดอน ซานโช่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตามลำดับ
ในรายของ โรนัลโด้ แสงสปอตไลท์ส่องมาที่เขามากกว่าคนอื่นๆ และเขาเองก็รู้ดีเกี่ยวกับความคาดหวังที่แฟนๆมีต่อเขา เช่นเดียวกับที่เขาก็เชื่อว่า ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ดีที่เขาจะย้ายมาแล้วสามารถทำผลงานได้ดีต่อเนื่อง หลังจากรักษามาตรฐานการเล่นมานานกว่า 1 ทศวรรษ ในช่วงเวลาที่ทีมรักอย่าง ยูไนเต็ด ตกต่ำ โรนัลโด้ เคยพูดเองว่าการพาทีมกลับสู่ความสำเร็จคือเป้าหมายที่เขาตั้งไว้เป็นอันดับแรก
ไม่ใช่แค่การทำให้ทีมดีขึ้น แต่หมายถึงการผลักดันเพื่อนร่วมทีมทุกคนด้วย นักเตะของ ยูไนเต็ด ยุคหลายปีหลังขึ้นชื่อเรื่องความไม่สม่ำเสมอ บางเกมเล่นดีก็ดีใจหาย บางเกมบทจะถอดใจก็หยุดวิ่งกันดื้อๆจนแพ้ทีมท้ายตารางอย่างคาดไม่ถึงก็มีบ่อย
โรนัลโด้ หวังว่าเขาจะทำให้ทุกคนในทีมที่ส่วนใหญ่เป็นรุ่นน้องเขาทั้งหมด เข้าใจว่าทุกคนมีงานหนักรออยู่ข้างหน้า ถ้าอยากจะเงยหน้าขึ้นมาเจอกับแสงสว่างได้รับการยอมรับและการชื่นชม ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาพร้อมยอมเสียสละตนเองหรือไม่? นั่นคือคำถามที่เขาถามทุกคนในวันที่เขาแนะนำตัวกับนักเตะในทีมปีศาจเเดง
“ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อเป็นเชียร์ลีดเดอร์ หากคุณอยากจะประสบความสำเร็จผมก็มีวิธีมาแนะนำ คุณต้องเล่นและทุ่มเทให้กับสโมสรแห่งนี้จากก้นบึ้งของหัวใจ คุณต้องกิน นอน และต่อสู้เพื่อทีมๆนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นตัวจริงหรือตัวสำรอง คุณต้องสนับสนุนเพื่อนร่วมทีมของคุณ และพยายามทำทุกวันให้เต็มที่”
“ผมมาที่นี่เพื่อเป็นผู้ชนะ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ชัยชนะจะทำให้เรามีความสุข และแน่นอนว่าผมอยากเป็นคนที่มีความสุข ตอนนี้ขึ้นอยู่กับพวกนายแล้วว่าอยากจะเป็นคนที่มีความสุขหรือเปล่า?”
คำถามของ โรนัลโด้ ฟังดูชวนให้ฮึกเหิมเสียเหลือเกินในตอนแรก เพียงแต่ว่านับวันผ่านไป สิ่งที่ โรนัลโด้ หวังเอาไว้กลับไม่เป็นอย่างที่คิด คำปลุกใจของเขาไม่เป็นผลไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เรายังคงเห็นข่าวด้านลบจาก ยูไนเต็ด อยู่เสมอ ไม่ว่าจะจากทีมบริหาร, โค้ช หรือ นักเตะเพื่อนร่วมทีม
โรนัลโด้ คาดหวัง แฟนๆก็คาดหวังว่าเขาจะเป็นคนที่เปลี่ยนทัศนคติของทั้งทีมให้ได้ แต่คำตอบนั้นสะท้อนจากผลงานอย่างชัดเจน ทีมยังคงเเย่เหมือนเดิม พวกเขาเล่นแบบถอดใจในบางเกมที่บทจะไม่เอาก็เดินเล่นกันดื้อๆก็มีให้เห็นบ่อยครั้งจนนับนิ้วแทบไม่พอ
ตอนนี้ผ่านครึ่งฤดูกาลมาสักพักแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า โรนัลโด้ เปลี่ยนแปลงอะไรในแง่ของภาพรวมไม่ได้เลย ไม่ใช่ว่าตัวของเขาแย่ หากไม่มี โรนัลโด้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงปิ๋วตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบเเบ่งกลุ่มไปแล้ว เพราะเขาแบกทีมยิงทุกนัดจนทีมเข้ารอบเป็นเเชมป์กลุ่ม แต่ในเกมลีกที่ต้องการมาตรฐานและการยืนระยะ ยูไนเต็ด สอบตกในแง่ของความสามัคคี ทัศนคติ และความมุ่งมั่นอย่างสิ้นเชิง
ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นมาหลายเดือนเเล้วนับตั้งแต่ยุคที่ยังมี โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ คุมทีมอยู่ จนกระทั่งมาถึงยุคของ ราล์ฟ รังนิก ณ ปัจจุบัน อาการเซ็งของ โรนัลโด้ นับวันก็ยิ่งทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ
โรนัลโด้ ไม่ใช่นักเตะที่ออกปากพูดกับสื่อเรื่องภายในหรือพูดเรื่องในแง่ลบเกี่ยวกับเพื่อนร่วมทีมบ่อยนัก ภาพลักษณ์เขาอาจจะเป็นคนที่หยิ่งผยอง แต่ทุกคนที่เคยทำงานกับโรนัลโด้ ไม่ว่าจะสมัย ยูไนเต็ด ยุคแรก, เรอัล มาดริด หรือ ยูเวนตุส ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาเรียกร้องจากคนอื่นและต้องการแรงสนับสนุนจากคนรอบข้างก็จริง แต่ โรนัลโด้ ก็แสดงให้เห็นว่าตัวของเขาเองก็ทำด้วย ไม่ใช่แค่สั่งคนอื่นเเล้วตัวเองไม่ทำอะไร
สิ่งที่ โรนัลโด้ กำลังเผชิญกับทีม ยูไนเต็ด ตอนนี้ เคยถูกบอกเล่าจากปากของเขาเอง และเป็นการพูดแง่ลบในแบบที่เขาไม่เคยจะพูดผ่านสื่อบ่อยๆอีกต่างหาก
“ผมบอกตรงๆเลยว่าทีมชุดนี้ยังต้องพัฒนาอีกเยอะมาก สำหรับผมคือเรื่องความสามารถส่วนตัวและจิตใจนี่แหละ เราต้องบอกตัวเองเสมอว่าเราทำได้ดีกว่านี้ สำหรับคุณ การที่จะเป็นมืออาชีพต้องช่วยทีม ต้องมีความคิดที่จะมุ่งสู่เป้าหมาย รายละเอียดพวกนี้มันขึ้นอยู่กับตัวคุณ ไม่ได้มาจากโค้ช แฟนบอล หรือสื่อมวลชน”
“เมื่อผมมองย้อนกลับไป ผมมาที่นี่ตั้งแต่อายุ 18 ปี ผมเรียนรู้ทุกอย่างจากรุ่นพี่ ทุกคนพร้อมช่วยเหลือดาวรุ่งอยู่แล้ว เช่นเดียวกับผม หากใครเข้ามาหาผม อยากให้ผมช่วยอะไร ผมก็จะช่วยเต็มที่ แต่เท่าที่ผมดูหลายคนยังขาดความทะเยอทะยาน ซึ่งตรงนี้มันก็ยากที่จะทำให้ทีมประสบความสำเร็จ”
คำกล่าวของ โรนัลโด้ บอกเล่าถึงความเซ็งได้เป็นอย่างดี แถมยังมีข่าวกอสซิปเกี่ยวกับความไม่แฮปปี้กับสภาพทีมโดยรวมบ่อยครั้ง ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เขาตั้งความหวังไว้กับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ณ ปัจจุบันต่างกันลิบลับ
คุณจะพยายามต่อไปเพื่ออะไรในเมื่อคนรอบข้างยังคงเอ้อระเหยลอยชาย? คุณมาซ้อมเป็นคนแรกและกลับเป็นคนสุดท้ายในทุกๆวันไปเพื่ออะไร ในเมื่อคนอื่นยังขาดลามาสาย.. นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของความเซ็งของ โรนัลโด้ อย่างไม่ต้องสงสัย
ปัญหาเชิงโครงสร้าง
ปัญหาของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หากนับนิ้วอย่างเป็นทางการก็ต้องบอกว่ามันปรากฏชัดทันทีตั้งแต่วันที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือไปเมื่อปี 2013 และปัญหาในเวลานี้เรียกได้ว่าไม่ต้องชี้เป้ากันให้เมื่อยตุ้ม เพราะไม่ว่าจะชี้ไปตรงไหนก็บอกได้ว่ามีปัญหา มีเรื่องให้ติทั้งนั้น ตั้งแต่หัวถึงหาง
จะให้อธิบายเรื่องนี้ยาวๆก็ได้ แต่เชื่อว่าหลายคนคงจะเบื่อกันเสียก่อน ดังนั้น เราจะอธิบายให้เห็นภาพง่ายที่สุดด้วยการเปรียบเทียบกับทีมที่ดีที่สุดในลีก ณ เวลานี้อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ว่าพวกเขาต่างกับ ยูไนเต็ด ตรงไหนบ้าง?
ซิตี้ แต่งตั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, ลิเวอร์พูล แต่งตั้ง เยอร์เก้น คล็อปป์ ทั้งสองคนเป็นกุนซือที่เก่งและมีดีกรี ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทุกวันนี้พวกเขายกระดับทีมจนทิ้งทีมอื่นเป็นทุ่งได้ก็เพราะการสนับสนุนจากบอร์ดบริหาร และการมีเพื่อนคู่คิดที่คอยทำงานร่วมกัน ในที่นี้เราหมายถึงผู้อำนวยการกีฬาที่มีหน้าที่คอยหารือเกี่ยวกับเรื่องการซื้อขายให้ทุกอย่างลุล่วงไปด้วยดี
เป๊ป และ คล็อปป์ ได้ในสิ่งที่เปรียบได้กับ “ป้ายทองอาญาสิทธิ์” จากฮ่องเต้ พวกเขาสามารถจะฟันนักเตะคนไหนในทีมทิ้งก็ได้หากนักเตะคนนั้นไม่ได้มีประโยชน์หรือเป็นปัญหากับทีม
และเมื่อถึงเวลาที่ตลาดซื้อขายเปิดขึ้น เป๊ป และ คล็อปป์ ก็มีสิทธิ์เลือกนักเตะที่พวกเขาต้องการจริงๆ นักเตะที่เข้ามาแล้วจะต้องสร้างความแตกต่างและมีประโยชน์กับทีม
ขณะที่ ยูไนเต็ด เอาแค่นักเตะที่มีในทีม ณ เวลานี้หลายคนก็ไม่ตอบโจทย์ทีมอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเรื่อง อายุ, ทัศนคติ, ความมุ่งมั่น และ ฟอร์มการเล่น ยกตัวอย่างง่ายๆ ณ ตอนนี้ ยูไนเต็ด มีนักเตะที่พวกเขาแทบไม่ใช้งานในทีมชุดใหญ่เยอะมาก นักเตะที่อายุมากเกินไปจนใช้งานไม่ได้เช่น เนมานยา มาติช และ ฆวน มาต้า นักเตะที่มีปัญหาเรื่องสัญญาและมีข่าวย้ายทีมตลอดเวลาอย่าง ปอล ป็อกบา และ เจสซี่ ลินการ์ด นักเตะดาวรุ่งที่เหมือนจะดีแต่ก็ไม่พัฒนาตัวเองสักทีอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด นักเตะที่ค่าตัวแพงเกินกว่าผลงานอย่าง แฮร์รี่ แม็คไกวร์ และ อารอน วาน บิสซาก้า นักเตะที่ทำท่าจะดีแต่ก็มีปัญหานอกสนามอย่าง เมสัน กรีนวูด.. นี่คือตัวอย่างคร่าวๆ
เรื่องนี้มันเกี่ยวกับ โรนัลโด้ แน่นอน เพราะตลอดชีวิตการค้าแข้งของ โรนัลโด้ เขามีเพื่อนร่วมทีมรอบตัวที่เป็นนักเตะระดับโลกหรืออย่างน้อยๆก็มีทัศนคติในแง่บวก และมีความเป็นผู้ชนะอยู่ในตัวทั้งนั้น
ขณะที่ ยูไนเต็ด ณ เวลานี้ปัญหาเดิมสาละวนมา 4-5 ปีแล้ว เช่น เรื่องระบบการเล่นไหนเหมาะสมที่สุดสำหรับทีม, 11 ผู้เล่นตัวจริงที่ดีที่สุดคือใคร, ใครจะเข้ามาเป็นเฮดโค้ชคนต่อไป, ใครควรนั่งตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาที่ต้องเป็นคนรู้เรื่องฟุตบอลจริงๆ.. นี่แค่ยกตัวอย่างจากข่าวและการวิจารณ์จากกูรูในต่างประเทศ ทั้งหมดนี้ก็พอจะแสดงให้เห็นได้ว่า ยูไนเต็ด นั้นมีปัญหาเกินกว่าที่จะทำให้ โรนัลโด้ มีความสุขกับสิ่งรอบตัวเขาได้
หนำซ้ำความเซ็งยิ่งทวีคูณเมื่อปัญหาเหล่านี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะแก้กันได้ง่ายๆ ทุกวันนี้เจ้าของสโมสรอย่าง ตระกูลเกลเซอร์ ที่ควรจะแก้ไขและใส่ใจกับทุกปัญหาของทีม ก็ยังคงทำงานผ่านลูกน้องคนสนิทอย่าง เอ็ด วู้ดเวิร์ด ต่อมาจนถึงคนปัจจุบันอย่าง ริชาร์ด อาร์โนลด์ และฟุตบอลไดเร็กเตอร์อย่าง จอห์น เมอร์เท่อห์ ที่เป็นแค่คนเก่าหน้าใหม่ (เมอร์เท่อห์ เข้ามาบริหารทีมยูไนเต็ดครั้งแรกในยุค เดวิด มอยส์ ปี 2013) คนเหล่านี้อยู่กับทีมพร้อมๆกับยุคของปัญหาเชิงโครงสร้างที่เกิดขึ้น แต่ทุกวันนี้พวกเขาก็ยังได้รับสิทธิ์ในการตัดสินใจแทน “ฮ่องเต้” อย่างตระกูลเกลเซอร์อยู่เลย
ครั้นจะให้เจ้าของลงมาดูงานและเร่งจี้จุดแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเอง ทุกวันนี้เราก็เห็นๆกันอยู่ว่าร้อยวันพันปี ตระกูลเกลเซอร์ถึงจะมาปรากฏตัวในสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด สักครั้ง แตกต่างกับผู้บริหารและเจ้าของสโมสรอื่นๆอย่างสิ้นเชิง การไม่ใส่ใจทีมเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เราทึกทักกันไปเอง มีข่าวกอสซิปมากมายที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับกระแสตอบรับจากแฟนบอลท้องถิ่นที่ใช้สถานะคำว่า “เกลียด” เจ้าของสโมสรอย่าง เกลเซอร์ ได้อย่างเต็มปาก
โรนัลโด้ เหมือนโดนหลอกให้มาอยู่ท่ามกลางปัญหาที่เขาไม่มีอำนาจพอที่จะแก้ไข เหมือนกับคุณเป็นพนักงานในองค์กรหนึ่งที่ต่อให้ขยันทำงานแค่ไหนแต่ผลตอบแทนก็ยังเท่าเดิม เงินเดือนก็ไม่ขึ้น โบนัสก็ไม่มี ชื่อเสียงดีกรีก็ไม่ดีขึ้นเลย แค่คิดแบบนี้ก็ท้อแท้หัวใจแทนโรนัลโด้เเล้ว
ความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่ต้องอยู่กับปัญหาและข่าวแง่ลบในทุกวันๆ ก็ไม่แปลกเลยที่สื่อทุกสำนักต่างฟันธงกันว่า โรนัลโด้ กำลังไม่มีความสุขกับสถานการณ์ ณ ปัจจุบันของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่ โรนัลโด้ พอจะทำได้
เรากล่าวถึงเรื่องราวแย่ๆมามากพอแล้ว หากเป็นคนอื่นที่โดนแบบนี้มีหวังออกอาการ “โยนเกม” เตรียมหาลู่ทางย้ายทีมไปแล้ว แต่ โรนัลโด้ มีสิ่งหนึ่งที่ติดตัวเขามาตลอดนั่นคือความเป็นมืออาชีพ และเขาก็เป็นคนที่ทะเยอทะยานเสมอ ต่อให้ใครไม่ฮึดไม่สู้ อย่างน้อยที่สุดเขาก็พยายามเพื่อตัวเองก็ยังดี
เรื่องที่ยืนยันเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นสดๆร้อนๆ เมื่อนักข่าวหลายสำนักไปรอถ่ายรูปนักเตะ ยูไนเต็ด ก่อนเข้าสนามซ้อมแคร์ริงตัน เพื่อตามข่าวกอสซิปที่กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงแทบทุกวัน
โรนัลโด้ เองก็เป็นคนที่โดนวิจารณ์เยอะ เพราะนับตั้งแต่ปี 2022 เขายังยิงประตูไม่ได้เลยแม้แต่ลูกเดียว และเขาก็ไม่เคยยิงประตูไม่ได้ติดต่อกันนานถึง 6 เกมแบบนี้ หลังจากที่เหล่านักข่าวตามถ่ายภาพ สื่ออย่าง “เดอะ ซัน” ที่เก่งเรื่องซุบซิบลงข่าวว่า โรนัลโด้ ในวัย 37 ปียังคงเป็นนักเตะคนแรกที่มาซ้อมตอน 9:20 น. และยังคงกลับบ้านเป็นคนสุดท้ายคือตอน 14:20 น. เหมือนเดิมกับที่เขาเป็นมาโดยตลอด
เรื่องที่ โรนัลโด้ จะเบื่อหน่าย เซ็ง หรือไม่มีความสุขกับทีม ณ เวลานี้ มีโอกาสเป็นเรื่องจริงสูง ย้อนกลับไปตอนในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เขาโดนนักข่าวถามว่า ยูไนเต็ด จะทำแต้มไล่ ลิเวอร์พูล ได้ทันหรือไม่? โรนัลโด้ ตอบทันทีว่า “เป็นไปไม่ได้เลย นั่นคือเรื่องสำคัญ”
“ผมไม่ยอมรับกับทัศนคติที่น้อยกว่าการจบท็อปทรีในพรีเมียร์ลีก ผมคิดว่าการสร้างสิ่งดีๆ บางครั้งคุณต้องทำลายบางสิ่งไป ผมหวังว่ายูไนเต็ดจะอยู่ในระดับที่แฟนบอลคาดหวัง พวกเขาสมควรได้รับสิ่งนี้ เรามีความสามารถที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ตอนนี้ได้ ผมรู้วิธี แต่ผมจะไม่พูดที่นี่ เพราะมันคงไม่ถูกต้องถ้าผมพูดออกไป” นี่คือสิ่งที่ โรนัลโด้ กล่าวกับ Goal.com
ทว่าภายใต้ความเซ็งทั้งหมด โรนัลโด้ ยังคงมีความมุ่งมั่นและมีความเชื่อหลงเหลืออยู่บ้าง เขาเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จมาตลอด 10 ปีหลังสุด และเขาก็อยากจะทำมันต่อไป ที่สุดเเล้วต่อให้ทีมหรือคนรอบข้างจะแย่ขนาดไหน แต่เขายังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพของตัวเองอยู่เสมอ ถ้าใครไม่ทำ เขาจะทำให้ดีที่สุด ส่วนจะเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ ไม่สำคัญ เพราะยี่ห้อ โรนัลโด้ สามารถยืนยันได้ว่าเขาจะไม่ถอดใจกลางคันอยู่เเล้ว
“เรายังเล่นดีกว่านี้ได้ แมนเชสเตอร์คู่ควรกับสิ่งที่สำคัญ ดังนั้น เราต้องเปลี่ยนแปลงมัน”
“ผมไม่ได้มาอยู่ที่นี่เพื่อจบที่อันดับ 6 หรือ 7 ผมมาที่นี่เพื่อคว้าแชมป์และสู้กับทีมอื่น แต่เรายังไม่ได้อยู่ในระดับที่ดีที่สุด เรายังพัฒนาได้มากกว่านี้อีกเยอะ ผมเชื่อว่าถ้าเราเปลี่ยนวิธีคิด เราจะประสบความสำเร็จได้”
โรนัลโด้ ยังคงหวังเล็กๆให้ทุกคนทำแบบที่เขาทำได้ ส่วนเพื่อนร่วมทีมจะจัดให้เขาได้มากแค่ไหน ผลลัพธ์ต้องไปรอดูกันตอนจบฤดูกาลเท่านั้น