sportpooltoday

ฟิออเรนติน่า – ยูเวนตุส : จุดเริ่มต้นความขัดแย้งเพราะ “โรแบร์โต้ บาจโจ้”


ฟิออเรนติน่า - ยูเวนตุส : จุดเริ่มต้นความขัดแย้งเพราะ "โรแบร์โต้ บาจโจ้"

ยูเวนตุส คือสโมสรที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประเทศอิตาลี และเป็นธรรมดาที่เมื่อคุณเก่งที่สุด คุณก็จะกลายเป็นที่ชังและหมั่นไส้ของคนรอบข้างเสมอ ดังนั้น ยูเวนตุส จึงเป็นหนึ่งในทีมที่ถูกทั้งลีกรุมเกลียดชังและมีคู่อริมากที่สุดเช่นกัน

พวกเขาแย่งความสำเร็จกับ อินเตอร์ มิลาน และ เอซี มิลาน เป็นอริร่วมเมืองกับ โตริโน่ แต่มีโจทย์ของพวกเขา 1 ทีมที่แต่เดิมทีแล้วไม่ได้เกลียดกันมากมายนัก จนกระทั่งวันที่ ยูเวนตุส ไปดึงเอานักเตะที่เก่งที่สุดและเป็นสายเลือดพันธุ์แท้ของสโมสรของพวกเขามานั่นแหละ

สโมสรนั้นคือ ฟิออเรนติน่า และนักเตะคนนั้นคือ โรแบร์โต้ บาจโจ้

Main Stand จะเล่าถึงยอดนักเตะคนนี้ ที่ทำให้แฟนบอลทั้งสองทีมเกลียดกันมาจนถึงปัจจุบัน

ฟลอเรนซ์พันธุ์แท้ 

โรแบร์โต้ บาจโจ้ อาจจะไม่ได้เป็นชาวเมืองฟลอเรนซ์โดยกำเนิดเพราะเกิดที่วิเซนซ่า ตั้งแต่จำความได้เขาเป็นเด็กที่เก่งที่สุดในสนามแข่งขันมาตลอด ตอนอายุ 11 ปี เขาเล่นให้กับสโมสรท้องถิ่นอย่าง คัลโนโญ่ และยิงไป 45 ประตูกับทำไปอีก 20 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 26 เกมเท่านั้น จนกระทั่งมีเกมหนึ่งที่เขาลงสนามและยิงคนเดียว 6 ลูก ประตูสู่การเป็นนักเตะอาชีพก็เริ่มขึ้น

วิเซนซ่า ทีมระดับอาชีพที่เล่นอยู่ในดิวิชั่น 3 หรือ เซเรีย ซี 1 จ่ายเงินซื้อตัวเขาไปด้วยเงินราว 300 ปอนด์ ฝีเท้าของ บาจโจ้ ไม่เคยตกตํ่าลงเหมือนกับเด็กเก่งคนอื่นๆ เพราะตลอดช่วงที่อยู่ในทีมเยาวชนของวิเซนซ่า เขายิงประตูไปกว่า 110 ลูก ก่อนจะได้ประเดิมสนามในเกมระดับอาชีพตั้งแต่อายุ 16 ปีเท่านั้น 

1เรื่องราวของเด็กเทพดำเนินต่อไปอยู่แบบนั้น สไตล์การเล่นของ บาจโจ้ ถูกสื่ออ้างว่าคล้ายกับ ซิโก้ ตัวรุกทีมชาติบราซิล ที่เล่นบอลฉลาด สวยงาม และมีประสิทธิภาพในเวลาเดียวกัน

มันเป็นเรื่องน่าแปลกประหลาดที่นักเตะระดับดิวิชั่น 3 ถูกสื่อจับตามองมากขนาดนั้น บาจโจ้ เองก็มักจะอธิบายเรื่องราวในส่วนนี้ว่าชีวิตค้าแข้งของเขามันก้าวกระโดดเร็วเกินคาดในช่วงแรก จากที่เคยเล่นฟุตบอลเพื่อความสนุก อยู่ดีๆเขาก็กลายเป็นเป้าของสื่อไปโดยไม่รู้ตัว 

ยิ่งนานวันเข้า บาจโจ้ ก็ยิ่งเป็นที่รู้จักและกลายเป็นตัวอันตรายที่คู่ต่อสู้ต้องมาร์กตัวไว้ให้ได้ เขามักจะเจอกับการเข้าปะทะหนักๆเสมอ จนกระทั่งอายุได้ 18 ปี ในวันที่ฝีเท้าของเขากำลังขึ้นหม้อแบบสุดๆ ฝันร้ายก็เกิดขึ้น เมื่อ บาจโจ้ เกิดอาการบาดเจ็บครั้งใหญ่ อาการนี้เกิดขึ้นที่บริเวณเอ็นไขว้หน้าหัวเข่า หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ ACL

ในอดีต การแพทย์ไม่ได้ดีเยี่ยมเฉียบขาดเหมือนในปัจจุบัน ยิ่งในช่วงกลางยุค 80s เราจะคาดหวังให้นักเตะหายเป็นปลิดทิ้งแล้วกลับมาวิ่งและเล่นได้แบบเดิมเหมือนกับนักเตะยุคปัจจุบันอย่าง เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ได้หรือไม่?.. คำตอบของคำถามนี้คือ อาจจะได้ แต่ก็มีความเสี่ยงมากๆที่นักเตะจะไม่สามารถกลับมามีประสิทธิภาพดีเหมือนเก่า 

นาทีนั้นสโมสรยักษ์ใหญ่ทุกทีมที่เคยตามจีบบาจโจ้ ทั้ง ยูเวนตุส, อินเตอร์ มิลาน และทีมอื่นๆ ถอยฉากกันไปหมด เพราะไม่รู้ว่าเขาจะรักษาตัวนานเท่าไหร่ และจะกลับมาเก่งเหมือนเดิมได้ไหม

2ในขณะที่บิ๊กทีมระดับหัวแถวของ เซเรีย อา ถอยกันหมด มีเพียงทีมเดียวเท่านั้นที่ยังเชื่อใจในตัวของ บาจโจ้ นั่นคือ ฟิออเรนติน่า

ฟิออเรนติน่า เป็นทีมเดียวที่เข้าเจรจากับ วิเซนซ่า ทั้งๆที่ บาจโจ้ ยังมีอาการบาดเจ็บติดตัวและคาดว่าต้องรักษากันเป็นปี พวกเขาเดิมพันด้วยเงินค่าตัว 1.5 ล้านปอนด์ กับเด็กอายุ 18 ปีคนนี้ และนั่นคือสิ่งที่ บาจโจ้ ซาบซึ้งใจและเริ่มประทับใจในสโมสรฟิออเรนติน่าตั้งแต่วันนั้น

ที่ใหม่ แต่ไม่ได้เริ่มต้น 

ปี 1985 หรือปีแรกที่ บาจโจ้ ย้ายมาเล่นให้กับฟิออเรนติน่า เขาไม่ได้ลงสนามเลยแม้แต่เกมเดียวเพราะอยู่ในช่วงรักษาตัว อาการบาดเจ็บของเขาเลวร้ายกว่าที่คิด และต้องใช้เวลารวมถึงความอดทนอย่างมากในการรักษา ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่บาจโจ้ยอมรับตามตรงว่ากดดันมาก เพราะอยากจะแสดงผลงานเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองเป็นนักเตะที่ดีแค่ไหน  

3“ช่วงปีแรกกับ ฟิออเรนติน่า ผมเจ็บที่เข่าอย่างรุนแรงแบบสุดๆ ผมเจ็บและทรมานมาก มันเป็นความทรมานแบบ 10 เต็ม 10 เลยด้วยซ้ำ ตอนนั้นผมบอกกับแม่ของผมว่า ถ้ารักผมจริงก็ช่วยฆ่าผมให้ตายตอนนี้เลย” บาจโจ้ กล่าวกับ กัซเซตต้า เดลโล่ สปอร์ต และถ้ามันเจ็บปวดขนาดนั้น อะไรที่ทำให้บาจโจ้ทนความทรมานขนาดนั้นได้? 

นอกจากครอบครัว สิ่งที่บาจโจ้ไม่เคยลืมคือความหวังดีจากแฟนๆฟิออเรนติน่า แม้พวกเขาจะไม่เคยเห็นเขาลงเล่นในสีเสื้อของวิโอล่าเลยสักครั้ง แต่จดหมายอวยพรขอให้หายดีถูกส่งมาที่บ้านของเขาวันละหลายฉบับ ทุกครั้งที่เขาไปโรงพยาบาลทุกคนจะเข้ามาทักทายและอวยพรให้เขาหายเจ็บไวๆ แม้กระทั่งตอนที่ทีมลงแข่งขันในเกมเหย้า แฟนๆก็ร้องเพลงเชียร์บาจโจ้ นี่คือการสนับสนุนที่ บาจโจ้ ยอมรับว่ามีอิทธิพลกับกำลังใจของเขาเป็นอย่างมาก 

“มันคือความทรงจำที่ดีที่สุดตลอดกาล ช่วงเวลาที่แฟนๆฟิออเรนติน่ามอบให้ผมตอนที่ผมยังบาดเจ็บอยู่ คือโมเมนต์สำคัญสำหรับอาชีพนักฟุตบอลของผมอย่างแท้จริง” บาจโจ้ กล่าว 

บาจโจ้ พยายามจะทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองหายดี เพื่อตอบแทนแรงสนับสนุนจากแฟนบอลที่เขาได้รับ เมื่อเขากลับมาลงสนาม บาจโจ้มีทัศนคติที่คิดว่าเขาจะต้องสู้เพื่อทำให้แฟนๆได้มีความสุขกับผลงานของทีมให้ได้

4แฟนบอลของ ฟิออเรนติน่า ทุกคนหลงรักบาจโจ้ เขาคือไอคอนของสโมสร นักเตะตัวเล็กรูปร่างเพรียวบางแต่คล่องแคล่ว เป็นคนถ่อมตัวที่แฟนๆสามารถเข้าถึงเขาได้เสมอ ณ เวลานั้น อัลโด้ อกรอปปี้ (Aldo Agroppi) โค้ชของทีมถึงกับเปรียบเทียบ บาจโจ้ ว่าเป็นราวกับพระเจ้าของแฟนๆ และกล่าวว่า “ขาของ บาจโจ้ เหมือนได้รับการร่ายมนต์มาจากเหล่าทูตสวรรค์ก็ไม่ปาน” นี่คือคำที่อธิบายได้ดีที่สุดแล้วว่า บาจโจ้ เก่งขนาดไหน 

แต่นอกจากความเก่ง บาจโจ้ กลายเป็นคัลต์ฮีโร่ได้ด้วยความทุุ่มเท เขาอาจจะเป็นนักเตะหมายเลข 10 ที่เล่นเกมรุกมากกว่าเกมรับ แต่ทัศนคติของเขาแสดงให้เห็นว่าเขานั้นทุ่มสุดตัวเพื่อทีมเสมอ เขาไม่เกี่ยงที่จะต้องถอยลงมาเล่นเกมรับบ้างในช่วงเวลาที่ทีมเป็นรอง ทั้งหมดนี้เพื่อช่วยให้ทีมได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

“กิจวัตรของผมไม่มีอะไรมากไปกว่าการจดจ่อกับเกมที่จะมาถึง ผมมักพยายามอย่างหนักเพื่อจัดการกับความคิดของตัวเองให้ได้ สั่งการมันให้รู้ว่าในเกมที่จะถึงนี้เราจะต้องทำอะไร ต้องเจอกับผู้เล่นคนไหนสไตล์ใด รวมถึงจะจัดการกับพวกเขาได้อย่างไร”

“ความคิดเหล่านี้ผมไม่ได้พูดเอาเท่ แต่มันเกิดขึ้นเพราะมีแฟนๆเหล่านี้อยู่รอบตัวคุณ พวกเขาสละเงินซื้อตั๋วเข้ามาดูทีมของเราลงแข่งขัน ดังนั้น หน้าที่ของเราก็คือต้องทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อสร้างความบันเทิงและสร้างความสุขให้กับพวกเขา นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมมักจะอยู่ในมุมที่แฟนๆมองเห็นเสมอ”

5เมื่อแฟนๆให้ความรักมา เขาก็จะมอบความรักกลับ ความสัมพันธ์ง่ายๆไม่ซับซ้อนนี้ก่อตัวขึ้นที่เมืองฟลอเรนซ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ที่สุดแล้วตลอดช่วงเวลา 5 ปีที่ บาจโจ้ เล่นให้กับ ฟิออเรนติน่า จะไม่มีแชมป์ใดสักรายการมาประดับตู้สโมสร แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับเขามีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ และทีมก็เริ่มมีทิศทางดีขึ้นเรื่อยๆ หากพัฒนาต่อไป แชมป์แรกของเขากับฟิออเรนติน่าจะต้องมาถึงแน่ 

เพียงแต่ว่าน่าเสียดายที่วันดีๆที่เขาเฝ้าฝันกลับมาไม่ถึง.. นั่นก็เพราะว่า ยูเวนตุส กำลังยื่นข้อเสนอให้กับเขา

การย้ายทีมที่กลายเป็นการสร้างคู่แค้นคู่ใหม่ 

ในปี 1990 ยูเวนตุส เป็นสโมสรที่กำลังเข้าสู่สภาพทีมที่ไร้ความสำเร็จมานานหลังหมดยุคของจอมทัพอย่าง มิเชล พลาตินี่ ที่แขวนสตั๊ดไป ทีมไม่เคยคว้าแชมป์ เซเรีย อา ได้เลยนับตั้งแต่ปี 1986 และนั่นทำให้ตระกูลอัญเญลี ที่เป็นเจ้าของสโมสรคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยนแปลงเรื่องคุณภาพของผู้เล่นในทีม

เนื่องจาก ณ เวลานั้น ทีมอื่นๆต่างก็มีนักเตะเก่งๆเป็น เดอะ แบก กันพร้อมหน้า มิลาน มี มาร์โก ฟาน บาสเท่น, อินเตอร์ มี โลธาร์ มัทเธอุส และ อัลโด เซเรน่า, นาโปลี มี ดิเอโก มาราโดนา ดังนั้น พวกเขาก็จะต้องหานักเตะประเภทนี้มาประดับทีมบ้าง และเมื่อเหลือบตามองในตลาดก็ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่านักเตะอย่าง บาจโจ้ อีกแล้ว เพราะมีอายุไม่มากนัก ฟอร์มกำลังพีค และไม่ได้อยู่กับทีมใหญ่ ทำให้นักเตะอาจจะต้องการขยับขยายในอนาคต 

6แค่ข่าวออกมาแบบนั้นแฟนฟิออเรนติน่าก็เจ็บจี๊ดแล้ว เพราะพวกเขานั้นมีคดีบาดหมางกับยูเวนตุสมาสดๆร้อนๆ ในนัดชิงฟุตบอลยูฟ่า คัพ ฤดูกาล 1989-90 ในแบบที่ค้านสายตาแฟนๆฟิออเรนติน่า เพราะพวกเขาเชื่อว่ากรรมการตัดสินเอนเอียงจนทำให้พวกเขาต้องแพ้ไป ณ ตอนนั้นแฟนบอลของ วิโอล่า เรียก ยูเว่ ว่า “ไอ้พวกขี้ขโมย” และมีกลุ่มแฟนบอลที่ตั้งกลุ่มที่มีชื่อว่า “กลุ่มต่อต้านก็อบบิซซาตา” (กลุ่มคนเกลียดหญิงชรา ซึ่งหมายถึง ยูเวนตุส) ขณะที่อัฒจันทร์ของพวกเขามีการประดับป้ายผ้าที่เขียนข้อความว่า “เราเป็นที่ 2 ก็ยังดีกว่าเป็นไอ้พวกแชมป์ขี้ขโมย” 

แค่นึกภาพก็สะท้านแล้ว เมื่ออยู่ดีๆ ทีมที่เราเกลียดสุดๆ และเพิ่งสร้างแผลใจให้เราไม่กี่เดือนก่อน จะมาดึงตัวนักเตะที่ดีที่สุดในทีมของเราไป และยังเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดที่ทีมมี แค่นี้ก็น่าจะคาดเดาความเดือดของแฟนๆฝั่งฟิออเรนติน่าออกว่ามันเจ็บจี๊ดขนาดไหน เพราะพวกเขารู้ดีว่าโอกาสของการย้ายทีมครั้งนี้มีโอกาสเป็นไปได้สูงมากหากมองในแง่ของการเป็นนักเตะอาชีพ   

แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ในค่ำคืนที่แฟนบอลวิโอล่าไม่อยากเปิดโทรทัศน์ สถานีข่าวทุกเจ้ารายงานยืนยันว่า ยูเวนตุส ได้คว้าตัว โรแบร์โต้ บาจโจ้ มาร่วมทีมแล้วด้วยราคา 8 ล้านปอนด์ และเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลก ณ เวลานั้นด้วย เมื่อการรายงานข่าวสิ้นสุดลง แฟนบอลวิโอล่าทุกคนแทบทุบโทรทัศน์ทิ้งแล้วออกเดินไปบนถนนทันที 

มีการรายงานว่าที่เมืองฟลอเรนซ์ในค่ำคืนที่บาจโจ้ย้ายทีม มีแฟนบอลจำนวนมากออกมาก่อเหตุจลาจลบนถนนสาธารณะ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 50 คน มันคืออาการของคนช็อกที่ทำอะไรไม่ถูก สิ่งที่พวกเขาอยากจะรู้คือใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังดีลนี้?

7“ยูเวนตุส เล่นไม้ไหนถึงเอาหัวใจของพวกเราไปได้?”, “ประธานสโมสรของพวกเรามันคือไอ้ตัวดีที่ผลักดันเรื่องนี้ใช่ไหม?” หรือ “บาจโจ้ หมดรักพวกเราแล้วจริงๆ” พวกเขาอยากจะได้คำตอบของคำถามนี้ ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน บาจโจ้ ก็เป็นคนที่ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า 

“ถึงแฟนบอลฟิออเรนติน่าทุกคน การย้ายทีมครั้งนี้เกิดขึ้นจากการที่ผมถูกบังคับให้ทำให้มันเกิดขึ้น” เมื่อสิ้นเสียงอธิบายของบาจโจ้ ความโกรธแค้นระลอกใหญ่ก็เดินหน้าต่อทันที 

แฟนบอล ฟิออเรนติน่า ไม่ต้องรอกันนานเลย เพราะอีกไม่ถึง 1 ปีให้หลัง ยูเวนตุส ทีมใหม่ของ บาจโจ้ จะต้องเดินทางมาที่เมืองฟลอเรนซ์เพื่อเล่นเกมเยือน ณ นาทีนั้นแฟนบอลพร้อมใจกันพาเหรดเข้าสนาม และต่อให้คุณไม่มีตั๋วเข้าชม คุณก็ขอแค่ให้ได้เข้ามาด่าใส่หน้านักเตะหรือผู้บริหารของยูเวนตุส หรือแม้กระทั่งผู้บริหารทีมของพวกเขาเองที่ปล่อยให้ดีลนี้เกิดขึ้น 

“บรรยากาศในเกมนั้นเข้มข้นที่สุดในชีวิตที่ผมเข้าไปดูทีมของเรา ตั้งแต่ก่อนแข่งแฟนบอลของเราออกอาละวาดกันบนท้องถนนจนเกิดความตึงเครียดครั้งใหญ่ มันเป็นการแสดงให้เห็นว่าเมืองฟลอเรนซ์ยังคงเจ็บปวดกับการย้ายทีมของ บาจโจ้ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรออกมาก็ตาม” จานคาร์โล รินัลดี้ (Giancarlo Rinaldi) แฟนเดนตายของ ฟิออเรนติน่า กล่าวกับสื่อ The Guardian 

เกมนั้น บาจโจ้ และทุกๆคนที่เกี่ยวข้องกับดีลนี้ โดนด่าทอขว้างปาสิ่งของกันตั้งแต่บนรถบัสที่กำลังจะเข้าสนาม เมื่อถึงตอนลงสนามแฟนบอลของเจ้าบ้านก็ยังไล่โห่เขาทุกจังหวะ เขาอาจจะพูดแก้ตัวมาแล้ว แต่มันเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อรักมากก็เกลียดมาก จะพูดอะไรก็ช่าง ปลายทางคุณก็ย้ายทีมไปเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือ? นั่นแหละคือสิ่งที่แฟนบอลฟิออเรนติน่าคิด


เกมนั้นบาจโจ้เล่นไม่ออกเลย เพราะความกดดันเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ เขาพยายามยิงก็ยิงพลาด หรือไม่ก็โดนเพื่อนเก่าของเขาอย่าง จานมัตเตโอ มาเรจจินี่ ประตูของฝั่ง ฟิออเรนติน่า ปัดทิ้งไว้ได้หมด

อารมณ์ในเกมวันนั้นไม่ใช่แค่แฟนบอลที่เดือด นักเตะฝั่งฟิออเรนติน่าเองก็ไล่หวดใส่บาจโจ้และเพื่อนร่วมทีมใหม่ของเขาไม่ยั้งเหมือนกัน มันเป็นอารมณ์สู้แค่ตายของฝั่งเจ้าบ้าน และพวกเขาก็ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากฟรีคิกของ ดิเอโก ฟูแซร์  

ยูเวนตุส มาได้โอกาสตีเสมอที่ดีที่สุดเมื่อทีมได้จุดโทษ โดยปกติตอนที่อยู่กับ ฟิออเรนติน่า บาจโจ้ จะรับหน้าที่สังหาร 100% และมีอัตราความแม่นยำสูงมาก แฟนๆของพวกเขารู้ดีว่าถ้าบาจโจ้เป็นคนถือบอลเข้ามายิง งานนี้เป็นประตูแน่นอน แต่แล้ว บาจโจ้ กลับปฏิเสธการยิงจุดโทษครั้งนั้นและปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเพื่อนร่วมทีมคนอื่นยิงแทน ซึ่งสุดท้ายมันก็ไม่เข้าอยู่ดี 

9ยูเวนตุส แพ้ในเกมนั้น แต่ไฮไลท์อยู่ที่ บาจโจ้ คนเดียวล้วนๆ เพราะนอกจากเขาจะปฏิเสธการยิงจุดโทษแล้ว ตอนที่เขาโดนเปลี่ยนตัวออกจากสนาม เขาก็ทำในสิ่งที่ทำให้แฟน ฟิออเรนติน่า ใจเย็นและลดความโกรธแค้นลงได้เยอะ เพราะขณะที่เขากำลังเดินออก มีแฟนบอลโยนผ้าพันคอของ ฟิออเรนติน่า มาให้ บาจโจ้ เก็บมันขึ้นมาแล้วเอามาคล้องคอ ก่อนจะโบกมือให้กับแฟนๆฟิออเรนติน่า ในโซนอัลตร้า เพื่อเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ว่า “ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง” 

จบเกมดังกล่าว ฟิออเรนติน่า ชนะ ยูเวนตุส ได้ตามเป้า 1-0 ขณะที่ เรื่องราวของ บาจโจ้ ยังคงถูกปิดเป็นความลับว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้เขาต้องเอาใจแฟนบอลฟิออเรนติน่าขนาดนั้น แม้กระทั่งวันที่เขาเป็นนักเตะของยูเวนตุส จนกระทั่งเวลาผ่านไป 30 ปี บาจโจ้ ก็มาเฉลยด้วยตัวเองว่า “เขาไม่ได้อยากจะย้ายออกจากฟิออเรนติน่าจริงๆ ณ เวลานั้น”

“พูดตรงๆ ผมไม่ได้อยากออกจาก ฟิออเรนติน่า เลย การที่ ฟลาวิโอ ฟอนเตลโล่ (ประธานของฟิออเรนติน่า) บอกว่าผมต้องการเติบโตในอาชีพค้าแข้งมันไม่ใช่เรื่องจริง สิ่งที่ผมรู้คือ ผมถูกเรียกไปคุย และเขาก็บอกผมว่า -โรบี้ นายจะต้องย้ายไปอยู่กับ ยูเวนตุส เพราะผมตกลงกับพวกอัญเญลี่แล้ว-“ บาจโจ้ ในวัย 50 กว่าๆ เล่าเหตุการณ์ในอดีต 

10“ผมอยากจะอยู่กับ ฟิออเรนติน่า ไปอีกสักพัก ตอนนั้นผมอายุ 23 ปี และผมรู้สึกจริงๆว่าเรายังไม่ได้แชมป์อะไรเลย นั่นเท่ากับว่าผมยังไม่ได้ตอบแทนแฟนๆที่สนับสนุนผมมาโดยตลอด ในวันที่ตัวของผมทรุดโทรมย่ำแย่ เข่าของผมมีปัญหา ชาวเมืองนี้ต่างช่วยเหลือและส่งกำลังใจให้กับผม ทุกครั้งที่ผมยิงประตูได้พวกเขาจะออกมาเฉลิมฉลองกันเต็มท้องถนน แล้วแบบนี้จะให้ผมลืมพวกเขาได้อย่างไร?” 

จะเกิดอะไรขึ้นตอนนั้นก็ไม่สำคัญอีกแล้ว เพราะนั่นคือเรื่องราวในอดีต และมันก็ยาวนานเกินกว่าจะมาพูดว่าใครพูดจริงใครโกหก แต่ความจริงที่ยังคงดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้คือ ยูเวนตุส ยังคงเป็นทีมที่แฟนฟิออเรนติน่าเกลียดเข้าไส้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง 

ไม่ว่าจะผ่านเรื่องราวอริกันมาหลายยก ไม่ว่าจะมีนักเตะ ฟิออเรนติน่า อีกกี่คนที่ย้ายไปอยู่กับ ยูเวนตุส อย่าง เฟเดริโก้ แบร์นาร์เดสคี่ เมื่อปี 2017, เฟเดริโก้ เคียซ่า เมื่อปี 2020 หรือ ดูซาน วลาโฮวิช ที่กำลังจะย้ายไป ยูเวนตุส ในปี 2022 นี้ แต่การชิง โรแบร์โต้ บาจโจ้ นักเตะที่พวกเขารักมากที่สุดไป ยังคงเป็นหนึ่งในสิ่งที่แฟนบอลฟิออเรนติน่าไม่เคยลืม