ฟุตบอล เอฟเอ คัพ
รอบ 8 ทีมสุดท้าย
วันที่ 19 มีนาคม 2566
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1 ฟูแลม
สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ฟูแลม 9 คนกับ 3 ใบแดง
ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าจุดเปลี่ยนของเกมวันนี้อยู่ในนาทีที่ 75 จังหวะที่ เจดอน ซานโช หลุดเดี่ยวไปล็อคหลบ เลโน เหลือเพียงปากประตูโล่ง ๆ ก่อนจะยิงเอาชัวร์ ซึ่งบอลกำลังจะเข้าประตูแต่ วิลเลียน ไม่รู้พุ่งมาจากไหนกระโดดบล็อคบอลออกไปได้อย่างหวุดหวิด
ซึ่งนั่นคือที่มาของความหายนะของ ฟูแลม เลยก็ว่าได้ เพราะหลังจาก คริส คาวานาจ ตัดสินใจเดินไปดู VAR ก็แวะแจกใบแดงแรกให้กับ มาร์โก ซิลวา กุนซือทีมเยือนไปก่อนหนึ่งใบคาดว่าน่าจะจากการใช้คำไม่สุภาพด่าทอผู้ตัดสิน พอเช็ค VAR เสร็จก็เดินไปแจกใบแดงให้กับ วิลเลียน ต่อข้อหาเอามือปัดบอล แต่แล้ว อเล็กซานเดอร์ มิโตรวิช กลับวิ่งมาสวดใส่ผู้ตัดสินชุดใหญ่พร้อมกับฉุดกระชากจนต้องรับใบแดงไปอีก 1 ใบ
นั่นเท่ากับว่านอกจากเสียจุดโทษพวกเขายังต้องเหลือ 9 คนในสนาม บางทีการตัดสินใจช่วงเสี้ยววินาทีมันก็ตัดสินเกมได้จริงๆ เพราะหาก วิลเลียน พยายามใช้หน้าอกรับหรืออย่างแย่ก็คือปล่อยเข้าไปเลย บางทีผลที่ออกมาก็อาจจะแค่เสมอ แต่ก็ยังมีผู้เล่นเท่ากันแล้วค่อยไปว่ากันใหม่แค่นั้น…
มิโตรวิช ,วิลเลียน แบกเกมรุก
หากไม่นับเหตุการณ์ 3 ใบแดงที่กล่าวไป ต้องยอมรับว่า ฟูแลม สู้ได้สูสีและทำได้ดีกว่าเลยก็ว่าได้จากการออกนำก่อน 0-1 ในช่วงครึ่งเวลาหลัง เพราะในช่วง 70 นาทีแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้จะครองบอลได้มากกว่าแต่ก็ไม่สามารถกดดันอะไรทีมเยือนได้มากนัก แถมยังโดนลูกสวนกลับเล่นงานจน ดาบิด เด เคอา ต้องออกแรงเซฟหลายต่อหลายครั้ง
แน่นอนตัวอันตรายของพวกเขาก็คือหัวหอกอย่าง อเล็กซานเดอร์ มิโตรวิช ที่ทั้งสูงทั้งใหญ่เก็บบอลก็ได้เปิดโหม่งก็ดีชนิดที่ลูกกลางอากาศดูจะเป็นฝ่ายเก็บกินได้หมด รวมถึงอกีรายคือ วิลเลียน สตาร์วัย 34 แต่ยังพริ้วเหมือนสมัย 27 กระชากลากเลื้อยสร้างความปั่นป่วนให้แนวรับ ปีศาจแดง ได้เป็นอย่างดี
เสียดาย.. ที่โดนใบแดงพร้อมกันเลยทั่งคู่ มิฉะนั้นพวกเขาอาจจะเป็นฝ่ายเข้ารอบแทนไปแล้วก็เป็นได้ ใครจะรู้
ไม่มีใครแทน “กาเซมิโร” ได้
หลังเกมหลายคนอาจจะมองว่าการขาด กาเซมิโร ไปก็ไม่ได้ส่งผลอะไร แต่หากได้ดูรูปเกมในค่ำคืนนี้บอกได้เลยว่า “เป็น” และเป็นมากเสียด้วย เพราะเกมนี้การส่ง แมคโทมิเนย์ ลงมาจับคู่กับ ซาบิตเซอร์ ทำให้มิติเกมแดนกลางของพวกเขาแทบจะหายไปโดยสิ้นเชิง
โดยเฉพาะกับ สกอตตี้ ที่ก็ตามสไตล์เล่นทื่อๆ ง่ายๆ ไม่มีอะไรพิเศษจนแทบไม่มีบทบาทกับการสร้างสรรค์เกมเลย แตกต่างกับ กาเซมิโร ที่มีลูกฝีมือลูกใช้สมองโชว์คลาสส์บอลสร้างความแตกต่างได้ และนั่นกลายเป็นว่าเมื่อกลางขับเคลื่อนเกมไม่ได้ข้างหน้าก็ต้องรอบอลยาวสถานเดียว ฟูแลม ก็เก็บกินสบาย ทำเกมสวนกลับย้อนเข้าพื้นที่อันตรายจน เด เคอา ต้องออกแรงหลายครั้ง
กระทั่งเมื่อ เอริค เทน ฮาก แก้เกมเปลี่ยน แมคโทมิเนย์ ออกถอย บรูโน ลงต่ำ เกมกลับดูมีมิติขึ้นมาทันตาโดยเฉพาะลูกสวนกลับที่เป็นจุดเปลี่ยนของเกม ไม่แน่หากมี แมคโท ในสนาม จังหวะนั้นอาจหลับหูหลับตาเคลียร์ยาวไปเข้ามือ เลโน แล้วก็เป็นได้
งานหนักยังคงรอพวกเขาอยู่
ชัยชนะในเกมนี้ของ ปีศาจแดง ทำให้เราได้ 4 ทีมสุดท้ายของ เอฟเอ คัพ ฤดูกาลนี้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งคู่แข่งในรอบต่อไปของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือ ไบรท์ตัน ยอดทีมม้ามึดผลงานดีที่เคยอัดพวกเขาในลีกมาแล้ว
ส่วนอีกคู่ตัวเต็ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะพบกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ซึ่งทั้งสองเกมจะแข่งขันกันใน เวมบลีย์ แบบนัดเดียวรู้ผล แน่นอน ไบรท์ตัน ไม่ใช่งานง่าย แต่คิดในแง่ดีก็ดีกว่าเจอกับ แมนฯ ซิตี้ อย่างไรก็ตามหากพวกเขาจะชูถ้วยใบนี้ยังไงก็หนีไม่พ้นแม้จะผ่าน ทัพนกนางนวล ไปได้มีโอกาสสูงมากที่คู่แข่งในรอบชิงชนะเลิศจะเป็นคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง เรือใบสีฟ้า
หรือถ้าจะเอาสบาย ๆ กว่านั้นคงต้องสวดภาวนาให้ เชฟฯ ยู พลิกล็อคเชือด ซิตี้ ให้ได้แทน แต่อย่าลืมว่าพวกเขาต้องผ่าน ไบรท์ตัน ให้ได้ด้วย ฉนั้น 22-23 เมษายนนี้รอบ 4 ทีมสุดท้ายห้ามพลาด!