ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม
คืนวันอังคารที่ 7 ธันวาคม 2021
เอซี มิลาน 1-2 ลิเวอร์พูล
สนาม: ซาน ซิโร
ลิเวอร์พูล ส่งท้ายนัดสุดท้ายของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มด้วยการบุกไปเอาชนะ เอซี มิลาน ถึงถิ่น 2-1 จากประตูของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ดิว็อค โอริกี หลังจากถูกขึ้นนำไปก่อนโดย ฟิคาโย โทโมรี
เกมออกสตาร์ทด้วยประตูขึ้นนำของเจ้าถิ่นตั้งแต่นาทีที่ 29 เมื่อลูกเตะมุมของ อเลสซิโอ โรมันโญลี โค้งไปที่เสาแรกผ่าน ทาคูมิ มินามิโนะ ที่สกัดวืดก่อนจังหวะสุดท้ายจะเป็น โทโมรี เก็บตกส่งบอลสู่ก้นตาข่ายในระยะเผาขนะ
หงส์แดง ตามตีเสมออีก 7 นาทีให้หลังเมื่อ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน ลากตะลุยเดี่ยวฝ่าดงผู้เล่นเจ้าถิ่นเข้าไปซัดติดเซฟของ ไมค์ เมญ็อง กระฉอกออกมาเข้าทาง ซาลาห์ ตามซ้ำไม่เหลือ ให้ครึ่งแรกจบลงด้วยสกอร์ 1-1
ประตูชัยของ เร้ดแมชีน เกิดขึ้นในนาทีที่ 55 โดยเป็นจังหวะที่ ซาดิโอ มาเน เก็บตกการผ่านบอลพลาดของ โทโมรี ที่หน้าปากประตูตนเอง สตาร์ทีมชาติ เซเนกัล ยิงไปติดเซฟ เมญ็อง ก่อนที่บอลจะเป็นใจกระดอนมาเข้าทาง โอริกี โหม่งสู่ก้นตาข่ายโล่งๆ
คะแนนนักเตะลิเวอร์พูล
11 ผู้เล่นตัวจริง: อลิสซอน (7/10); วิลเลียมส์ (7/10), ฟิลลิปส์ (7/10), โคนาเต้ (8/10), ซิมิคาส (7/10); มอร์ตัน (7/10), อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน (8/10), มินามิโนะ (7/10); ซาลาห์ (7/10), โอริกี (7/10), มาเน (7/10)
ตัวสำรอง: เกอิต้า (7/10), โกเมซ (7/10), ฟาบินโญ (N/A), โวล์แมน (N/A), เบรดี้ (N/A)
คีย์แมน ลิเวอร์พูล – อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลนในเกมที่ 3 ประสานแดนกลางของ หงส์แดง มี ทาคูมิ มินามิโนะ, ไทเลอร์ มอร์ตัน และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน ประสานงานร่วมกัน กลายเป็น ดิอ็อกซ์ ที่รับบทบาทผู้นำที่กลางสนาม เคลื่อนที่บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ในการเล่นแบบหมายเลข 8 รับผิดชอบทั้งเกมรับและปั้นเกมรุกให้กับทีม ขับเคลื่อนบอลจากแดนกลางไปหน้า
การพาบอลเลี้ยงฝ่าผู้เล่นของ มิลาน เข้าไปซัดไกลเป็นที่มาของการได้ประตูตีเสมอ 1-1 เมื่อ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เก็บตกลูกยิงของเขาได้ในกรอบเขตโทษและตามซ้ำเหน่งๆ
ประเด็นหลังเกม ลิเวอร์พูลทีมชุดผสมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ปิดฉากได้อย่างสวยหรูกับการคว้าชัยทั้ง 6 เกมในรอบแบ่งกลุ่มของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นับเป็นการสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมจาก อังกฤษ ทีมแรกที่สามารถคว้าชัยชนะได้ทุกนัด
ไม่เพียงเท่านั้น บรรดาแข้งวัยกระเตาะและเหล่าตัวสำรองยังพาเหรดเล่นอย่างมั่นใจและกระตือรือล้นโดยเฉพาะ ไทเลอร์ มอร์ตัน มิดฟิลด์วัย 19 ปีที่ลงสนามเต็มทั้ง 90 นาที
ขณะที่ 1 ประตูของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่เขาทำได้ในเกมนี้ทำให้สตาร์ทีมชาติ อียิปต์ กลายเป็นนักเตะคนแรกของ ลิเวอร์พูล ที่ยิงได้แตะหลัก 20 ประตูเมื่อรวมทุกรายการเป็นฤดูกาลที่ 5 ติดต่อกันนับตั้งแต่ที่ เอียน รัช ทำได้ระหว่างซีซัน 1981/82-1986/87