การแข่งขัน ฟุตบอล คาราบาว คัพ นัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง “สิงห์บลูส์” เชลซี พบกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่สนาม เวมบลีย์ สเตเดี้ยม, ลอนดอน เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2565
เริ่มเกมมา 6 นาที เชลซี เกือบได้ประตูนำจากจังหวะที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ พาบอลขึ้นหน้าก่อนจ่ายออกขวาให้ เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า เปิดเร็วเข้าเขตโทษถึง คริสเตียน พูลิซิช แปด้วยซ้ายจ่อๆ ติดเซฟ เคามิน เคลเลเฮอร์
นาทีที่ 18 ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นบ้างจากลูกเปิดเข้าเขตโทษของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จากกลางสนาม ซาดิโอ มาเน่ เทกตัวโหม่งโล่งๆ แต่โดนไม่ดีบอลหลุดกรอบออกไปไกล
นาทีที่ 30 “หงส์แดง” เกือบได้อีกครั้ง นาบี เกอิต้า ตั้งป้อมอัดด้วยขวาหน้าเขตโทษ เอดูอาร์ เมนดี้ พุ่งปัดได้ปลายมือ ซาดิโอ มาเน่ ปรี่เข้ายิงซ้ำจ่อๆ แต่ นายด่านทีมชาติเซเนกัล ยังไวลุกมาปัดได้อีกครั้งเหลือเชื่อ
นาทีที่ 45 “สิงห์บลูส์” น่าจะได้ประตูขึ้นนำแบบสุดๆ จากจังหวะโต้กลับ ไค ฮาแวร์ตซ์ ได้บอลริมเส้นก่อนเปิดเข้าเขตโทษให้ เมสัน เมาท์ ได้เอี้ยวตัวยิงโล่งๆ หลุดเสาออกไปเหลือเชื่อ หมดครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0
กลับมาเล่นต่อครึ่งหลังนาทีที่ 49 เชลซี พลาดได้ประตูเหลือเชื่อ คริสเตียน พูลิซิช ตักบอลให้ เมสัน เมาท์ หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษก่อนแปด้วยขวาบอลพุ่งชนโคนเสากระดอนออกมาอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 64 ลิเวอร์พูล ได้โอกาสทอง ซาดิโอ มาเน่ จ่ายให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดเดี่ยวเข้าไปกระดกบอลข้ามตัว เอดูอาร์ เมนดี้ บอลกลิ้งเข้าหาประตูแต่ ติอาโก้ ซิลวา ตามมาสกัดทิ้งได้ทัน
นาทีที่ 67 “หงส์แดง” มาได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ตักไปเสาแรกให้ ซาดิโอ มาเน่ โหม่งตั้งไปเสาสองให้ โฌแอล มาติป โหม่งจ่อๆ ตุงตาข่าย แต่ผู้ตัดสินเช็ค VAR แล้วไม่ให้เนื่องจากมองว่า เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า
นาทีที่ 78 เชลซี ชวดได้ประตูออกนำจากจังหวะที่ ทิโม แวร์เนอร์ หลุดขึ้นทางซ้ายก่อนเปิดเข้าเขตโทษให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ โหม่งข้ามเส้นเข้าไป แต่ผู้ตัดสินไม่ให้เนื่องจากเป็นจังหวะล้ำหน้าตั้งแต่ต้น
นาทีที่ 90 ลิเวอร์พูล ได้ลูกเตะมุม เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดเข้าเขตโทษ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เบียดได้โหม่งเต็มหัวแต่ เอดูอาร์ เมนดี้ พุ่งปัดไว้ได้ปลายมือ
ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+5 เชลซี เกือบได้เหมือนกัน มาร์กอส อลอนโซ่ พาบอลสุดเส้นหลังก่อนเปิดไปเสาแรกให้ โรเมลู ลูกากู ไขว้ยิงแต่ เคามิน เคลเลเฮอร์ ใช้ขาเซฟได้เหลือเชื่อ ครบ 90 นาที เสมอกัน 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป 120 นาที
นาทีที่ 98 เชลซี พลาดได้ประตูจากจังหวะที่ เทรโวห์ ชาโลบา แทงทะลุช่องให้ โรเมลู ลูกากู หลุดเดี่ยวเข้าไปล็อกแล้วยิงด้วยซ้ายซุกก้นตาข่ายแต่ผู้ตัดสินไม่ให้เนื่องจากเป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
ครบ 120 นาที ยังไม่มีฝ่ายใดทำประตูกันได้ทำให้ต้องไปตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ก่อนที่จะเป็น ลิเวอร์พูล ที่ทำได้ดีกว่าเอาชนะไปได้ 11-10 ผงาดคว้าแชมป์ลีกคัพ ได้เป็นสมัยที่ 9 ในประวัติศาสตร์สโมสร
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เชลซี (3-4-2-1) : เอดูอาร์ เมนดี้ – เทรโวห์ ชาโลบาห์, ติอาโก้ ซิลวา, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ – เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า, มาเตโอ โควาซิช, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาร์กอส อลอนโซ่ – เมสัน เมาท์, คริสเตียน พูลิซิช – ไค ฮาแวร์ตซ์
ลิเวอร์พูล (4-3-3) : เคามิน เคลเลเฮอร์ – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, นาบี เกอิต้า – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, หลุยส์ ดิอาซ
ผู้ตัดสิน : สจ๊วร์ต แอ็ตต์เวลล์
