กลายเป็นประเด็นใหญ่ทันทีเมื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงตัวเก่งของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดันไประเบิดอารมณ์หงุดหงิดใส่แฟนบอลเอฟเวอร์ตัน หลังเกมที่ต้นสังกัดบุกไปแพ้ 0-1 ที่ กูดิสัน พาร์ค เมื่อวันเสาร์ที่ 9 เมษายน ที่ผ่านมา
โดยหลังจบเกมได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดเมื่อ ศูนย์หน้าตัวเก่งวัย 37 ปี ที่กำลังจะเดินกลับเข้าห้องพัก ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ตบโทรศัพท์มือถือของเจ้าหนูรายหนึ่งตกลงพื้นก่อนเดินจากไปแบบไม่แยแส
ซึ่งหลังจากนั้นมันกลายเป็นข่าวใหญ่ทั่วเกาะอังกฤษทันที โดย ซาราห์ เคลลี่ ผู้เป็นแม่ของเจ้าหนู เจค ฮาร์ดิ้ง วัย 14 ปี ที่ตกเป็นเป้าของการระบายอารมณ์ของยอดดาวยิงได้ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องทั้งหมดผ่าน ECHO สื่อท้องถิ่นของเมืองลิเวอร์พูลว่า
“ผู้เล่น แมนฯ ยูไนเต็ด เดินกลับเข้าอุโมงค์หลังสิ้นเสียงนกหวีด เราอยู่ในที่นั่งบริเวณ พาร์ค เอนด์ ดังนั้นเราจึงอยู่ใกล้กับบริเวณทางเข้าที่พวกเขาต้องเดินผ่าน ซึ่งลูกชายของฉันอยู่ที่นั่นและตื่นเต้นกับการถ่ายวิดีโอ”
“เขาถ่ายนักเตะยูไนเต็ดทุกคนที่เดินผ่านมา แล้วเขาก็ลดโทรศัพท์ลงเพราะเห็นว่า โรนัลโด้ ดึงถุงเท้าลงมาที่มีเลือดไหล เขาลดโทรศัพท์ลงเพื่อดูว่ามันคืออะไร เขาไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น จากนั้น โรนัลโด้ ก็เกิดอาการไม่พอใจเดินมาตบโทรศัพท์เขาทิ้ง แล้วเดินจากไป”
พร้อมกันนี้ผู้เป็นแม่ยังเผยว่าครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เธอพาลูกชายเดินทางมาดูเอฟเวอร์ตันแข่งแบบติดขอบสนาม และรู้สึกผิดหวังกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมากที่ โรนัลโด้ ทำร้ายลูกชายเธอ “คุณสามารถเห็นได้จากรอยฟกช้ำที่เขาได้รับ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันกำลังพูดถึงมัน ทั้งที่พวกเราแค่ต้องการมาดูฟุตบอลในสนาม”
ด้าน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็ออกมายอมรับผิดว่าได้ทำจริง พร้อมออกมาขอโทษผ่านโลกออนไลน์ว่า “มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจัดการกับอารมณ์ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก อย่างไรก็ดีเราต้องให้ความเคารพ อดทน และเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กๆ ที่รักเกมลูกหนังที่สวยงามเสมอ”
“ผมอยากขอโทษกับการแสดงอารมณ์แบบนั้น และหากเป็นไปได้ ผมก็อยากจะเชิญแฟนบอลรายนั้นเข้ามาชมเกมที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เพื่อเป็นสัญญาณของแฟร์เพลย์ และความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา” กัปตันทีมชาติโปรตุเกส เผย
สำหรับความพ่ายแพ้ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมนี้ทำให้สถานการณ์ของพวกเขาย่ำแย่ลงไปอีก เก็บชัยได้เพียงแค่นัดเดียวจาก 5 นัดหลังสุดในลีก และทำให้โอกาสที่จะคว้าอันดับ 4 ของตาราง เพื่อการไปเล่นฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้าลดน้อยลงไปอีก
