ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2022/23
คืนวันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2022
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 ลิเวอร์พูล
สนาม: โอลด์ แทรฟฟอร์ด
แฟนผี ประท้วงก่อนเกม
มาตามนัดสำหรับกลุ่มม็อบแฟนบอล ปีศาจแดง ร่วมหมื่นคนที่มาประท้วงเจ้าของทีมอย่างครอบครัว เกลเซอร์ โดยเรียกร้องให้ขายหุ้นสโมสรออกไป หลังจากแฟนบอลมองว่ากลุ่มผู้บริหารระดับสูงต้องการแค่หวังผลกำไรจากสโมสรอย่างเดียวเท่านั้นโดยไร้ความสำเร็จติดมือตลอดหลายปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามดูจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงบานปลาย จนทำให้เกมสามารถเริ่มทำการแข่งขันได้ตามปกติ
เปิดตัว กาเซมิโร
ก่อนเกมนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จัดการเปิดตัวนักเตะใหม่ป้ายแดงอย่าง กาเซมิโร กองกลางชาวบราซิลวัย 30 ปีจาก เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 60 ล้านปอนด์บวกโบนัสอีก 10 ล้านปอนด์ และเซ็นสัญญา 4 ปีพร้อมมีออปชั้นอีกหนึ่งปี
โดยตัวนักเตะยังไม่สามารถลงสนามในนัดนี้ได้ แต่ก็รับชมเกมอยู่บนแสตนด์พร้อมกับมีแฟนๆ รอต้อนรับอย่างล้นหลาม
ปีศาจแดง มาดีเกินคาด
เริ่มเกมมาก็ต้องบอกว่าเซอร์ไพรส์พอสมควรที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายที่ไล่บีบสูงจนสามารถเอาบอลมาครองเปิดเกมบุกใส่ ลิเวอร์พูล ได้แถมยังทำได้ดีกว่าชัดเจนโดยเฉพาะการเข้าสู่พื้นที่สุดท้ายและได้โอกาสจบเหน่ง ๆ หลายครั้ง
จนในที่สุด ซานโช ก็ใช้ความเยือกเย็นยิงเบิกสกอร์แรกให้ทีมในนาทีที่ 16 แม้หลังจากนั้นทีมเยือนพยายามจะเร่งเกม แต่ดูเหมือนจะเร่งไม่ขึ้นและเป็น ปีศาจแดง ที่รักษาสกอร์เอาไว้ได้จนจบครึ่งเวลาแรก
ครึ่งหลัง เทน ฮาก มีการปรับเปลี่ยนแผนเล็กน้อยโดยการไม่เน้นครองบอล แต่ถอยมาตั้งรับและรอโต้ซึ่งก็ทำให้ได้ประตูที่สองอย่างรวดเร็วจากการหลุดเดี่ยวของ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลังจากนั้น หงส์แดง แทบจะพับสนามบุกอยู่ฝ่ายเดียวแต่ก็เจอรถบัสแมนยูที่ถอยลงมาช่วยกันเล่นเกมรับต้านเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
แม้ช่วงท้ายเกม ซาลาห์ จะมาโขกตีไข่แตกไล่มาเป็น 2-1 แต่ก็ไม่ทันทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้า 3 คะแนนสำคัญแซงหน้า ลิเวอร์พูล ที่มีเพียง 2 คะแนนและยังไม่ชนะใครตลอด 3 เกมในฤดูกาลนี้
เกมรับ หงส์แดง อาการหนัก
เรียกได้ว่าเสียประตูทุกเกมตั้งแต่เปิดฤดูกาลแถมยังโดนไปแล้วถึง 5 ลูกจาก 3 เกมในซีซั่นนี้ ซึ่งวันนี้ก็ตอกย้ำได้เป็นอย่างดีกับการที่ต้องถูกความเร็วของแนวรุก แมนยู เล่นงานอย่างหนัก ซึ่งไม่ต่างจากที่พวกเขาโดน วิลฟรีด ซาฮา ลากเดี่ยวเข้าไปยิงเมื่อสุดสัปดาห์ก่อนเลยแม้แต่น้อย
โดยเฉพาะ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ ที่เกมรับไม่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่วันนี้โดนคอมโบ มาลาเซีย เอลันก้า แรชฟอร์ด รุมเผาเครื่องตั้งแต่ต้นเกมจนมีจังหวะพลาดให้เห็นหลายครั้ง
ด้าน โจ โกเมซ ก็ยืนตำแหน่งไม่ดีเช็คล้ำหน้าพลาดจนเสียประตูที่สอง โดยที่ ฟาน ไดจ์ค เองก็ทำอะไรได้ไม่มากนัก อย่างไรก็ตามส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะแดนกลางของพวกเขาคุมเกมไม่ได้แถมยังพลาดเสียบอลง่ายจนต้องตกเป็นภาระหนักอึ้งให้กับบรรดากองหลังในเกมวันนี้
สตาร์ หงส์แดง ทำได้ต่ำกว่ามาตรฐาน
สตาร์ในที่นี้ก็คงต้องพูดรวม ๆ เพราะไม่ใช่แค่คนสองคนที่ฟอร์มแย่ แต่เกือบหมดทั้งทีมเลยก็ว่าได้เริ่มตั้งแต่แบ็คสองฝั่งทั้ง เทรนต์ ที่วันนี้รับก็ดีไม่เอารุกก็ไม่ได้ จังหวะเปิดบอลยังขาดความแม่นยำไปพอสมควร ส่วน ร็อบโบ้ ก็ดูจะไม่กล้าครอสส์บอลเข้ามาลุ้นทำให้เกมทางกราบซ้ายดูลดความอันตรายลงไปเยอะ
ส่วนแดนกลาง มิลเนอร์ ก็ทำได้แค่ไล่บอล แต่ไม่สามารถสร้างสรรค์เกมอะไรได้ เฮนโด้ ที่น่าจะชัวร์สุดก็มาพลาดจังหวะง่าย ๆ จนเสียประตู เอลเลียตต์ ได้เล่นกับบอลค่อนข้างบ่อยแต่ก็ทำอะไรได้ไม่มากนัก ด้านหัวหอก ฟิร์มิโน แทบไม่มีประโยชน์ใดๆ
ในเกมนี้ ดิอาซ ก็ลากตัวต่อตัวไม่ผ่านเลยแถมดูจะขาอ่อนล้มง่าย และ โม ซาลาห์ ที่ยิงกู้หน้าได้เล็กน้อยจากที่เงียบมาเกือบทั้งเกม โดยประตูนี้ส่งให้เขาเป็นผู้นำเดี่ยวกับสถิตินักเตะที่ยิงประตูในเกม “แดงเดือด” มากที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ 10 ลูกด้วยกัน
ไม่มี แมคไกวร์ ชอว์ โรนัลโด้ ดูดีกว่า
เกมนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจดร็อป แฮร์รี แมคไกวร์ ลุค ชอว์ และ คริสเตียโน โรนัลโด้ ไว้บนม้านั่ง และส่ง แอนโธนี เอลันก้า ราฟาเอล วาราน และ ไทเรลล์ มาลาเซีย ลงเป็นตัวจริง
ซึ่งก็ชัดเจนว่ารูปเกมดีกว่า 2 นัดก่อนหลาเท่าตัว ด้าน เอลันก้า ที่แม้จะขาดความเฉียบคม แต่ความเร็วของเขาก็พอจะเล่นงานเกมรับ ลิเวอร์พูล ได้แถมยังทำได้ 1 แอสซิสต์อีกด้วย ส่วน วาราน ก็ดูจะจับคู่กับ มาร์ติเนซ ได้อย่างเข้าขาจนทำให้เกมหลังบ้านในวันนี้ดูแน่หนาผิดหูผิดตา
เช่นเดียวกับ มาลาเซีย ที่ใช้ความเร็วในการหยุดยัง้เกมรุกทางกราบขวาของทีมเยือนได้อย่างยอดเยี่ยมตลอด 90 นาที ซึ่งก็น่าจะเห็นกันแล้วว่าบางที่การใช้นักเตะธรรมดาที่มีใจน่าจะดีกว่าซุเปอร์สตาร์หมดไฟก็เป็นได้
เกมรับ แมนยู ชุดนี้ดูมีอนาคต
ต้องบอกว่าแนวรับตั้งแต่กองหน้าไล่ลงมาในเกมนี้ดูจะทำหน้าที่เข้ากับแผนการเล่นของ เอริค เทน ฮาก ที่ไล่บีบเร็วใส่คู่แข่งได้เป็นอย่างดี โดยอาศัยความเร็วของทั้ง มาร์ติเนซ มาลาเซีย ดาโลต์ ในการเข้าสะกัดและใช้ความนิ่งของ วาราน ในการประคองคอยซ้อน
แถมในช่วงครึ่งหลังที่ส่ง เฟร็ด ลงมาก็ไล่ตัดเกมร่วมกับ แมคโทมิเนย์ ได้อย่างยอดเยี่ยมจนเกมรุกของทีมเยือนแทบจะไร้พิษสง ยิ่งไปกว่านั้นการที่ทั้ง มาร์ซิยาล และ แรชฟอร์ด ลงมาช่วยไล่บอลในแดนตัวเองก็ดูจะมีประโยชน์มากกว่าการไปรอบอลแดนหน้า จนสร้างกำแพง “รถบัส” ที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้ในค่ำคืนนี้
แมนยู ดีดขึ้นจากบ๊วย
ชัยชนะในเกมนี้ส่งผลให้ แมนฯ ยูไนเต็ดมี 3 แต้มจากการลงเล่น 3 นัดขึ้นมารั้งอันดับ 14 แต่ลูกได้เสียยังติดลบอยู่ถึง 4 ประตู ขณะที่ ลิเวอร์พูล หล่นลงมารั้งอันดับที่ 16 เก็บได้เพียง 2 คะแนนนับตั้งแต่เปิดฤดูกาล
โดยโปรแกรมนัดต่อไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีคิวเตะตั้งแต่หัวค่ำวันเสาร์บุกไปเยือน เซาแธมป์ตัน ส่วน ลิเวอร์พูล จะเล่นเป็นคู่ถัดมาด้วยการเปิดบ้านต้อนรับน้องใหม่ บอร์นมัธ ซึ่งหากยังไม่ได้ 3 คะแนนอีก ต้องบอกเลยว่าอาการหนักแล้วสำหรับทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในฤดูกาลนี้