เจมี่ คาร์ราเกอร์ กูรูและอดีตกองหลังของ ลิเวอร์พูล รองจ่าฝูงในศึก พรีเมียร์ลีก เชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้ ดิว็อค โอริกี้ ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในตำนานนักเตะของทีมนัั้นเป็นเพราะเจ้าตัวมักเป็นคนที่ทำประตูสำคัญให้กับทีม ตามรายงานจาก ลิเวอร์พูลเอ็คโค่
กองหน้าชาวเบลเยียมย้ายมายังถิ่น แอนฟิลด์ ตั้งแต่ปี 2014 แต่ก็ยังไม่สามารถจับจองตำแหน่งตัวจริงในแดนหน้าได้อย่างถาวร โดยต้องตกเป็นตัวสำรองของ 3 ประสานอย่าง โมฮาเหม้ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน รวมทั้ง ดิโอโก้ โชต้า ที่กำลังโชว์ฟอร์มยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม โอริกี้ ก็ถือเป็นดาวยิงที่มีบทบาทสำคัญและทำประตูได้ในเกมใหญ่ ๆ ให้กับ ลิเวอร์พูล ไม่ว่าจะเป็นการยิง 2 ประตูในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบเซมิไฟนอลที่เอาชนะ บาร์เซโลน่า ไปได้ 4-0 รวมทั้งในนัดชิงชนะเลิศที่ยิงประตูปิดท้ายให้ทีมคว้าแชมป์เหนือ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ เมื่อปี 2019
ล่าสุดดาวยิงวัย 26 ปีเพิ่งทำประตูชัยในนาทีที่ 94 ช่วงทดเวลาบาดเจ็บให้ หงส์แดง เอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน ไปได้ 1-0 เก็บ 3 แต้มแซง เชลซี ขึ้นไปรั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงในศึก พรีเมียร์ลีก เป็นที่เรียบร้อย โดย คาร์ราเกอร์ ได้กล่าวถึงรุ่นน้องในสโมสรรายนี้ว่า
“ดิว็อค โอริกี้ คือตำนานของ ลิเวอร์พูล แต่ไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม แต่เป็นเพราะเขาทำประตูที่สำคัญได้ต่างหาก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ โอริกี้ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง แฟนบอลที่ดูการถ่ายทอดอยู่ทางบ้านหรือในสนามต่างพากันร้องว่า ‘โอ โอริกี้ กำลังจะออกสตาร์ทเป็นตัวจริง’ แต่เมื่อเขากำลังจะถูกเปลี่ยนตัวลงมาในฐานะตัวสำรอง อารมณ์มันจะแตกต่างออกไป”
“คุณสามารถเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่เขาทำ ผมหมายถึงเมื่อดูจากจำนวนประตูที่เขาทำได้ในฐานะตัวสำรอง มันแทบจะคล้ายกับตอนที่ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ค่าเฉลี่ยการยิงประตูต่อนาทีที่เขาทำได้นั้นมันโดดเด่นเอามาก ๆ สถิติของเขาดีมาก ๆ ตอนที่ลงเล่นเป็นตัวสำรอง” คาร์ราเกอร์ กล่าว
