sportpooltoday

“โยฮัน ซิวดู” : จากเด็กเสิร์ฟสู่ผู้ก่อตั้งบริษัทจัดทริปสุดหรูให้แข้งซูเปอร์สตาร์ช่วงปิดฤดูกาล


"โยฮัน ซิวดู" : จากเด็กเสิร์ฟสู่ผู้ก่อตั้งบริษัทจัดทริปสุดหรูให้แข้งซูเปอร์สตาร์ช่วงปิดฤดูกาล

“ถ้าคุณเป็นนักเตะพรีเมียร์ลีกที่ไม่มีปัญหาเรื่องเงินและอยากไปเวกัส มันจะมีค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 20,000 เหรียญ (ราว 726,530 บาท) สำหรับค่าความบันเทิง และอีก 20,000 เหรียญสำหรับค่าโรงแรม”

เมื่อฤดูกาลของฟุตบอลรูดม่านลง ก็ถึงเวลาแห่งการปลดปล่อยของเหล่านักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ และหลายคนก็เลือกที่จะดื่มด่ำกับทริปสุดหรูอย่างเต็มที่ ทั้งอาบแดด ปาร์ตี้บนเรือยอชต์ ไปจนถึงเสี่ยงโชคที่ลาสเวกัส 

สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนธรรมเนียมของพวกเขาที่ทำกันเป็นประจำทุกปี ทว่าคำถามคือ เหล่าแข้งดังที่เต็มไปด้วยภารกิจรัดตัววางแผนทริปสุดฟุ่มเฟือยเหล่านี้อย่างไร?

“โยฮัน ซิวดู” คือคำตอบนั้น .. ติดตามเรื่องราวไปพร้อมกับ Main Stand

บริษัทจัดทริปในฝัน 

นักฟุตบอล อาจจะเป็นอาชีพที่มีรายได้สูง โดยเฉพาะแข้งลีกใหญ่ในยุโรป ทว่ามันก็แลกมาด้วยการต้องใช้ร่างกายอย่างหนัก ลงเล่นติดต่อกัน 8-9 เดือนต่อปี ทำให้ในช่วงปิดซีซั่นพวกเขาจึงต้องปลดปล่อยกันอย่างเต็มที่

1มันกลายเป็นไลฟ์สไตล์ที่เป็นภาพจำของนักฟุตบอลในช่วงหน้าร้อน ที่มีตั้งแต่ อาบแดดที่อิบิซ่า ปาร์ตี้บนเรือยอชต์หรือเรือสำราญในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ไปจนถึงบินลัดฟ้าด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวไปเสี่ยงโชคที่บ่อนในลาสเวกัส

ทว่าแทบไม่น่าเชื่อว่าสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้เกิดทริปเหล่านี้ได้มาจากบริษัทที่มีพนักงานเพียงแค่ 10 คนที่มีชื่อว่า Kloudout ที่มี โยฮัน ซิวดู เจ้าของฉายา “จอห์นนี่ เวกัส” เป็นผู้ก่อตั้ง 

ซิวดู อธิบายว่าพวกเขาคือ “บริษัทจัดการไลฟ์สไตล์ระดับโลก” ที่รับวางแผนและออกแบบวันหยุดสุดหรูให้กับเหล่านักกีฬาชื่อดัง โดยเฉพาะนักฟุตบอล ทั้ง โรเมลู ลูกากู ดาวยิง อินเตอร์ มิลาน, เวสตัน แม็คเคนนี่ แข้งทีมชาติสหรัฐอเมริกาของ ยูเวนตุส หรือ อโยเซ่ เปเรซ กองหน้า เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นต้น 

2“สิ่งที่เราทำคือ ออกแบบและวางโครงสร้างสำหรับวันหยุดของพวกเขาทั้งตอนที่มาถึงและกลับไป งานของพวกเราคือทำให้พวกเขาแน่ใจว่าพวกเขาจะไม่เครียดและไม่ต้องกังวลอะไรเลย เพราะว่าพวกเขาไม่ได้มีเวลามากพอที่จะศึกษาและวางแผนในทุกรายละเอียด” ซิวดู กล่าวกับ Mirror

“นั่นเป็นดินแดนที่เราเข้าไป แบรนด์และทีมของผมจะทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างสะดวกและง่ายสำหรับพวกเขา โดยพื้นฐานแล้วเราแค่ทำให้ชีวิตของพวกเขาง่ายขึ้น”

บริษัทของเขาสามารถหามาได้ทั้งเครื่องบินเจ็ต เรือยอชต์ โรงแรมสุดหรู ไนท์คลับ ภัตตาคาร แล้วแต่ลูกค้าจะร้องขอ ไม่ว่าจะเวลาจะกระชั้นชิดแค่ไหนก็จะอยู่คอยดูแลตั้งแต่ต้นจนจบแบบไม่ขาดตกบกพร่อง 

3“ถ้าคุณเป็นนักเตะพรีเมียร์ลีกที่ไม่มีปัญหาเรื่องเงินและอยากไปเวกัส มันจะมีค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 20,000 เหรียญ (ราว 726,530 บาท) สำหรับค่าความบันเทิง และอีก 20,000 เหรียญสำหรับค่าโรงแรม” ซิวดู กล่าวกับ The Athletic 

“คุณอาจมองไปที่แพคเกจ 40,000 – 50,000 เหรียญ (ราว 1.4-1.8 ล้านบาท) สำหรับ 4 วัน ถ้าคุณมาจากแอลเอ เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 6,000-9,000 เหรียญ (ราว 200,000–320,000 บาท) แต่ถ้าคุณมาจากยูเค มันจะประมาณ 100,000-200,000 เหรียญ (ราว 3.6-7.2 ล้านบาท) ผมแนะนำให้พวกเขาบินแบบชั้นหนึ่งมาที่นี่ จากนั้นเราค่อยปรับแผนกัน” 

อย่างไรก็ดี ไลฟ์สไตล์เหล่านี้แตกต่างจากชีวิตในวัยเด็กของซิวดูราวฟ้ากับเหว

จากเอธิโอเปียสู่เวกัส 

หากลองส่อง Instagram ของซิวดูจะพบว่า เขามีชีวิตที่หวือหวา ทั้งได้เดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ขับรถซูเปอร์คาร์ หรือล่องเรือยอชต์ ไม่ต่างจากชนชั้นสูง แต่ชีวิตที่น่าอิจฉาเหล่านี้ห่างไกลจากชีวิตของเขาตอนอยู่ที่แอฟริกา 

เขาเกิดและเติบโตที่กรุงแอดดิสอาบาบา เมืองหลวงของเอธิโอเปีย อาศัยอยู่ในบ้านที่เขาบอกว่าเล็กเหมือนกับตู้เสื้อผ้า พร้อมกับสมาชิกในครอบครัวรวมกันถึง 8 ชีวิต 

4“ผมโตมาในเอธิโอเปีย มันเป็นประเทศโลกที่ 3 ที่ชีวิตไม่ได้หรูหราเหมือนอยู่ในโลกนี้” ซิวดู กล่าวกับ Mirror

“ผมโตมาจากข้างถนน ผมไม่มีรองเท้า เสื้อผ้าของผมขาด เราอาศัยอยู่ในบ้านที่เหมือนกับตู้เสื้อผ้าที่ต้องนอนอัดกันถึง 8 คน” 

ทว่าวันหนึ่ง โอกาสก็มาหาเขาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อพ่อของเขาได้รับทุนไปเรียนต่อในสหรัฐอเมริกา และทำให้ ซิวดู ได้มาเปิดหูเปิดตาในต่างประเทศเป็นครั้งแรกในฐานะผู้ติดตามของพ่อ 

“พ่อของผมมีโอกาสได้มาอเมริกา อเมริกามีสิ่งที่เรียกว่า ‘DV’ (The Diversity Visa Program) ซึ่งเป็นเหมือนล็อตเตอรี ที่พวกเขาแจกเพื่อให้การศึกษาแก่คนในประเทศอย่างเอธิโอเปีย พ่อของผมสมัครไปและถูกรางวัล พวกเขาให้ผมมาอเมริกาตอนที่ผมอายุราว 9-10 ขวบ” ซิวดู กล่าวกับ The Athletic 

“เราลงเครื่องที่สนามบินลอสแอนเจลิสแล้วถูกพาไปบ้านใหม่ที่เวกัส ผมจำรถทุกคันที่ขับผ่านบนทางด่วนได้ ซึ่งมันเหนือจริงมาก มันคือคัลเจอร์ช็อกอย่างสมบูรณ์ ผมพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จึงปรับตัวยากมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมีเหมือนกับเด็กคนอื่นคือ ความรักในกีฬา” 

กีฬาที่ซิวดูหลงใหลมาตั้งแต่เด็กคือ ฟุตบอล เขาชื่นชอบเกมลูกหนังมาตั้งแต่อยู่ที่เอธิโอเปีย และยังคงเล่นต่อตอนย้ายมาอยู่สหรัฐฯ แต่น่าเศร้าที่อาการบาดเจ็บทำให้เขาต้องตัดใจจากการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ 

5“ผมคิดเสมอว่าผมอยากเป็นนักฟุตบอลชื่อดัง ผมเก่งนะตอนมัธยมปลาย แต่โชคร้ายที่ผมมีปัญหาที่หัวเข่าและต้องผ่าตัดหลายครั้ง และมันก็ทำให้ผมไม่สามารถทำตามฝันต่อได้” ซิวดู บอกกับ Mirror

หลังจบมัธยมปลายเขาจึงเบนเข็มไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย พร้อมกับทำงานพิเศษเป็นพนักงานเสิร์ฟที่โรงแรมเบลลาจิโอ โรงแรมชื่อดังในลาสเวกัส 

“นั่นคือตอนที่ผมพบว่า จริงๆแล้วผมอยากเป็นอะไร” เขาย้อนความหลัง

“การได้ทำงานในที่แบบนั้นทำให้ผมได้เห็นสิ่งที่ผมไม่เคยนึกภาพมาก่อน (ฟลอยด์) เมย์เวทเธอร์ มาพร้อมกับรถทุกคันของเขา นักแสดงและนักกีฬารุ่นใหญ่อย่าง ไมเคิล จอร์แดน, ไทเกอร์ วูดส์, เลโอนาร์โด ดิ คาปริโอ คนแบบนั้นต่างเข้ามาและจากไป มันเป็นเรื่องที่เกินความเป็นจริงมาก” 

ท่ามกลางเหล่าซูเปอร์สตาร์ที่มาเยือน มีลูกค้าชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งชื่อว่า คามาล ที่ซิวดูได้คุยด้วย ก่อนที่มันจะเป็นช่วงเวลาที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

เพื่อนรักนักฟุตบอล 

“วันหนึ่งมีชายชาวฝรั่งเศสมาที่เบลลาจิโอ ตอนนี้เขาเป็นดาราภาพยนตร์แล้ว แต่ตอนนั้นเขาเป็นแค่ชายธรรมดาคนหนึ่ง ผมสังเกตว่าเขาเป็นคนฝรั่งเศสจึงนึกสนุกทักทายเขาไปว่า ‘Bonjour’ หลังจากนั้นเขาก็พูดฝรั่งเศสกลับมา ซึ่งตลกมาก เพราะผมพูดฝรั่งเศสไม่เป็น” ซิวดู บอกกับ The Athletic 

“หลังจากเราหัวเราะกัน ผมก็บอกเขาว่านักเตะที่ผมชอบมากที่สุดคือ ฟรองค์ ริเบรี่ เขาตกใจมาก เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนกัน เขาเปิดมือถือแล้วเอาวิดีโอให้ผมดู เขาบอกว่าถ้าครั้งหน้าเขามาเวกัสเขาจะเอาเสื้อพร้อมกับลายเซ็นมาให้ ผมบอกว่าขอบคุณมาก แต่มันคือเวกัส ผู้คนชอบพูด แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง ผมจึงไม่ได้เชื่อที่เขาพูดนัก” 

หนึ่งปีผ่านไป ซิวดู ย้ายไปอยู่โรงแรมอื่นและได้ยินว่ามีคนกำลังตามหาเขา ซึ่งก็คือ คามาล ลูกค้าชาวฝรั่งเศสคนนั้น ที่มาพร้อมกับเสื้อพร้อมลายเซ็นตามคำสัญญา 

“เขาหาผมเจอและผมก็ตกใจมาก ผมแทบไม่เชื่อว่าคนแบบนั้นจะรักษาคำพูด และช่วงเวลานั้นก็ช่วยทำให้ผมเป็นผมอย่างในวันนี้เช่นกัน” ซิวดู กล่าวกับ Mirror

“มันแสดงให้เห็นว่าคุณรู้สึกอย่างไรเมื่อมีบางคนทำบางอย่างให้และรักษาสัญญา ผมนำสิ่งนั้นมาปรับใช้กับชีวิตและปฏิบัติกับคนอื่นเสมอ” 

“ตอนที่เขากลับไป ผมบอกเขาว่า ‘ถ้าคุณต้องการอะไรในลาสเวกัสผมจะหามาให้ ไม่ต้องกังวลอะไร’ เขาแค่พูดกลับมาว่า ‘โอเค แน่นอน'” 

6ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา คามาล ก็ส่งข้อความมาหาเขา บอกให้ช่วยหาห้องพักในลาสเวกัสให้เพื่อนเขาหน่อย เขาจึงจองโรงแรมที่เขาทำงานโดยใช้ส่วนลดพนักงาน และขอหัวหน้าอัปเกรดห้อง โดยเขาจะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนต่างเอง 

“เมื่อพวกเขาเห็นสิ่งที่ผมดูแล พวกเขาตกใจมาก พวกเขาแทบไม่เชื่อในสิ่งนี้ เขาบอกว่า ‘ไม่กี่เดือนข้างหน้าผมจะมีอีกเซอร์ไพรส์ให้คุณ แล้วผมจะติดต่อมาใหม่'” ซิวดู กล่าวต่อ 

ผ่านไปอีกหลายเดือนก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรมาที่บ้านตอนที่เขากำลังดูทีวีอยู่ ตอนแรกเขาเกือบจะไม่รับ แต่แม่ของเขาก็ไล่ให้ไปรับ และพบว่าคนปลายสายขอให้เขาช่วยจัดทริปที่ลาสเวกัสให้หน่อย 

ซิวดูตกปากรับคำ ก่อนที่จะรู้ว่าคนที่เขากำลังคุยอยู่คือ ซามีร์ นาสรี กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสที่เล่นให้กับ อาร์เซนอล ในตอนนั้น และทำให้เขาเหมือนกับวิญญาณจะออกจากร่างเลยทีเดียว  

“ผมได้รับโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่รู้จัก ชายคนนั้นบอกว่า ‘สวัสดีน้องชาย เป็นไงบ้าง? นี่นาสรีนะ ผมได้เบอร์มา คุณช่วยผมได้ไหม?'” ซิวดู กล่าวกับ The Athletic 

“ผมใช้เวลาสักพักเพื่อประมวลผล หน้าของผมซีด ผมตัวสั่นและเหงื่อออก ผมไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสอย่างนี้ ได้คุยกับนาสรี ในฐานะแฟนอาร์เซนอลมันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างออกไป”

แต่ปัญหาคือ เขาไม่รู้ว่าจะต้อนรับนักเตะที่ใช้ชีวิตหรูหราได้อย่างไร?

ปากต่อปาก 

หลังจากวางสายจากนาสรี เขาก็ตัดสินใจแต่งตัวไปโรงแรมที่เขาทำงานอยู่แล้วเอาเรื่องนี้ไปบอกกับผู้จัดการ ก่อนที่สตาฟฟ์ของโรงแรมจะพาเขาไปรู้จักกับทีมดูแลแขกของโรงแรม และคนที่สามารถให้คำปรึกษาแก่เขาได้ 

“หลังจากวางสาย แม่ของผมคิดว่าผมกำลังจะช็อก แต่ผมกำลังจะไปโรงแรมและคุยกับผู้จัดการของผม” ซิวดู บอกกับ Mirror

8“ผมไม่รู้จริงๆว่าจะต้องทำอย่างไร ดังนั้น พวกเขาจึงส่งผมไปคุยกับทีมดูแลแขก ฝ่ายจัดการโรงแรม และคนที่เหมาะสมทั้งหมด” 

เมื่อ นาสรี มาถึงอเมริกา พวกเขาก็ดูแลสตาร์ชาวฝรั่งเศสเป็นอย่างดี และทำให้เขาแนะนำซิวดูให้กับนักเตะคนอื่น จากนั้นชื่อของเขาก็แพร่หลายในหมู่นักฟุตบอลแบบปากต่อปาก และทำให้ซิวดูเปลี่ยนอาชีพจากพนักงานเสิร์ฟไปเป็นเจ้าของบริษัท 

“นาสรีมาถึงและผมก็ดูแลเขา จากนั้นเขาก็ส่งเบอร์ของผมให้กับผู้เล่นคนอื่น และมันก็เป็นโดมิโนเอฟเฟ็กต์ นับจากนั้น ผมก็มีโอกาสได้เดินทางไปทั่วโลก” ซิวดู บอกกับ The Athletic

ทุกวันนี้ลูกค้าของซิวดูไม่ได้มีแค่นักฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังขยายไปถึงนักกีฬาประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นนักแข่งเอฟวัน, นักรักบี้ ไปจนถึงนักต่อสู้ศิลปะป้องกันตัวแบบผสมผสาน

และสิ่งที่ทำให้บริษัทของเขาได้รับความนิยมถึงขั้นบอกต่อคือ ความจริงใจและความเต็มใจในการดูแลลูกค้าของพวกเขาอย่างเต็มที่ รวมถึงการที่สามารถหาทุกสิ่งที่ร้องขอได้ไม่ว่าจะยากแค่ไหน 

“ผมคิดว่ามันเป็นความรู้สึกที่แท้จริงกับสายสัมพันธ์ที่คุณมีกับผู้คน แค่ความจริงใจและข้อเท็จจริงเท่านั้นที่มอบให้กับพวกเขา” ซิวดู อธิบาย 

“ในช่วงเวลานั้นผมสามารถให้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ และทำให้ผมมีสายสัมพันธ์กับพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงเชื่อใจผม คนส่วนใหญ่ไม่มีคนที่พวกเขารู้จักเป็นการส่วนตัวในพื้นที่นี้ ดังนั้น ผมจึงได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มคนเหล่านั้น และผู้คนก็มาหาผมและทำให้ชื่อของผมเป็นที่รู้จักไปไกล” 

“ปากต่อปาก คือธุรกิจสำหรับผม ผมไม่ได้มีกระแสเงินสดเอาไว้โฆษณาตัวเองหรืออะไรแบบนั้น มันเป็นการบอกกันแบบปากต่อปาก มันได้ผลและทำให้เรามาถึงจุดนี้” 

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คำขอของลูกค้าของเขามีตั้งแต่เบสิกไปจนถึงยากมาก ทั้งหนังสือ ช่างตัดผม ฟิตเนสเทรนเนอร์ส่วนตัว หรือแม้กระทั่งขอเดินทางไปกลับระหว่าง แอลเอ ที่อยู่ฝั่งตะวันตก กับ ไมอามี ที่อยู่ฝั่งตะวันออก ภายในเวลาหนึ่งวัน (ใช้เวลาด้วยเครื่องบินราว 5 ชั่วโมง) 

9“พวกเขาอยากได้ทุกอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ช่างตัดผม พวกเขาอยากดูดีเวลาออกไปข้างนอก คุณต้องมีชีวิตกลางคืน ชีวิตกลางวัน รถหรู กิจกรรมที่อยากทำ บางครั้งพวกเขาก็อยากไปพบปะผู้คน บางครั้งพวกเขาก็อยากให้หาโค้ชฟิตเนสเพื่อรักษาความฟิต” ซิวดู กล่าวกับ Mirror

“ทุกคนแตกต่างกัน ทุกคนมีความต้องการที่ต่างกัน ดังนั้น มันจึงเป็นบริการที่มีความเฉพาะตัวมากๆที่เรามอบให้”

“สิ่งที่เหมือนกันมากที่สุดก็มีแค่ โรงแรม วิลล่า รถ เรือยอชต์ พวกเขามาพักผ่อนในช่วงสั้นๆ 5-6 วัน ดังนั้น พวกเขาจึงอยากรีดความสนุกออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และอยากได้รับสิ่งที่ดีที่สุด”

แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าของเขาติดใจ ..

ส่วนตัวและปลอดภัย 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่ทำให้บริษัทของ ซิวดู สามารถรองรับทุกการร้องขอของลูกค้าคือ คอนเน็กชั่นที่กว้างไกล เพราะแม้ว่าบริษัทของเขาจะมีพนักงานเพียงแค่ 10 คน แต่ก็กระจายตัวอยู่ทั่วโลก ทั้งยุโรป อเมริกา แอฟริกา หรือตะวันออกกลาง 

10“นักกีฬาสามารถเปลี่ยนใจได้ทุกวินาที ผมสามารถไปอยู่ในอีกเมืองหรืออีกประเทศในพรุ่งนี้ พวกเขาไม่ได้วางแผน พวกเขาแค่ไปตามอารมณ์ พวกเขาขอเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวเพื่อไปไมอามี แอลเอ หรือ เวกัส ถ้ายุโรปพวกเขาอาจอยากไป บาร์เซโลน่า หรือ มิโคลอส ในตะวันออกลางบางทีอาจจะเป็น ดูไบ คุณจึงต้องมีคอนเน็กชั่นอยู่ทุกที่” ซิวดู กล่าวกับ The Athletic 

อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าของเขากลับมาใช้บริการอีกคือความเชื่อมั่นในความปลอดภัย และทำให้นักกีฬาดังรู้สึกว่าพวกเขามีความเป็นส่วนตัวตลอดช่วงเวลาของการพักผ่อน  

“คุณไม่มีเวลาที่จะสนุกกับมันหรอก มันเท่ที่ได้นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว แม้ว่าผมจะอยู่ที่นั่น แต่ผมก็วางแผนสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าและต่อจากนั้น ในหัวของผมทำงานตลอดเวลา แม้ว่าตอนนั้นผมจะสนุกกับพวกเขาอยู่ก็ตาม” ซิวดู กล่าว

“พวกเขาอยากไปภัตตาคาร พวกเขาอยากไปปาร์ตี้ เรื่องใหญ่ที่สุดสำหรับนักฟุตบอลคือ กอล์ฟ หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเล่นยังไง แต่พวกเขาก็สนุกกับมันอยู่ดี ผมต้องรู้ว่าที่ไหนมีสนามกอล์ฟที่ดีที่สุด และผมจะเข้าไปได้ไหม?” 

“ตอนที่ผมอยู่ที่ภัตตาคารและพวกเขากำลังสนุกกัน ผมคิดว่า ‘โอเค ต่อไปเราจะไปที่ไหนดี? ที่ไหนที่ปลอดภัย? ที่ไหนที่เป็นส่วนตัว?'”

ตอนนี้ Kloudout ของ ซิวดู กำลังจะมีแผนใหม่ หลังย้ายฐานที่มั่นมาอยู่ที่ดูไบ เป็นโปรเจ็กต์ให้บริการการท่องเที่ยวสุดหรูในตะวันออกกลางสำหรับชาวอเมริกัน ในช่วงฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ 

11“การเดินทางและท่องเที่ยว การจัดการไลฟ์สไตล์ นั่นคือสิ่งที่ผมโดดเด่นที่สุด ผมจึงสร้างแบรนด์ที่ชื่อว่า Koobtravel เพื่อเป็นสะพานระหว่างตลาดอเมริกาเหนือและยุโรป และ GCC (กลุ่มความร่วมมืออ่าวอาหรับ) ในโลกอาหรับ” ซิวดู กล่าวกับ Mirror

“ผู้คนส่วนใหญ่ในอเมริกาเหนือไม่มีความมั่นใจที่จะมาที่นี่ พวกเขาก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพื้นที่นี้เลย สิ่งที่เราทำคือ เป็นตัวแทนระหว่างแฟนบอลอเมริกาเหนือและบุคคลที่อยากมาดูฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์” 

ซิวดู เชื่อว่าด้วยประสบการณ์การดูแลนักกีฬากว่า 15 ปีที่ผ่านมา ลูกค้าในอนาคตของเขาจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน 

เพราะเขารู้ดีกว่า “การได้รับความเอาใจใส่” นั้นมีค่ามากแค่ไหน และเขาไม่เคยลืมมันเลยนับตั้งแต่ได้รับเสื้อพร้อมลายเซ็นในวันนั้น