“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ประเดิมชัยนัดแรกของฤดูกาลใหม่ได้สำเร็จหลังเปิดบ้านรัวแซงเอาชนะ บอร์นมัธ 3-1 ในการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยแม้เจ้าบ้านจะเหลือผู้เล่น 10 คน แต่ก็สามารถเก็บชัยได้เราลองไปดูประเด็นที่เกิดขึ้นในเกมนัดนี้กัน
ลิเวอร์พูล สตาร์ทย่ำแย่
เกมนี้การเซ็ตเกมในแดนของ ลิเวอร์พูล เริ่มมาก็สร้างความหนักใจให้กับแฟนบอล (ตัวเอง) ได้ทันที กับการทำลั่นเหมือนไม่เคยซ้อมกันมา จังหวะขาด ๆ เกิน ๆ ไม่สื่อสารกัน ตั้งแต่ลูกที่ เทรนท์ สะกัดบอลหนี อลิสซอน ที่ออกมาตัดจนไปเข้าทางผู้เล่น บอร์นมัธ ยิงเข้าไปแต่ยังโชคดีที่ลูกนั้นล้ำหน้า อย่างไรก็ตามไม่กี่นาทีต่อมาพวกเขาก็พลาดอีกครั้งและเป็น เทรนต์ คนเดิมที่จับบอลลั่นจนเป็นที่มาของการเสียประตูตั้งแต่นาทีที่ 3 ยังดีที่พวกเขาตั้งสติกลับมาได้ทัน ก่อนจะยิง 3 ลูกรวดแซงคว้าชัยในบ้านไปได้สำเร็จ
Liverpool FC v AFC Bournemouth – Premier League / George Wood/GettyImages
เหลือ 10 คนไม่ใช่ปัญหา
เกมนี้ ลิเวอร์พูล เหลือ 10 คนในช่วงต้นครึ่งหลังจากจังหวะที่ อเล็กซิส แมค อัลลิสเตอร์ ไปวางเท้าเปิดปุ่มเข้าใส่ผู้เล่น บอร์นมัธ แบบไม่โดนบอล ทำให้ โธมัส บรามอลล์ ผู้ตัดสินในเกมนี้ไม่มีทางเลือกยกใบแดงให้กับกองกลางดีกรีแชมป์โลกไล่ออกจากสนามไป ซึ่ง ณ เวลานั้นสกอร์อยู่ที่ 2-1 ทำให้หลายคนมองว่าเจ้าบ้านอาจจะเจองานหนักในช่วงเวลาที่เหลือ
แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เพราะเกมของ หงส์แดง กลับดูนิ่งขึ้นอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นจากการพยายามเปิดเกมบุกของผู้มาเยือนทำให้มีช่องว่างในเกมรับจนเป็นที่มาของประตูที่ 3 ของฝั่งเจ้าบ้าน และนั่นทำให้ ลิเวอร์พูล แทบจะคลายความกดดันไปได้เกือบทั้งหมดแม้จะผู้เล่นน้อยกว่า โดยช่วงท้าย บอร์นมัธ จะพยายามโหมบุก แต่ด้วยศักยภาพที่ยังไม่แน่นอนรวมถึงพละกำลังที่อ่อนล้าลงไปทำให้ในที่สุดทีมของ คล็อปป์ สามารถรักษาสกอร์เอาไว้ได้แบบไม่ยากเย็น
Liverpool FC v AFC Bournemouth – Premier League / George Wood/GettyImages
โซโบสซไล ขับเคลื่อนเกมแดนกลาง
หากจะหานักเตะที่เป็น แมน ออฟ เดอะแมทช์ ในนัดนี้ ต้องขอยกให้แข้งใหม่ป้ายแดงอย่าง โดมินิค โซโบสซไล ที่วันนี้ฟอร์มโดดเด่นสุด ๆ กับการยืนตำแหน่งในบทบาทกองกลางที่ค่อนข้างมีอิสระในการเคลื่อนที่ โดยวันนี้สตาร์ชาวฮังการีมีส่วนกับทั้งรุกและรับ มีจังหวะไปกับบอลสวย ๆ หลายครั้ง ทักษะดี ครองบอลเหนียวแน่น แถมยังมีส่วนรวมกับสองประตูที่เป็นคนเรียกจุดโทษให้ทีม รวมถึงจังหวะยิงไกลไปติดเซฟก่อนที่ โจต้า จะตามมาซ้ำเข้าไป แน่นอนถ้ารักษามาตรฐานที่ดีแบบนี้เอาไว้ได้เขาคนนี้คงจะเข้าไปนั่งในใจแฟนบอล หงส์แดง ได้เร็ว ๆ นี้ได้อย่างแน่นอน
Liverpool FC v AFC Bournemouth – Premier League / George Wood/GettyImages
เอ็นโดะ ประเดิมสนาม หงส์แดง
อีกหนึ่งในไฮไลท์ของเกมนี้นั่นคือการที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจส่ง วาตารุ เอ็นโดะ กองกลางคนใหม่ที่เพิ่งจะไปดึงจาก สตุ๊ตการ์ท มาแบบสด ๆ ร้อน ๆ ลงสนาม สืบเนื่องจากการที่ แมค อัลลิสเตอร์ ไปโดนใบแดง แถมตัวหลักคนอื่น ๆ ทั้ง เคอร์ติส โจนส์ ติอาโก้ อัลคันทารา และ สเตฟาน ไบจ์เซติช ที่ยังไฟฟิตเต็มร้อย นั่นจึงเป็นโอกาสของสตาร์ชาวญีปุ่นได้ประเดิมสนาม
ซึ่งหากพูกถึงผลงานอาจจะต้องใช้คำว่า “ยังไม่น่าประทับใจ” เพราะมีหลายจังหวะที่ดวลตัวต่อตัวกับผู้เล่น บอร์นมัธ แล้วเอาไม่อยู่ เสียเปรียบทั้งความเร็วและความแข็งแกร่ง แน่นอนนี่ยังเป็นแค่เกมแรกอาจต้องให้เวลาปรับตัวเข้ากับทั้งระบบและวิธีการเล่นในอังกฤษ แต่ที่แน่ ๆ เกมหน้ากับ นิวคาสเซิล เราน่าจะได้เห็นเขาคนนี้เป็นตัวจริงที่ เซนต์ เจมส์พาร์ค แล้วค่อยมาลุ้นกันว่าถ้าเจอของแข็งอย่าง สาลิกาดง ดาวเตะวัย 30 ปีรายนี้จะเอาอยู่หรือไม่ !
Liverpool FC v AFC Bournemouth – Premier League / George Wood/GettyImages