sportpooltoday

คุณภาพแน่นอน! 4 ประเด็นร้อนก่อนเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ vs ลิเวอร์พูล ศึกตัดเชือกเอฟเอ คัพ


คุณภาพแน่นอน! 4 ประเด็นร้อนก่อนเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ vs ลิเวอร์พูล ศึกตัดเชือกเอฟเอ คัพ

การแข่งขันฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบ 4 ทีมสุดท้าย 2021/22
วันเสาร์ที่ 16 เมษายน 2022
คิกออฟ 21:30 น. ตามเวลาประเทศไทย

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบ ลิเวอร์พูล

สนาม เวมบลีย์
ถ่ายทอดสด: beIN SPORTS 1

1. เกมนี้ต้องมี “ผู้ชนะ”

หลังจากการพบกันแบบสุดมันในเกมพรีเมียร์ลีกสุดสัปดาห์ก่อนที่จบลงด้วยผลเสมอ 2-2 ดูเหมือนแฟนบอลของทั้งสองทีมจะไม่ต้องรอนานสำหรับการโคจรกลับมาพบกันอีกครั้งของสองยอดทีมระดับท็อปของอังกฤษ ณ เวลานี้
zซึ่งเสาร์นี้จะต่างออกไป เพราะการที่เป็น เอฟเอ คัพ รอบ 4 ทีมสุดท้าย จึงเป็นการฟาดแข้งกันที่สนามกลางอย่าง เวมบลีย์ และเล่นแบบนัดเดียวรู้ผลไม่มีเหย้าเยือน หากเสมอกันใน 90 นาทีก็ต้องไปสู้กันในการต่อเวลาพิเศษ 30 นาทีและปิดท้ายด้วยการดวลจุดโทษชี้ขาดหากยังไม่มีผู้ชนะใน 120 นาที

2. ตัวแทน เดอ บรอยน์, วอล์คเกอร์

เรียกได้ว่าเสียหายพอสมควรเลยก็ว่าได้ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายเอาชนะ แอตฯ มาดริด เข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายในศึกยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ไปได้ แต่ก็ต้องแลกกับการเสีย 2 สตาร์ตัวหลักอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ และ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่บาดเจ็บข้อเท้าทั้งคู่ โดยเฉพาะรายหลังที่ข้อเท้าบิดผิดรูปไปในเกมดังกล่าว ซึ่งแน่นอนนั่นอาจทำให้เรือใบสีฟ้าจะไร้ซึ่งสองดาวเตะดังกล่าวในเกมที่พบกับ ลิเวอร์พูล วันเสาร์นี้เช่นกัน
qแต่อย่างไรก็ตาม ขุมกำลังของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา จัดว่าแข็งแกร่งแม้กระทั่งบนม้านั่งสำรอง ฉะนั้น การจะส่ง อิลคาย กุนโดกัน หรือจะใช้งาน แบร์นาร์โด้ ซิลวา แทนที่ตำแหน่งของ เดอ บรอยน์ มาตรฐานก็แทบไม่ต่างกัน รวมถึงตำแหน่งแบ็กขวาที่แน่นอนว่า คันเซโล จะได้กลับมาประจำการแทนที่ วอล์คเกอร์ ส่วนทางซ้ายชั่วโมงนี้คงหนีไม่พ้น นาธาน อาเก ที่ทำผลงานยอดเยี่ยมกับทีมตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา

3. หงส์แดงอาจได้เปรียบเรื่องความฟิต

แม้กลางสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งสองทีมจะมีคิวลงแข่งในเกมยูฟา แชมเปียนส์ ลีก แต่ดูเหมือนว่า ลิเวอร์พูล เองจะมีข้อได้เปรียบอยู่เล็กน้อย ข้อแรกคือพวกเขาได้เล่นในบ้านเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาในขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องบินไปเล่นที่กรุงมาดริด
hข้อที่สอง รูปเกมที่หงส์แดงกุมความได้เปรียบมาถึงสองประตูในนัดแรก ทำให้ เยอร์เกน คล็อปป์ ตัดสินใจใช้นักเตะชุดผสมลงเล่นและพักตัวหลักหลายคนอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดค์, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, ซาดิโอ มาเน และ โม ซาลาห์ ไว้บนม้านั่ง ส่วน เรือใบสีฟ้า ที่นำอยู่ประตูเดียวจำต้องจัดชุดเต็มลงบู๊แถมเจอทีมที่เขี้ยวสุดๆอย่างตราหมี ที่บดใส่จนเกมตึงตลอด 90 นาที

นอกจากนี้ยังมีลูกตุกติกชนิดที่กว่าจะจบเกมก็อ่วมกันทั้งสองฝ่าย คงต้องมาลุ้นกันว่าข้อได้เปรียบดังกล่าวจะส่งผลต่อรูปเกมในวันเสาร์นี้อย่างไร แต่เชื่อได้เลยว่า แม้ว่าจะเหนื่อยล้ากันเพียงใดแต่ด้วยศักดิ์ศรีทั้งสองฝ่ายจะยังคงเล่นใหญ่ใส่เต็มในเกมนี้แบบไม่มีกั๊กอย่างแน่นอน

4. หงส์แดงจะแก้ปัญหาแดนกลางอย่างไร?

ต้องบอกก่อนว่า อันที่จริง ลิเวอร์พูล ของ เยอร์เกน คล็อปป์ เองก็ไม่ได้มีปัญหาในแผงมิดฟิลด์แต่อย่างใด แต่การพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อสัปดาห์ก่อนแสดงให้เห็นแล้วว่า ด้วยศักยภาพนักเตะรวมถึงแทคติคการเล่น ทำให้เกมกลางสนามของหงส์แดงดูจะเป็นรองอย่างชัดเจน ซึ่งการที่ซิตี้คุมพื้นที่กลางสนามได้นั้น สร้างปัญหาให้กับรูปเกมของ ลิเวอร์พูล เป็นอย่างมาก
uแต่แน่นอน กุนซือระดับ คล็อปป์ ย่อมไม่ปล่อยให้ตัวเองโดนเล่นงานจุดเดิมซ้ำสองและคงมีแผนการมาแก้เกมอย่างแน่นอน จึงเป็นอะไรที่น่าสนใจว่าที่สุดแล้วเกมนี้สองกุนซือจะมีทีเด็ดอะไรงัดออกมาให้แฟนบอลได้ชมกันเป็นบุญตาในคืนวันเสาร์นี้กันอีกบ้าง